ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 761

เหลิ่งชิงฮวนมองไปยังเหลิ่งชิงเหยาที่มีความหวาดผวาอยู่บนใบหน้า แล้วก็อดถามด้วยความเป็นห่วงมิได้ “เป็นอันใดหรือไม่?”

เหลิ่งชิงเหยาเอามือลูบอกเบาๆ หน้าซีดเล็กน้อย “มิเป็นไรๆ !”

ด้วยความตกใจเช่นนี้ ปลายนิ้วของนางก็เย็นเฉียบ มือเต็มไปด้วยเหงื่อเปียกชื้น

ชิงฮวนรีบเปิดแหวนนาโนในมือและตรวจดูช่วงท้องของนางทันที

นางอยากจะเห็นต่างหากว่า ชิงเหยาใช้กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลได้เยี่ยงไร แม้แต่ผู้เป็นบิดาและหมอหลวงก็ยังปกปิดไว้ได้!

แสงเงาแวบผ่านไป และถูกผู้อื่นบดบังเอาไว้

ภาพนั้นทำให้ชิงฮวนเกินความคาดหมายเล็กน้อย เพราะว่าเหลิ่งชิงเหยากำลังตั้งครรภ์จริงๆ

ถ้าหากบอกว่าครั้งล่าสุดตอนที่นางตั้งครรภ์ระยะสั้น ประกอบกับปัจจัยที่ได้รับหลายๆ อย่าง เช่นมิได้มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ผลตรวจอาจจะมีความคลาดเคลื่อน ทำให้ตนวินิจฉัยผิดพลาด

แต่เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งชิงเหยายอมรับด้วยปากตัวเองว่าตั้งครรภ์ปลอมรึ?

มีความเข้าใจผิดอันใดอยู่ในนั้นจริงๆ หรือ?

ทว่าเงาจางๆ ที่แวบผ่านไปทำให้นางใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่างมิรู้ตัว

ชิงเหยากำลังอุ้มท้องอะไรกัน? อันที่จริงช่วงท้องของนางเหมือนคนตั้งครรภ์ แต่ภาพนั้นดูมิเหมือนทารกเลยนะ? มันมิใช่รูปร่างพัฒนาการของทารกเลย แต่เป็นกลุ่มก้อนรกรุงรังมิเป็นระเบียบ มิมีแขนขา และก็มองมิเห็นขนาดของศีรษะเลยเช่นกัน

ตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้เกือบหกเดือน ว่ากันว่าทารกจะพัฒนาเต็มที่แล้ว

หรือว่าจะเป็นทารถที่มิสมประกอบกันนะ?

หรือบางทีตนอาจจะตาฝาดไป?

เนื่องจากในภาพนั้น การบีบตัวของครรภ์สั่นคลอนตลอดเวลา ผนวกกับผ่านไปเพียงชั่วแวบเดียว มิทันจำได้ มองเห็นก็มิชัดเจนนัก

นางเหม่อลอยไปชั่วขณะ และตกตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดว่าตนตาฝาด คิดอยากจะมองให้ละเอียด แต่ก็ถูกอ๋องเชียนบังเอาไว้

อ๋องเฮ่านั่งอยู่ตรงตำแหน่งเดิมข้างๆ เหลิ่งชิงเหยา เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจึงรีบลุกขึ้นไปข้างหน้าอย่างเป็นกังวล พยุงมืออีกข้างของชิงเหยาไว้ และยังเอียงข้างบังสายตาจากเหลิ่งชิงฮวนได้พอเหมาะพอดี

อ๋องเฮ่าไถ่ถามเหลิ่งชิงเหยาอย่างเป็นห่วงเป็นใย วางมือไว้บนท้องของเหลิ่งชิงเหยาอย่างเป็นกังวล ใบหน้าตึงเครียด

จนกระทั่งเหลิ่งชิงเหยาส่ายหน้าอย่างผวาเล็กน้อย และกล่าวว่าตนนั้นมิเป็นอันใด

เขาจึงหันกลับมายิ้มให้เหลิ่งชิงฮวนอย่างอ่อนโยน “ขอบใจน้องสะใภ้สามมากจริงๆ ที่ช่วยไว้ทัน”

ชิงฮวนที่ปล่อยมือของเหลิ่งชิงเหยาไปแล้ว รีบเก็บความคิดที่ประหลาดใจไปทันที “พี่รองก็ ชิงเหยาก็เป็นน้องสาวคนเล็กของหม่อมฉันอยู่แล้ว จะช่วยเหลือกันก็เป็นเรื่องที่สมควร”

มู่หรงฉีและคนอื่นๆ ต่างกำลังกระอักกระอวนใจกับอ๋องเชียน จึงมิได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางนี้

เนื่องจากสถานการณ์ที่กะทันหันเช่นนี้ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของอ๋องเชียนที่อยู่ตรงนั้น

หลังจากที่พระชายาเชียนถูกผลักออกไปอย่างแรงเมื่อครู่นี้ ก็พุ่งเข้าไปตรงหน้าของอ๋องเชียนอย่างอาจหาญ และกอดเขาไว้แน่น ปลอบอย่างร้อนรนใจราวกับกำลังปลอบเด็กคนหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าอ๋องเชียนกำลังพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เส้นเลือดดำปูดโปนออกมาจากหน้าผาก แววตาก็เผยความดุร้ายที่ปกปิดได้ยาก

พระชายาเชียนรูปร่างเล็ก กำลังช่างห่างไกลจากอ๋องเชียนที่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา ยิ่งนับประสาอะไรกับอ๋องเชียนที่เสียสติไปแล้ว

เพียงแค่เขายกมือขึ้น ก็สามารถเหวี่ยงพระชายาเชียนไปอีกฝั่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับไปที่คอของนางโดยตรง

พระชายาเชียนที่ถูกบีบคอ หายใจไม่ออกจนหน้าแดงก่ำ มิสามารถเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้แม้แต่คำเดียว แต่สองมือกลับมิได้ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด

มู่หรงฉีและคนอื่นๆ ต่างกลัวจนหน้าถอดสี ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อห้ามปราบอ๋องเชียนไว้

นางพลิกข้อมือและหยิบเข็มเงินสามเล่มออกมาก่อนจะหันไปพูดกับมู่หรงฉี “น้องห้ามีบางอย่างปกติ ขอหม่อมฉันดูหน่อยนะเพคะ”

มู่หรงฉียังคงจับแขนของอ๋องเชียนเอาไว้อย่างเป็นกังวล กลัวแต่ว่าจู่ๆ เขาจะคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำเตือนของชิงฮวน ก็คิดเช่นกันว่าอ๋องเชียนมีบางอย่างผิดปกติเป็นอย่างมาก ทว่ากลัวว่าเขาจะทำร้ายชิงฮวนอีกคน จึงมิได้ปล่อยมือ

“อย่า อย่าทำร้ายเขา!”

พระชายาเชียนพยายามเปล่งคำพูดเหล่านั้นออกมาอย่างยากลำบาก ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาโดยมีพระชายารุ่ยคอยประคอง โซซัดเซพุ่งเข้ามาหาอ๋องเชียนอีกครั้ง โอบเขาเอาไว้ในอ้อมแขน ตัวสั่นเทิ่มด้วยความประหม่า แต่กลับยังคงปลอบโยนอ๋องเชียนด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“หม่อมฉันอยู่นี่ อยู่นี่เพคะ ใจเย็นๆ นะ มิเป็นไรๆ ”

แววตาเป็นกังวลของทุกคนต่างมองไปที่อ๋องเชียน และยังหวั่นกลัวว่าจู่ๆ เขาจะลงมืออย่างบ้าคลั่งทำร้ายพระชายาเชียนอีก

สองมือของอ๋องเชียนกำแน่น ร่างกายเป็นเชือกที่ยืดออก ราวกับว่าจะดีดพระชายาเชียนออกไปได้ทุกเมื่อ เขาอดกลั้นอย่างสุดกำลัง ดูเหมือนจะได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมากถึงที่สุด ดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารสีแดงฉานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจางลง

จากนั้นทั้งร่างก็ค่อยๆ คลายลง ราวกับว่าเรียวแรงถูกสูบออกจากร่างกายไปจนหมด ทิ้งมือลงอย่างอ่อนปวกเปียก ใบหน้าซีดเผือด และมีเหงื่อผุดออกมา

มู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนมองหน้ากัน จากนั้นก็ค่อยๆ กวาดสายตาไปมองผู้คนในที่เกิดเหตุ ในใจมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

ดูเหมือนว่า การปลอบโยนของพระชายาเชียนดูจะได้ผล และอ๋องเชียนก็ดูเหมือนมิได้โดนสะกดจิตใดๆ แล้ว มิฉะนั้นมันคงเป็นไปมิได้ที่จะฟื้นตัวเร็วเช่นนี้

พระชายาเชียนดูจะรู้อยู่แก่ใจดีถึงสถานการณ์ของเขา หมายความว่าเรื่องนี้มันมิใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น

เหตุใดจู่ๆ เขาถึงคลั่งขึ้นมาล่ะ?

เมื่อเห็นว่าในยามนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว มู่หรงฉีนัดหมายเรื่องเวลากับนักพรตเต๋าเทียนอี และก็มิรู้ว่าทักษะการโต้กลับของนักพรตเต๋าเทียนอีจะสำเร็จหรือไม่

หากสมมติว่าทำได้สำเร็จ บนเรือสำราญอันวิจิตรในวันนี้ นอกจากความผิดปกติของอ๋องเชียนแล้ว ก็มิเห็นอุบัติเหตุการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นใช่หรือไม่? สีหน้าของทุกคนก็ต่างปกติดี มีเพียงพระชายาเชียนที่ได้รับบาดเจ็บภายในเพราะเหตุการณ์นี้พอดี ซึ่งมันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือ?

หรือว่านางจะรู้อยู่แล้วและจงใจเล่นละครกับอ๋องเชียนเพื่อปกปิดมัน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา