ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 702

สรุปบท ตอนที่ 702 เจ้ากำลังขู่เข็ญข้าหรือ: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 702 เจ้ากำลังขู่เข็ญข้าหรือ จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 702 เจ้ากำลังขู่เข็ญข้าหรือ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

รองแม่ทัพอวี๋มิกล้าประมาท ถอยหลังไปหลายจั้ง และจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ

“ดูเหมือนว่าใต้เท้าหลู่จะไม่พอใจกับตำแหน่งเจ้ากรมในตอนนี้เป็นอย่างยิ่งสินะ”

“ข้าไม่สนใจเรื่องได้ยศทาบรรดาศักดิ์ ข้าค่นข้างชอบชีวิตในยุคปัจจุบันมากกว่า”

ชิงฮวนคิดมาตลอดว่าใต้เท้าหลู่มีความทะเยอทะยานมาก ไม่มีวันสิ้นสุด หากไม่ได้รับความพึงพอใจ แต่เขากลับพูดประโยคแบบนี้ออกมา ทำให้คนแปลกใจจริงๆ

“ตอนเจ้าอยู่ในยุคปัจจุบันก็คงจะเป็นทหารหน่วยรบพิเศษธรรมดาๆ ตอนนี้กินดีอยู่ดี อนาคตไม่มีขีดจำกัดไม่ดีหรือ”

“ไม่ดี” ใต้เท้าหลู่กล่าวออกมาทันที ไม่มีความลังเลเลยสักนิดเดียว “ถึงแม้ข้าจะพยายามเป็นคนแข็งแกร่ง แต่ข้าเกลียดชังสภาพสังคมที่คนอ่อนแอถูกคนแข็งแกร่งผนวกเข้ามาเป็นของตนเองนี้ ข้าอยากกลับไปยังยุคปัจจุบันตลอดเวลา”

“กลับไม่ได้แล้ว พวกเราร่างแหลกกระดูกแตกเป็นชิ้นๆ แล้ว จะกลับไปอย่างไรเล่า ยึดครองร่างกายของคนอื่นหรือ”

“นั่นก็ดีกว่าอยู่ในสถานการณ์อันตรายนี้เป็นร้อยเท่า! ถึงแม้พวกเราจะอยู่ในมิตินี้มาหกปีแล้ว แต่ในยุคปัจจุบัน อาจจะเป็นเพียงความฝันสั้นๆ อีกอย่างหากข้าไปแล้ว ก็จะไม่มีใครรู้ความลับของเจ้าอีก เจ้าจะได้สบายใจอย่างสมบูรณ์”

“เจ้ายังอยากได้แหวนนาโนของข้าใช่หรือไม่”

“ท่านเป็นถึงพระชายาฉี เรียกลมเรียกผมได้ สำหรับท่านแหวนนาโนอันเดียว จะมีหรือไม่มีก็ได้ ทำไมถึงตัดใจไม่ลง”

“นี่เจ้ากำลังขอร้องหรือว่าขู่เข็ญกันแน่”

ใต้เท้าหลู่ไม่ตอบแต่ถามกลับว่า “พระชายาฉีต้องเคยดูละครเรื่อง ‘ตำนานนางพญางูขาว’ แล้วก็ ‘โปเยโปโยเยตอนวาดผิวหนัง’ แน่ๆ นี่ล้วนเป็นเรื่องราวที่ทุกคนรู้”

“เจ้าอยากพูดอะไร”

“พอสวี่เซียนรู้ว่าภรรยาที่ตนเองร่วมเตียงด้วยเป็นงูขาวตัวหนึ่ง เขาก็วิ่งไปยังวัดจินซานอย่างไร้เยื่อใย มองหาการคุ้มครองจากหลวงจีนฝ่าไห่ ส่วนหวังเซิงยิ่งไร้ความเมตตา ผู้หญิงที่ตนเองชอบแค่เปลี่ยนใบหน้า ก็เปลี่ยนเป็นโหดร้ายน่ากลัวเล็กน้อย ทำการเชิญนักบวชมาทุบตีนางจนตาย มันแสดงให้เห็นว่าผู้ชายล้วนเหมือนกัน”

เหลิงชิงฮวนถอนหายใจเบาๆ “ข้ารักและทะนุถนอมชีวิตของข้าในตอนนี้มาก กลัวจะสูญเสียไปจริงๆ แต่ว่าเจ้าไม่เข้าใจนิสัยของข้า อย่างแรก ข้าไม่ชอบโดนคนขู่เข็ญ อย่างที่สอง ข้าไม่เคยทำให้ตัวเองรู้สึกลำบากเพื่อเอาอกเอาใจผู้ชายคนเดียว แน่นอนว่ายังมีอย่างที่สาม ก็คือผู้ชายที่เหลิ่งชิงฮวนอย่างข้าพอใจ ไม่เลวขนาดนั้น”

แต่ถ้าคนอื่นทราบความเป็นมาของเจ้า อ๋องฉีของเจ้าจะปกป้องเจ้าทุกด้านหรือไหม”

“เจ้ากำลังเตือนให้ข้าฆ่าคนปิดปากอย่างนั้นหรือ”

ใต้เท้าหลู่หัวเราะอย่างโอหัง “กล้าสังหารฆ่า มู่หรงฉีอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้คงจะจบเห่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มู่หรงฉียังต้องพึ่งพาข้าต่อสู้กับมั่วเป่ย เหลิ่งชิงฮวนอย่างท่านไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

นี่สิถึงจะเป็นจุดอ่อน เมื่อเผชิญหน้ากับการขู่เข็ญ ชิงฮวนได้แต่แจะปากลิ้มรส และไม่มีอะไรจะพูด

ใต้เท้าหลู่พอใจมาก “ชอบมองท่านทำท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้าแต่กลับจนปัญญา สบายใจขึ้นมากแล้ว ข้าจะให้เวลาท่านพิจารณาสามวันว่าท่านต้องการแหวนนาโนหรือว่าต้องการปกป้องความลับที่บอกให้คนอื่นรู้ไม่ได้ของตัวเอง ต้องให้คำตอบก่อนข้าจะไปจากจวนอ๋องฉี”

ชิงฮวนหลุบเปลือกตาลงและไม่พูดอะไร

นางไม่อยากมอบแหวนนาโนให้คนอื่น นี่เป็นแหล่งตั้งตัวของตัวเอง แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนรู้ความลับ นี่จะนำปัญหาซึ่งไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้มาสู่ตนเอง มู่หรงฉี และอวิ๋นเช่อ

ใต้เท้าหลู่เดินจากไปอย่างพึงพอใจ

ชิงฮวนแอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางตอบสนองคำพูดของใต้เท้าหลู่จริงๆ เกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่กลับจนปัญญา

นางยังมีอารมณ์อยากฆ่าคน แต่ทว่านางไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ

แต่นางกลับไม่รู้เลยว่ามู่หรงฉีที่ไม่มีความจริงใจกับใต้เท้าหลู่ก็ร้อนอกร้อนใจเช่นเดียวกัน อีกอย่างเขาได้เริ่มแผนการของตัวเองแล้ว

ประเทศจีนมีสุภาษิตหนึ่งกล่าวว่า คนวาสนาดีไม่ต้องลำบากวิ่งเต้นให้มีวาสนาดี คนไร้วาสนาต้องพยายามอย่างสุดชีวิตถึงจะมีวาสนาดี

ปีเตอร์มีความเชื่อ มีบรรทัดฐานในการปฏิบัติตัวและกระทำการต่างๆ ของตนเอง ไม่อยากสูญเสียความหยิ่งทะนง แต่เขาเคารพและซาบซึ้งในบุญคุณของมู่หรงฉีมาก จึงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ อีกทั้งยังระบุว่าแค่ครั้งนี้เท่านั้น

จวนของใต้เท้าหลู่ซ่อมแซมเสร็จแล้ว กำลังจะย้ายออกไปจากจวนอ๋องฉี

มู่หรงฉีจัดงานเลี้ยงส่งใต้เท้าหลู่ ปีเตอร์ทำหน้าที่อยู่เป็นเพื่อนแขก

พอใต้เท้าหลู่เห็นปีเตอร์ ก็ชะงักทันที และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ต่อมา มู่หรงฉีได้ยินอย่างภาษาที่น้ำเสียงกับสำเนียงเหมือนกันกับปีเตอร์ออกมาจากปากของใต้เท้าหลู่อย่างเหลือเชื่อ

ใบหน้าของปีเตอร์เต็มไปด้วยสีสันหลากหลายทันที ตื่นเต้นจนเกือบจะร้องไห้ ทำการกอดใต้เท้าหลู่ เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนกับเป็นเพื่อนเก่า ดีใจเป็นพิเศษ

ต่อมา บนโต๊ะเหล้าทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างราบรื่น ทิ้งมู่หรงฉีเอาไว้ข้างๆ

ชัดเจนว่าใต้เท้าหลู่พูดไม่คล่องเท่าปีเตอร์ พูดติดๆ ขัดๆ ทำท่าทางคาดเดา แต่มันไม่กระทบต่อความเป็นมิตรกับความสนใจที่ปีเตอร์มีต่อเขาเลย

ดื่มเหล้าแก้วหนึ่งต่อด้วยอีกแก้ว มีกลิ่นอายของคนที่นิสัยเหมือนกันอยู่ด้วยกันไม่เบื่อหน่ายอย่างมาก ทั้งสองคนดื่มจนเมาเล็กน้อย ปีเตอร์ลืมไปเสียสนิทว่าตนเองยังมีภารกิจสำคัญอยู่ มู่หรงฉีส่งสายตาให้รู้เป็นนัยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า นึกไม่ถึงว่าจะไม่สนใจสิ่งรอบตัว เอาแต่พูดคุยกับใต้เท้าหลู่

มู่หรงฉีนั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินเพียงเสียงจีจีกวากวา ตนเองฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด หงุดหงิดอย่างยิ่ง

ชัดเจนว่านี่ความรู้สึกเบิกบานใจที่ความเป็นปรารถนาที่รอมานานเป็นจริงสักที เขาพบเพื่อนเก่าในแดนไกล เกรงว่าแผนการวันนี้คงจะล้มเหลวแล้ว ปีเตอร์ไม่ได้เปิดเผยแผนการของตนเองกับใต้เท้าหลู่ก็ดีแล้ว

เขาคิดจะจบงานเลี้ยงหงเหมินนี้ก่อนกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงที่ปีเตอร์จะหันไปช่วยเหลือศัตรู และทำให้เรื่องมันแย่ลง

ใครจะรู้ว่าบนโต๊ะเหล้า ปีเตอร์ที่เพิ่งจะผลัดถ้วยเปลี่ยนจอกด้วยความสนิทสนมจะเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาตบโต๊ะและยืนขึ้นอย่างโกรธเคือง ใบหน้าตื่นเต้น ชี้นิ้วไปยังจมูกของใต้เท้าหลู่ และตำหนิอย่างโกรธจัด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา