ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 651

เหลิ่งชิงฮวนเสริมเชื้อเพลิง เมื่อเห็นท่าทางมึนงงของเฟิ่งเหล่ยอวี้แล้วก็รู้สึกว่าน่ารักมาก ในใจเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา

เธอทำตัวอย่างกับพวกแม่เล้า หวังว่าหากโฉวซือเส่ารู้ว่าเธอตามใจนางจนเคยตัวแบบนี้จะไม่โมโหขึ้นมา เฟิ่งเหล่ยอวี้เป็นสตรีที่ดีจริงๆ

ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังกันเพราะความรักเป็นเหตุ อย่างเช่นเหลิ่งชิงหลางและจิ่นอวี๋ สหายคนสนิทก็สามารถเปลี่ยนเป็นศัตรูตัวฉกาจได้

นางแอบรักโฉวซือเส่ามานานหลายปีแต่กลับไม่เคยรู้สึกริษยาที่โฉวซือเส่าทำดีกับเธอและอวิ๋นเช่อ ซ้ำในตอนแรกโฉวซือเส่ายังคิดที่จะให้เธอสวมรอยเป็นนางไปที่เจียงหนานด้วยกัน

นางไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ซ้ำยังคอยดูแลปรนนิบัติโฉวซือเส่าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ในช่วงที่เผชิญหน้ากับอันตราย คนกลัวเจ็บอย่างนางถึงขั้นเอาตัวไปรับกระสุนแทนโฉวซือเส่าโดยไม่คิดชีวิต

โฉวซือเส่าเคยบอกกับเธอว่า ในช่วงระหว่างเส้นต่อความตาย นางถึงขั้นคิดจะจบชีวิตตัวเองด้วยดาบเพราะไม่อยากเป็นภาระให้เขา

บนโลกนี้ไม่มีใครที่จะดีกับโฉวซือเส่าได้เท่ากับนางอีกแล้ว อีกทั้งเฟิ่งเหล่ยอวี้ยังอ่อนโยนราวกับแสดงอาทิตย์เดือนสาม สายลมวสันต์เดือนสี่ ด้วยความอ่อนโยน ความนุ่มนวลของนางจะต้องรักษาบาดแผลของโฉวซือเส่าได้อย่างแน่นอน

เคียงข้างกันไปราวกับสายน้ำที่สงบนิ่ง

มู่หรงฉีไม่ได้กวนโฉวซือเส่า ทั้งสามคนคุยเรื่องที่ค้างจากการโดนเฟิ่งเหล่ยอวี้ขัดเมื่อครู่ต่อ

“ทางซีเป่ยที่ส่งไปตรวจสอบก็ไม่พบอะไร ไม่มีอาวุธเหล่านั้นด้วยซ้ำ อีกอย่าง ไม่พบร่องรอยของม้าศึกที่เสด็จอารองแอบเลี้ยงไว้ด้วย ช่างน่าแปลก เมื่อต้นไม้ล้มฝูงลิงค่างก็ต่างกระจายกันไปหมด ตอนนี้เสด็จอารองก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว พวกหัวมังกุท้ายมังกรไร้ผู้นำก็มีแต่วุ่นวาย แต่ทำไมถึงไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย?”

มู่หรงฉีนิ่งเงียบไม่พูดจา คิ้วเรียวขมวดแน่น “กลัวก็แต่ว่าไม่ใช่พวกหัวมังกุท้ายมังกร พวกมันจะเป็นพันธมิตรกับมั่วเป่ยแล้วหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง สุดท้ายก็กลายเป็นหายนะ”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าทูตของมั่วเป่ยใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว”

“เมื่อครู่ได้รับรายงานแล้ว ได้ยินว่าเป็นองค์ชายอันต๋ากับใต้เท้าหลู่”

โฉวซือเส่าสงสัย “ชิงฮวนบอกว่าคือคนที่สร้างปืนงั้นหรือ?”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น”

โฉวซือเส่ายิ้มอย่างมุ่งร้าย “เคยได้ยินชิงฮวนพูดถึงอยู่ ได้ยินว่าเจ้าหนามยอกอกคนนั้นเอาแค่ริษยาความงามของท่านอ๋องฉี จึงมีแผนการอะไรบางอย่าง”

มู่หรงฉียกจอกสุราในมือกระดกจนหมด แสดงท่าทีว่าไม่สนใจคำพูดนั้น บนโลกนี้จะมีใครหาเปรียบความงามได้เท่าเจ้าล่ะ โฉวซือเส่า

เสิ่นหลินเฟิงเอ่ยต่อ “ตามรายงาน ภายใต้การช่วยเหลือของใต้เท้าหลู่ทำให้หลายปีมานี้องค์ชายอันต๋าผู้นั้นแข็งแกร่งราวกับเสือติดปีก เขาทำคุณงามความดีมากมายต่อหน้ากษัตริย์มั่วเป่ยซึ่งทำให้เหล่าพี่น้องของเขาอิจฉาจนร่วมมือกันกีดกันเขา”

“ครั้งนี้ใต้เท้าหลู่ทำข้อตกลงกับฉางอันอย่างลับๆ เหล่าองค์ชายมั่วเป่ยก็ใช้โอกาสนี้ซ้ำเติมและดึงขุนนางมาเป็นพวก กษัตริย์มั่วเป่ยเองก็ทำได้แค่ให้องค์ชายอันต๋าและใต้เท้าหลู่ตกเป็นแพะรับบาป ส่งพวกเขามาเป็นทูตที่ฉางอันเพื่อแก้ปัญหา”

“แต่ว่าทางด้านมั่วเป่ยเองก็ยังเตรียมการสงครามอย่างลับๆ รอเพียงแค่ผลลัพธ์ของการที่สองคนนั้นมาที่ฉางอัน”

“ตอนนี้พวกเราไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของทางมั่วเป่ย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธที่ทรงพลังกว่าหรือไม่ ชิงฮวนเคยบอกว่าหลักการผลิตแทบจะเหมือนกันทั้งหมดและสามารถขายการผลิตได้ เพื่อผลิตอาวุธที่มีพลังทำลายล้างมากกว่า หากกษัตริย์มั่วเป่ยมีความคิดมากพอที่จะรับฟัง หลายปีนี้ก็คงจะไม่มีประเทศไหนที่สามารถเทียบความสามารถในการสู้รบของมั่วเป่ยได้”

มู่หรงฉีเอ่ยอย่างกังวล

นับตั้งแต่ที่มีชิงฮวน เขาก็รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณในการต่อสู้ของจนเองหายไป ไม่กระหายสนามรบเหมือนเมื่อก่อน เขาสงบนิ่งและชอบอยู่กับคนในตระกูล ไม่ต้องแยกจากกัน ไม่ต้องทำให้เหลิ่งชิงฮวนเป็นกังวล

ขณะที่ทั้งสามคนถกเถียงกันอย่างออกรสก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากเรือนหน้าวิ่งเข้ามาด้านใน

คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงตะโกนดังมาก่อน “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องขอรับ แย่แล้วขอรับ!”

แค่ได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นรองแม่ทัพอวี๋ เสียงฝีเท้าหนักแน่นจนแทบจะทำให้พื้นดินทะลุเป็นโพรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา