โฉวซือเส่าเดินเข้าไปจ้องหน้าใต้เท้าหลู่ “ไม่ยอมใช่หรือไม่”
แน่นอนว่าเขาไม่ยอม... แม้ใต้เท้าหลู่จะดูไม่ออกว่านั่นคือโฉวซือเส่า แต่เขารู้ดีแก่ใจว่าเรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะมู่หรงฉี
ชายที่ดื่มกับเขาเมื่อวันก่อนกำลังจะฆ่าเขา
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการร้องขอความเมตตาหรือข่มขู่ก็ได้ แต่จะตายไปเสียอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด
โฉวซือเส่าคันไม้คันมืออยากจะต่อยหน้าเขาสักหมัดสองหมัด ทว่าเขาไม่กล้าจะสร้างปัญหาในคืนอันเงียบสงัดเช่นนี้ ก่อนจะคว้าปอยผมของอีกฝ่ายและดึงด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ใบหน้าของใต้เท้าหลู่กระตุกด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สามารถกรีดร้องออกมาได้ ทำได้เพียงจ้องมองด้วยความโกรธแค้น
มู่หรงฉีวางปืนลงและพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อข้าต้องการส่งเจ้าไปยมโลกแล้ว ข้ายังจะต้องให้โอกาสเต้าพูดอะไรอีกงั้นหรือ คนที่กล้าทำให้พระชายาของข้าขุ่นเคืองต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”
โฉวซือเส่าเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจ “คำพูดนี้เหมือนตีวัวกระทบคราด ทำอย่างกับกำลังพูดให้ข้าฟังเลยสินะ”
มู่หรงฉีไม่สนใจ จากนั้นหยิบระเบิดฟ้าคำรณสามอันออกมา โดยวงแหวนที่อยู่บนนั้นถูกมัดด้วยเชือกเส้นเล็ก
โฉวซือเส่าสงสัย “นี่เจ้าจะทำอะไร”
“สังหารมันน่ะสิ”
เขาแขวนระเบิดฟ้าคำรณไว้รอบคอของใต้เท้าหลู่
จากนั้นผูกปลายอีกด้านหนึ่งของเชือกเข้ากับสลักหลังประตูและผูกเชือกให้แน่น
หากคนดึงประตูเปิดจากด้านนอก สลักของระเบิดฟ้าคำรณจะถูกเปิดออกและระเบิดทันที ส่งใต้เท้าหลู่บินไปยังดวงจันทร์
ส่วนเชือกเส้นนี้ที่แช่น้ำมันไว้จะลุกไหม้ทันทีหลังการระเบิดโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ
โฉวซือเส่าพยักหน้าซ้ำๆ “เจ้าเตรียมตัวมาดีขนาดนี้ แล้วจะให้ข้ามาที่นี่ทำไม”
“ดังคำกล่าวที่ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ ข้าเกรงว่าอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น หากมีเจ้าอยู่ด้วยคงจะไม่ต้องกังวลอะไร”
โฉวซือเส่าเข้าใจทันที “จะทิ้งให้ข้าอยู่ที่นี่เพื่อล่อพวกมันฆ่ากันเอง ส่วนเจ้ากลับไปที่ตำหนักเพื่อสร้างหลักฐานที่อยู่ใช่หรือไม่”
“อย่างไรเสียไม่มีใครสงสัยเจ้าอย่างแน่นอน” มู่หรงฉีตบไหล่เขา “ข้าขอตัวก่อน คนผู้นี้โหดเหี้ยมใช้ได้ เจ้าอย่าทิ้งร่องรอยอะไรไว้ เมื่อทางการชันสูตรศพเมื่อถึงเวลา ไม่แน่ว่าระเบิดฟ้าคำรณอาจไม่สามารถปลิดชีพเขาได้”
ก่อนที่จะรอให้โฉวซือเส่าทักท้วง เขาก็ออกไปนอกหน้าต่างและหายตัวไปในทันที
บนถนนกลางดึกไร้ซึ่งเงาของผู้คน
มู่หรงฉีเร่งฝีเท้ากลับตำหนัก เขารู้ดีว่าโฉวซือเส่าไม่มีวันยอมให้ตัวเองกลับจวนอย่างปลอดภัย เขาหวังว่าจะเจอใครสักคนเพื่อเป็นพยานที่อยู่ให้กับตัวเอง
ในขณะที่เขากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย กลับมีคนชอบสอดรู้เรื่องคนอื่นอยู่จริงๆ
ในตรอกมืดข้างถนน เสียงร้องดิ้นรนและเสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นดังขึ้น อยากจะร้องให้คนช่วย แต่กลับถูกอุดปากเอาไว้ ทำให้ส่งเสียงร้องออกไปไม่ได้
มู่หรงฉีมองหาเสียงนั้นและได้ยินใครบางคนพูดด้วยเสียงที่เบาลง
“กล้ากัดข้างั้นหรือ ดูซิว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”
“ทุกคนเข้าไปพร้อมกันเลย ให้ตายเถอะ มันควรจะได้ลิ้มรสว่าการถูกตอนเป็นขันทีมันเป็นอย่างไร หากปล่อยมันเฉยๆ ถือว่าน้อยไปสำหรับมัน”
“ถอดกางเกงแล้วจับขามันเอาไว้!”
“อุดปากมันเร็วเข้า เดี๋ยวมันก็ตะโกนเรียกคนอื่นมาหรอก”
“รีบทำสิวะ มาข้าทำเอง มัวชักช้าอยู่ได้”
...
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น มู่หรงฉีรู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นในตรอกนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นตัวต่อตัว แต่คนเป็นกลุ่มกำลังรังแกคนคนเดียว พวกเขาไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองแล้วใช่หรือไม่
จินเอ้อร์? บุตรชายคนที่สองของจากจวนรองเสนาบดี?
เอ๊ะ!คนกันเองนี่นา ช่างบังเอิญเสียจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...