ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 780

สรุปบท ตอนที่ 780 มีอะไรปิดบัง?: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 780 มีอะไรปิดบัง? จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 780 มีอะไรปิดบัง? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ข่าวเรื่องไฟไหม้ไปจนถึงจวนอ๋องฉี เหลิ่งชิงฮวนรีบส่งโตวโตวออกมาสืบสถานการณ์ จวนมหาเสนาบดียังไม่ทราบข่าว

เมื่อเซวียอี๋เหนียงรู้เรื่องสีหน้าก็ถอดสี ร้อนรนรีบจะไปที่จวนอ๋องเฮ่าแต่ขากลับอ่อนปวกเปียกไปหมด

เสนาบดีเหลิ่งรู้สึกว่าการให้เซวียอี๋เหนียงไปคนเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะแสดงความสำคัญที่จวนมหาเสนาบดีมีต่อบุตรสาวคนนี้ บังเอิญว่าเหลิ่งชิงเฮ่อไม่ได้อยู่ที่จวน ดังนั้นเขาจึงส่งเหลิ่งชิงเจียวไปกับเซวียอี๋เหนียง

เหลิ่งชิงเจียวไม่เต็มใจ หลังจากที่จินซื่อถูกเนรเทศเซวียอี๋เหนียงก็ลืมตัว สองแม่ลูกดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นไม่ว่าเหลิ่งชิงเหยาจะตายหรือยังมีชีวิตอยู่ เหลิ่งชิงเจียวก็ไม่คิดจะสนใจ

มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่ในกระดูกของเขา เขาจำความเมตตาที่เหลิ่งชิงฮวนมีต่อเขาได้ และแน่นอนว่าเขาก็มีความแค้นเช่นกัน

แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของเสนาบดีเหลิ่ง เหลิ่งชิงเจียวจึงต้องยอมขึ้นรถม้าไป

เหมือนกับที่ท่านพ่อบอก เขาไม่จำเป็นต้องชอบเหลิ่งชิงเหยา แต่เขาจะละเลยพี่เขยอย่างอ๋องเฮ่าไม่ได้

เขากับเซวียอี๋เหนียงไปที่จวนอ๋องเฮ่า แต่อ๋องเฮ่าไม่อยู่ พระชายาเฮ่ารับคำของเซวียอี๋เหนียงก่อนจะที่พวกเขาจะกลับ

ยังคงเป็นวาทศิลป์เดิมๆ เหลิ่งชิงเหยาปลอดภัยดี ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะกลับไปที่จวน จึงได้แต่ให้นางอยู่ที่อื่นสักสองสามวัน รอซ่อมแซมจวนเสร็จก็จะรับนางกลับมา

พระชายาเฮ่ายังได้เตรียมของขวัญตอบแทนอย่างมากมายสำหรับจวนมหาเสนาบดี

นอกจากเรื่องนี้เซวียอี๋เหนียงไม่สงสัยอะไรเลย แต่นางไม่เห็นหน้าเหลิ่งชิงเหยามาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นนางจึงคิดอย่างรัดกุม หลังจากถามสองสามคำเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเหลิ่งชิงเหยา พระชายาเฮ่าก็ตอบอย่างใจเย็นโดยไม่มีช่องว่าง

เหลิ่งชิงเจียวดื่มชาอยู่ด้านนอกคนเดียวเพราะเขาไม่สะดวกที่จะเข้าไปด้านใน

จวนกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างขนาดใหญ่ ช่างฝีมือกำลังขนย้ายไม้และหินไปมา หัวหน้าช่างฝีมือไปที่เรือนหน้าเพื่อหารือกับผู้ดูแล

ท่าทีของผู้ดูแลนั้นแข็งกร้าวมาก “ต้องรื้อถอนและสร้างใหม่ และต้องวาดภาพทองใต้หลังคา ฝีมือช่างของเจ้าพระชายาของข้าไม่ชอบ ดังนั้นจึงต้องทาสีใหม่อีกครั้ง”

ช่างฝีมือดูลำบากใจ “มันถูกรื้อไปแล้วสามครั้ง นี่ไม่ใช่การคุยโว ฝีมือและผลงานนี้นับได้ว่าดีที่สุดในเมืองหลวง ทั้งหมดเป็นงานหนักที่ทุกคนช่วยกัน แต่พวกท่านกลับต้องการรื้อมัน ข้าน้อยไม่รู้จะพูดกับสหายของข้าน้อยอย่างไร หากถามว่าอะไรไม่เหมาะสมข้าน้อยคงตอบไม่ได้”

ผู้ดูแลกระวนกระวายเล็กน้อย “เจ้าคนนี้ ทำไมถึงได้หัวรั้นนัก? ข้าบอกให้รื้อก็รื้อสิ เปลืองวัสดุหรือทำให้เจ้าขาดทุนหรือไง?”

ช่างฝีมือรีบอธิบาย “เปล่าขอรับ แค่งานนี้ทำอย่างพิถีพิถันมากแล้ว หากรื้อถอนก็คงจะไม่ดีเท่าครั้งนี้ ข้าน้อยแค่อยากถามว่าข้าน้อยทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่าขอรับ?”

เขาหยิบเงินออกมาอย่างเงียบๆ และยัดเข้าไปในแขนเสื้อของผู้ดูแล พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

ผู้ดูแลรับเงินไปแล้วก็พูดดีขึ้น “รั้นนัก! ค่าจ้างของพวกเจ้าถูกกำหนดเป็นรายวัน เจ้าทำงานหนึ่งวันก็จะได้ค่าจ้างหนึ่งวัน เจ้าจะกลัวอะไร? เจ้าทำตามที่ข้าบอก บอกให้รื้อก็รื้อ บอกให้ทำใหม่ก็ทำใหม่ อย่างที่ข้าบอกช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ไม่ต้องรีบร้อน”

ช่างฝีมือทดสอบน้ำเสียงของเขาอย่างระมัดระวัง “ท่านว่าเช่นนี้พวกข้าน้อยก็วางใจ ท่านว่า งานที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ข้าน้อยจะทำเสร็จตอนไหนถึงจะดีขอรับ? พวกข้าน้อยสามารถควบคุมความคืบหน้าได้ ไม่ให้มันเร็วเกินไปเผื่อพระชายาไม่พอใจแล้วจะเสียเวลารื้อถอนอีก หากช้าเกินไปก็จะทำให้พระชายารองกลับมาช้า”

ผู้ดูแลตาลงเล็กน้อย “ไม่รีบร้อนๆ แค่บอกลูกน้องของเจ้าให้ค่อยๆ ทำงาน แล้วพวกเราจะดูแลพวกเจ้าอย่างดี พวกเจ้าจะไปหาเจ้านายดีๆ แบบนี้ได้ที่ไหน?”

ช่างฝีมือมั่นใจและจากไปอย่างพึงพอใจ

เหลิ่งชิงเจียวที่เงียบอยู่ข้างๆ เขาเข้ามาจับมือของเขา “คุณชายเหลิ่งมีอะไรจะรับสั่งหรือขอรับ?”

ดังที่น่าจาอี๋นั่วกล่าว ทูตที่หนานจ้าวส่งมาในครั้งนี้เป็นคนสนิทของเสด็จอาของน่าจาอี๋นั่วและจุดประสงค์ของการมาที่ฉางอันก็มีความหมายเล็กน้อย

เมื่อทูตเข้ามาในเมืองหลวงและเข้าไปในตำหนักใหญ่ เขาถามทางฝ่ายฉางอันโดยตรงว่าทำไมจึงกำจัดตัวประกันของหนานจ้าวในฉางอันโดยไม่ได้รับอนุญาต

ฮ่องเต้ชราสั่งให้มอบคำสารภาพที่ตรงไปตรงมาของน่าจาอี๋นั่วให้กับทูต ทูตเพียงแค่เหลือบมองมาที่เขาแล้วโยนคำสารภาพลงบนพื้นอย่างเย็นชาด้วยท่าทีที่หยิ่งยโสมาก

“กราบทูลฝ่าบาท พวกเราหนานจ้าวไม่อาจยอมรับคำสารภาพของฉางอันได้ และคิดว่ามันต้องเป็นอุบายแน่นอน!”

ชายชรามีใบหน้าที่รื่นรมย์ เขาไม่รู้สึกโกรธต่อความหยาบคายและความเย่อหยิ่งของทูตเลยสักนิด “ท่าคิดว่าอย่างไร?”

ทูตดูเหมือนจะเตรียมการมาเป็นเวลานาน รีบหยิบบางอย่างออกมาจากอกของเขา คลี่มันออก ส่งให้ขันทีเพื่อนำไปมอบให้กับฮ่องเต้

“ระหว่างทางมาเมืองหลวง กระหม่อมได้ช่วยคนผู้หนึ่งจากกลุ่มอันธพาล บังเอิญคนผู้นี้เป็นพ่อครัวในจวนอ๋องเซวียน เมื่อเขารู้ตัวตนของกระหม่อม เขาก็บอกเล่าความจริงบางอย่างที่น่าตกใจให้กระหม่อมฟัง”

ฮ่องเต้ชราหันไปมองอ๋องเซวียนที่ตกตะลึงเช่นกัน สิ่งที่ทูตหนานจ้าวพูดนั้นเป็นความจริง จู่ๆ พ่อครัวที่ดูแลมื้ออาหารในจวนก็หายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้ดูแลส่งคนรับใช้ที่รู้จักเขาดีไปตามหา เมื่อไปถึงก็พบว่าบ้านของเขาว่าเปล่า ดูเหมือนว่าครอบครัวของเขาจะย้ายออกจากเมืองหลวงไปแล้ว

ตอนนั้นแม้ว่าอ๋องเฮ่าและพระชายาจะประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

การจะอยู่ในจวนอ๋องเซวียนนั้นขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเจ้าตัว ไม่อาจบังคับกันได้

ใครจะไปรู้ว่าคนๆ นี้จะถูกพูดถึงในห้องโถงวันนี้ หรือว่ามีอะไรปิดบัง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา