ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 651

สรุปบท ตอนที่ 651 พยานโดนฆ่าปิดปากแล้ว: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 651 พยานโดนฆ่าปิดปากแล้ว – ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บท ตอนที่ 651 พยานโดนฆ่าปิดปากแล้ว ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ในหมวดนิยายนิยาย โรแมนติค เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉลิมพล อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เหลิ่งชิงฮวนเสริมเชื้อเพลิง เมื่อเห็นท่าทางมึนงงของเฟิ่งเหล่ยอวี้แล้วก็รู้สึกว่าน่ารักมาก ในใจเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา

เธอทำตัวอย่างกับพวกแม่เล้า หวังว่าหากโฉวซือเส่ารู้ว่าเธอตามใจนางจนเคยตัวแบบนี้จะไม่โมโหขึ้นมา เฟิ่งเหล่ยอวี้เป็นสตรีที่ดีจริงๆ

ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังกันเพราะความรักเป็นเหตุ อย่างเช่นเหลิ่งชิงหลางและจิ่นอวี๋ สหายคนสนิทก็สามารถเปลี่ยนเป็นศัตรูตัวฉกาจได้

นางแอบรักโฉวซือเส่ามานานหลายปีแต่กลับไม่เคยรู้สึกริษยาที่โฉวซือเส่าทำดีกับเธอและอวิ๋นเช่อ ซ้ำในตอนแรกโฉวซือเส่ายังคิดที่จะให้เธอสวมรอยเป็นนางไปที่เจียงหนานด้วยกัน

นางไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ซ้ำยังคอยดูแลปรนนิบัติโฉวซือเส่าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ในช่วงที่เผชิญหน้ากับอันตราย คนกลัวเจ็บอย่างนางถึงขั้นเอาตัวไปรับกระสุนแทนโฉวซือเส่าโดยไม่คิดชีวิต

โฉวซือเส่าเคยบอกกับเธอว่า ในช่วงระหว่างเส้นต่อความตาย นางถึงขั้นคิดจะจบชีวิตตัวเองด้วยดาบเพราะไม่อยากเป็นภาระให้เขา

บนโลกนี้ไม่มีใครที่จะดีกับโฉวซือเส่าได้เท่ากับนางอีกแล้ว อีกทั้งเฟิ่งเหล่ยอวี้ยังอ่อนโยนราวกับแสดงอาทิตย์เดือนสาม สายลมวสันต์เดือนสี่ ด้วยความอ่อนโยน ความนุ่มนวลของนางจะต้องรักษาบาดแผลของโฉวซือเส่าได้อย่างแน่นอน

เคียงข้างกันไปราวกับสายน้ำที่สงบนิ่ง

มู่หรงฉีไม่ได้กวนโฉวซือเส่า ทั้งสามคนคุยเรื่องที่ค้างจากการโดนเฟิ่งเหล่ยอวี้ขัดเมื่อครู่ต่อ

“ทางซีเป่ยที่ส่งไปตรวจสอบก็ไม่พบอะไร ไม่มีอาวุธเหล่านั้นด้วยซ้ำ อีกอย่าง ไม่พบร่องรอยของม้าศึกที่เสด็จอารองแอบเลี้ยงไว้ด้วย ช่างน่าแปลก เมื่อต้นไม้ล้มฝูงลิงค่างก็ต่างกระจายกันไปหมด ตอนนี้เสด็จอารองก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว พวกหัวมังกุท้ายมังกรไร้ผู้นำก็มีแต่วุ่นวาย แต่ทำไมถึงไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย?”

มู่หรงฉีนิ่งเงียบไม่พูดจา คิ้วเรียวขมวดแน่น “กลัวก็แต่ว่าไม่ใช่พวกหัวมังกุท้ายมังกร พวกมันจะเป็นพันธมิตรกับมั่วเป่ยแล้วหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง สุดท้ายก็กลายเป็นหายนะ”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าทูตของมั่วเป่ยใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว”

“เมื่อครู่ได้รับรายงานแล้ว ได้ยินว่าเป็นองค์ชายอันต๋ากับใต้เท้าหลู่”

โฉวซือเส่าสงสัย “ชิงฮวนบอกว่าคือคนที่สร้างปืนงั้นหรือ?”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น”

โฉวซือเส่ายิ้มอย่างมุ่งร้าย “เคยได้ยินชิงฮวนพูดถึงอยู่ ได้ยินว่าเจ้าหนามยอกอกคนนั้นเอาแค่ริษยาความงามของท่านอ๋องฉี จึงมีแผนการอะไรบางอย่าง”

มู่หรงฉียกจอกสุราในมือกระดกจนหมด แสดงท่าทีว่าไม่สนใจคำพูดนั้น บนโลกนี้จะมีใครหาเปรียบความงามได้เท่าเจ้าล่ะ โฉวซือเส่า

เสิ่นหลินเฟิงเอ่ยต่อ “ตามรายงาน ภายใต้การช่วยเหลือของใต้เท้าหลู่ทำให้หลายปีมานี้องค์ชายอันต๋าผู้นั้นแข็งแกร่งราวกับเสือติดปีก เขาทำคุณงามความดีมากมายต่อหน้ากษัตริย์มั่วเป่ยซึ่งทำให้เหล่าพี่น้องของเขาอิจฉาจนร่วมมือกันกีดกันเขา”

“ครั้งนี้ใต้เท้าหลู่ทำข้อตกลงกับฉางอันอย่างลับๆ เหล่าองค์ชายมั่วเป่ยก็ใช้โอกาสนี้ซ้ำเติมและดึงขุนนางมาเป็นพวก กษัตริย์มั่วเป่ยเองก็ทำได้แค่ให้องค์ชายอันต๋าและใต้เท้าหลู่ตกเป็นแพะรับบาป ส่งพวกเขามาเป็นทูตที่ฉางอันเพื่อแก้ปัญหา”

“แต่ว่าทางด้านมั่วเป่ยเองก็ยังเตรียมการสงครามอย่างลับๆ รอเพียงแค่ผลลัพธ์ของการที่สองคนนั้นมาที่ฉางอัน”

“ตอนนี้พวกเราไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของทางมั่วเป่ย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธที่ทรงพลังกว่าหรือไม่ ชิงฮวนเคยบอกว่าหลักการผลิตแทบจะเหมือนกันทั้งหมดและสามารถขายการผลิตได้ เพื่อผลิตอาวุธที่มีพลังทำลายล้างมากกว่า หากกษัตริย์มั่วเป่ยมีความคิดมากพอที่จะรับฟัง หลายปีนี้ก็คงจะไม่มีประเทศไหนที่สามารถเทียบความสามารถในการสู้รบของมั่วเป่ยได้”

มู่หรงฉีเอ่ยอย่างกังวล

นับตั้งแต่ที่มีชิงฮวน เขาก็รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณในการต่อสู้ของจนเองหายไป ไม่กระหายสนามรบเหมือนเมื่อก่อน เขาสงบนิ่งและชอบอยู่กับคนในตระกูล ไม่ต้องแยกจากกัน ไม่ต้องทำให้เหลิ่งชิงฮวนเป็นกังวล

ขณะที่ทั้งสามคนถกเถียงกันอย่างออกรสก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากเรือนหน้าวิ่งเข้ามาด้านใน

คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงตะโกนดังมาก่อน “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องขอรับ แย่แล้วขอรับ!”

แค่ได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นรองแม่ทัพอวี๋ เสียงฝีเท้าหนักแน่นจนแทบจะทำให้พื้นดินทะลุเป็นโพรง

เหลิ่งชิงฮวนก็ออกมาเพราะได้ยินข่าว บวกกับเสิ่นหลินเฟิงที่เชี่ยวชาญการทำคดี ทั้งสามคนตรงไปที่กรมอาญาทันที

ทุกคนในกรมอาญาต่างหวาดกลัวตัวสั่น

ฮ่องเต้รับสั่งมาด้วยตนเองว่าต้องคุ้มกันพยานปากให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าปิดปาก ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วคำสั่งนี้ตกไปอยู่ที่ใคร

โดยเฉพาะทหารที่เข้าเวรในตอนนั้น ร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียก เม็ดเหงื่อผุดออกมาราวกับกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องน่าหวาดกลัว

ขอเพียงแค่คนด้านบนสั่งว่า “เอามันออกไปประหาร!” ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็คงจบสิ้น

ในคุกมีชายชราคนหนึ่ง เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนก็ร้องตะโกนว่าคนรู้จักมาแล้ว คุกสวรรค์เป็นสถานที่สกปรกและผู้คนต่างหลีกเลี่ยงแล้วทำไมพระชายาถึงได้มาที่นี่ได้?

ผู้คุมหน้าขาวที่เคยรีดไถเงินจากเหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเสียใจ ทำไมเขาไม่ใช่โอกาสนั้นประจบประแจงนางนะ?

ไม่รู้ว่านางจะเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไม่

พวกมู่หรงฉีรีบเข้าไปในคุกสวรรค์ทันที รอบด้านถูกปิดตายแม้แต่หน้าต่างก็ไม่มี

เพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษฆ่าตัวตาย จะมีการใส่กุญแจมือและเท้าของเขาและจะมีทหารผลัดเปลี่ยนยามกันเข้ามาเฝ้าด้านใน การคุ้มกันด้านนอกก็แน่นหนาไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้

อีกทั้งทหารยามก็กินนอนอยู่ที่กรมอาญาไม่สามารถออกไปจากคุกสวรรค์ได้ และมีการจำกัดไม่ให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกซ้ำยังไม่สามารถเคลื่อนไหวเองได้โดยพลการ

ส่วนอาหารของนักโทษนั้น รองเสนาบดีกรมอาญาก็สั่งให้มีคนดูแลโดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับชีวิตไม่อาจประมาทได้

แม้ว่าจะคุ้มกันแน่นหนาเช่นนี้ ก็ยังเกิดเรื่องขึ้นได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา