ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 701

สรุปบท ตอนที่ 701 ชาวต่างชาติที่สะกดจิตเป็น: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปตอน ตอนที่ 701 ชาวต่างชาติที่สะกดจิตเป็น – จากเรื่อง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

ตอน ตอนที่ 701 ชาวต่างชาติที่สะกดจิตเป็น ของนิยายนิยาย โรแมนติคเรื่องดัง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดยนักเขียน เฉลิมพล เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ใต้เท้าหลู่อาศัยอยู่ที่จวนอ๋องฉี คนทั่วทั้งจวนท่านอ๋องปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับปฏิบัติแขกผู้สูงศักดิ์ด้วยความเคารพ กินดีดื่มดีต้อนรับดี

มู่หรงฉีปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับรู้จักกันดีเลยทีเดียว ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเรียกพี่เรียกน้องและดื่มเหล้าเล็กน้อย ค่อนข้างปรองดองกัน ท่าทางเหมือนกับเสียดายที่รู้จักกันช้าไป

วันถัดมารับช่วงต่องาน นึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะมาตรวจตราพร้อมกันกับเขา ใต้เท้าหลู่ก็ให้คำแนะนำช่างฝีมือ ปรับปรุงวิธีการสร้างระเบิดฟ้าคำรณให้ดีขึ้น

ฮ่องเต้ชื่นชมเขามาก นอกจากจะส่งราชองครักษ์มาคุ้มครองความปลอดภัยของเขาในระหว่างเข้าออกแล้ว ฮ่องเต้ยังจัดงานเลี้ยงภายในวัง ทำการต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยยอดสุราธาราหยก เพื่อแสดงพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์ออกมาให้ชัดเจน

เหล่าขุนนางฉางอันถ่อมตัวเป็นพิเศษเนื่องจากฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับเขา

ใต้เท้าภาคภูมิใจ คิดว่าตนเองมีความสามารถพิเศษ สามารถหาช่องทางในการดำรงชีวิตได้ทุกที่ ด้วยฝีมือด้านหัตถกรรมนี้ ใครจะกล้าไม่ไว้หน้าเขา

คนซึ่งไม่ได้รับต้อนรับจากมั่วเป่ย พอมาฉางอัน วันหนึ่งกลับบรรลุปณิธานอันสูงส่ง ประจันหน้ากับสายลมอันทรงพลัง ควบม้าอย่างสุขุมและภาคภูมิ

หลังจากกลับถึงจวนท่านอ๋อง ก็เรียกรองแม่ทัพอวี๋กับองครักษ์ทุกคนไปดื่ม หยิ่งยโสอย่างยิ่ง ทำให้รองแม่ทัพอวี๋และคนอื่นๆ มองเขาแล้วคันฟันมากขึ้นเรื่อยๆ

แค่หวังว่าจวนของเขาจะซ่อมเสร็จไวๆ จะได้ส่งมหาเทพแสนสูงส่งนี้ออกไปสักที

สองวันต่อมา รางวัลที่ฮ่องเต้ประทานให้แก่เหลิ่งชิงฮวนส่งมาที่จวนอ๋องฉีแล้ว

รับประโยชน์จากคนอื่นมา ก็ต้องช่วยคนอื่นทำงาน ชิงฮวนคิดว่า หากคนอื่นไม่รุกรานตนเอง ตนเองก็จะไม่รุกรานคนอื่น หากใต้เท้าหลู่ยอมกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี และช่วยเหลือมู่หรงฉีได้ ตนเองก็จะยอมให้อภัย ไม่คิดเล็กคิดน้อยอีก

นางสั่งให้คนนำป้ายประกาศเกียรติคุณที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ไปแขวนไว้บนห้องโถงใหญ่ของตำหนักฉาวเทียน

มู่หรงฉีกลับมาจากฝึกดาบ กำลังประเมินผลการเรียนในสองวันมานี้ของเสี่ยวอวิ๋นเช่อ

มีคนจากค่ายทหารมาเยือน เป็นนายทหารระดับสูงที่เป็นลูกน้องของมู่หรงฉี ถือแส้ม้าไว้ในมือ หลังจากคำนับ ก็ยืนรายงานอยู่ภายในลานบ้าน บอกว่าเกิดเรื่องประหลาดในค่ายทหาร เลยมาเชิญมู่หรงฉีไปดูหน่อย

สองวันมานี้มู่หรงฉีมัวแต่ยุ่งเรื่องราชทูตมั่วเป่ย จึงไม่ได้ไปค่ายทหาร

หากเป็นเรื่องจุกจิก คงไม่ถึงขนาดวิ่งมายังจวนอ๋องฉีเป็นการเฉพาะอย่างแน่นอน

มู่หรงฉีลูบหัวของอวิ๋นเช่อ และบอกให้เขาไปทำการบ้าน จากนั้นซักถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

นายทหารระดับสูงรายงานส่วนสำคัญอย่างตรงประเด็นว่า “ปีเตอร์ที่เราช่วยมาเมื่อสองวันก่อนใช้คาถาภายในค่ายทหาร ตอนนี้ถูกพวกเราจำคุกเอาไว้ ตามกฎหมายของฉางอันต้องลงโทษโดยหารเผาทั้งเป็นหรือไม่”

ปีเตอร์คือชาวต่างชาติที่มาเผยแผ่ศาสนาคนนั้น ถูกมู่หรงฉีช่วยเหลือเป็นการชั่วคราวมาสองวันแล้ว แต่ทว่าได้ส่งคนไปจำกัดเสรีภาพของเขา

ทุกคนไม่เคยเห็นคนหน้าตาแบบนี้มาก่อน จึงมีทหารอคติต่อเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มองเป็นตัวประหลาด และนินทาลับหลัง แต่ทว่า ทำไมเขาถึงรู้จักการใช้คาถาล่ะ

“คาถาอะไร” มู่หรงฉีถามด้วยความแปลกใจ

นายทหารระดับสูงกล่าวอย่างครบถ้วนว่า “ปีเตอร์คนนั้นมักจะถือว่าไม้กางเขนที่ห้อยไว้บนคอของเขาเป็นสมบัติล้ำค่าเสมอ บูชาทุกวันเหมือนกับบูชาเทพเจ้า และพูดภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ เมื่อวานพี่น้องในค่ายทหารคิดจะล้อเขาเล่น เลยเอาไม้กางเขนของเขาไปซ่อน”

“ปีเตอร์เลยพลิกหาทั่วทุกสารทิศอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็หาไม่เจอ คนอื่นก็ไม่ยอมรับ แถมยังพูดหยอกล้อเขา ผลสุดท้าย ใครจะรู้ว่าทุกคนภายใต้สายตาของทุกคน ปีเตอร์จะใช้คาถาทำให้ทหารที่แอบขโมยไม้กางเขนของเขาไปสติเลื่อนลอย ต่อมา สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือ ในขณะที่สูญเสียสติ ทหารคนนั้นบอกที่ซ่อนไม้กลางเขนออกมาอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนล้วนตกตะลึง นี่เป็นคาถาอาคมหรือไม่”

“พวกเรารีบจับกุมเขาเอาไว้ และสั่งให้คนดูแลอย่างเข้มงวด แต่ไม่รู้ว่าควรจะลงโทษอย่างไร ดังนั้นเลยตั้งใจมาเชิญท่านอ๋องไปดูขอรับ”

มู่หรงฉีได้ยินสิ่งนี้ หัวใจเต้นตึกๆ ตักๆ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคาถาดึงดูดวิญญาณของจิ่นอวี๋ในตอนนั้นขึ้นมา จึงพลั้งปากออกไปว่า

“ข้าจะไปค่ายทหารสักหน่อย”

ชิงฮวนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ความจริงชาวต่างชาติที่ชื่อว่าปีเตอร์คนนั้นแปลกประหลาดมาก

นางอยากรู้ว่าในมิตินี้ การพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่อีกฝากหนึ่งของมหาสมุทรเป็นอย่างไร มีเหตุการณ์หรือสิ่งของสดใหม่หรือไม่ บางทีสิ่งนี้อาจจะสามารถวินิจฉัยยุคสมัยในตอนนี้ออกมาได้ เรื่องนี้บนบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกประเทศเอาไว้ แท้จริงแล้วอยู่ในกระแสแห่งการสับเปลี่ยนรัชสมัยไหนกันแน่ เหตุใดถึงถูกกำจัดบนบันทึกประวัติศาสตร์ล่ะ

น่าเสียดาย ตนเองไม่กล้าแสดงตัวมากเกินไป ไม่มีความรู้ของยุคนี้ รวมถึงภาษาด้วย นี่จะทำให้คนมากมายสงสัยความเป็นมาของตนเอง

มู่หรงฉีเพิ่งจะออกไป ใต้เท้าหลู่ก็กลับมาแล้ว

เขาเอามือไขว้หลังและเดินมาตรงประตูตำหนักฉาวเทียนอย่างช้าๆ รองแม่ทัพอวี๋เหมือนกับกันขโมย เดินตามมาอย่างรวดเร็ว

พอเห็นเหลิ่งชิงฮวน เขาทำการทักทายอย่างกระตือรือร้น “สวัสดีคนบ้านเดียวกัน!”

รองแม่ทัพอวี๋เบิกตามอง “เคารพหน่อย ใครเป็นคนบ้านเดียวกันกับเจ้า”

ไม่พูดซ้ำยังดี ยิ่งพูดซ้ำยิ่งไม่ดี

ชิงฮวนหันหน้า “เห็นใต้เท้าหลู่แล้ว ข้านึกประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ ประจันหน้ากับสายลมอันทรงพลัง ควบม้าอย่างสุขุมและภาคภูมิ ดูเหมือนวันเดียวก็สามารถชมความสวยงามของฉางอันได้หมด”

ใต้เท้าหลู่ยืนอยู่นอกประตู และเงยหน้ามองป้ายประกาศเกียรติคุณสีทองอร่ามที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ “ถึงแม้ข้าจะไม่มีความรู้ แต่ก็ทราบประโยคหนึ่งซึ่งเรียกว่า ฮวงจุ้ยสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามลำดับ พรุ่งนี้มาถึงบ้านพวกเรา ท่านว่าพวกเราสองคนมาจากครอบครัวฐานะดีเหมือนกับ ทำไมท่านถึงสูงส่งเป็นถึงพระชายา อยู่ดีกินดี ทาสรับใช้ล้อมรอบ ส่วนข้ากลับอยู่ในโรงม้า ได้รับความอับอายขายหน้า ยากลำบากเกินจะบรรยาย?

ชิงฮวนเห็นเขาพูดออกมาอย่างไม่กังวล จึงออกมาประจันหน้า และสั่งให้รองแม่ทัพอวี๋ถอยไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา