ฮ่องเต้ของฉางอันเมินเฉยต่อคำขอของพวกเขาและเดินจากไป ราชทูตหนานจ้าวรู้สึกขายหน้าและโกรธที่ฉางอันไร้มารยาท พวกเขาต้องการคำอธิบายจากฮ่องเต้ แต่องครักษ์กลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมเขาไว้
ทั้งหมดล้วนสวมชุดเกราะแวววาว
เรียกว่า “การคุ้มกัน”
เสิ่นหลินเฟิงไม่ได้มีหน้าที่ต้อนรับแขก แต่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย
จู่ๆ ราชทูตก็โกรธ เขาพูดจาอย่างรุนแรง
“พวกท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร? พวกเราเป็นนักการทูต เป็นตัวแทนของกษัตริย์หนานจ้าว! พวกท่านกักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างไรเหตุผล ยิ่งยโสจนมองไม่เห็นหัวพวกเราหนานจ้าว”
เสิ่นหลินเฟิงไม่พอใจคนพวกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้เขาเป็นถึงเจ้ากรมการนครจึงไม่คิดจะเกรงใจ เขาก้าวไปข้างหน้าก่อนจะตบหน้าราชทูตคนนั้น
เขาเป็นคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงแข็งแกร่งมาก ปกติเวลาโจมตีคนอื่นเขามักจะใช้พลังฝ่ามือทลายหิน จะให้เขาออกแรงเหมือนเหล่าสตรีต่อสู้กันได้อย่างไร?
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เป็นเวลานานเหมือนกับเด็กสาวที่เพิ่งขึ้นเกี้ยวครั้งแรก แต่ความแรงนั้นไม่น้อยหน้าใคร แน่นอนว่าไม่มีการปรานีใดๆ
ราชทูตกระอักเลือดผสมฟันสองซี่ออกมาก เมื่อได้สติเขาก็กระทืบเท้า
“พวกเจ้าคนฉางอันช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก ข้าต้องการพบฝ่าบาท! พวกเราชาวหนานจ้าวไม่ยอมแน่”
เขาพูดไม่ชัด
เสิ่นหลินเฟิงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดฝ่ามือของเขาช้าๆ แล้วโยนมันทิ้ง “ข้า เสิ่นหลินเฟิง มีส่วนในการโจมตีหนานจ้าวครั้งล่าสุดด้วย ดังนั้นหากต้องการให้ข้ามองพวกเจ้าอยู่ในสายตา พวกเจ้าเองก็ควรมีคุณสมบัตินั้นเอง หากใครไม่ยอมก็เข้ามาลองได้”
ทันทีที่พูดจบปืนทั้งหมดในมือของราชองครักษ์ก็ถูกยกขึ้นพร้อมกับ
ราชทูตตัวแข็ง ไม่มีใครกล้าออกมาข้างหน้า นับประสาอะไรกับการก่นด่าในตอนนี้
เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็ต้องยอมถอยดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรโต้ตอบกับกลุ่มคนบ้าบิ่นเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเข้าใจว่า ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเข้าใจดีว่าเจ้ากรมการนครผู้นี้คงไม่กล้าหยาบคายกับเหล่าทูตแน่นอน หากไม่ใช่ว่ามีฝ่าบาทหนุนหลังอยู่
ท่าทางของเขาคือท่าทางของฝ่าบาท ไม่ได้แยแสชาวหนานจ้าวเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นงานทูตจึงเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง หากทั้งสองฝ่ายลงรอยกันคงไม่ส่งทูตมา
เสิ่นหลินเฟิงโบกมือและยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น “ทหาร พาตัวไปคุ้มกันให้ดีอย่าได้หย่อนยาน”
ราชองครักษ์ปฏิบัติตามคำสั่งและพาตัวราชทูตไป
พระราชวังเหยียนชิ่ง
ฮ่องเต้ชราพับกระดาษในมืออย่างเรียบร้อย
ลู่กงกงเข้ามาด้านในและรายงาน “รัชทายาทเสิ่นได้คุมขังราชทูตของหนานจ้าวแล้วและให้รางวัลแก่พวกเขาด้วยฝ่ามือ”
ฮ่องเต้ชราเลิกคิ้ว “เสิ่นหลินเฟิงผู้นี้กล้าหาญมาก นี่มันก่อกบฏ ! ไป ทำตามคำสั่งของข้า บอกว่าเสิ่นหลินเฟิงและเหลิ่งชิงฮวนหยิ่งยโสและเจ้าเล่ห์ เพื่อไม่ให้เกิดสงครามระหว่างฉางอันและหนานจ้าว ข้าตัดสินใจขังพระชายาฉีไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถูกสอบสวน นางจะถูกจำกัดเสรีภาพไม่สามารถไปไหนมาไหนได้”
“ส่วนเสิ่นหลินเฟิง อืม เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง เหิมเกริมทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างหนานจ้าวและฉางอัน ข้าจะลงโทษให้เขาออกไปทำงานในตอนกลางวันและคุมขังในตอนกลางคืน”
เมื่อลู่กงกงได้ยินสิ่งนี้ก็เข้าใจ รัชทายาทเสิ่นทำผิดจริงๆ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทแอบสั่งให้รัชทายาทเสิ่นปฏิบัติกับราชทูตเช่นนั้น ทำไมถึงได้ปล่อยให้รัชทายาทเสิ่นรับผิดคนเดียวล่ะ?”
ชายชราคนนี้ร้ายกาจมาก ให้คนอื่นกลายเป็นคนร้าย หากฝ่ายหนานจ้าวถามถึงเรื่องนี้เขาก็จะบอกปัดว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง
หากไม่ใช่ว่าเป็นถึงฮ่องเต้ แล้วตัวเขาเป็นคนรับใช้ ก็ต้องโทษว่าเป็นคนใจดีเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...