เสิ่นหลินเฟิงคิดหาทางออกสุดกำลัง เขาคิดมาครึ่งค่อนวันก็ไม่สามารถหาวิธีช่วยจิ่งอวิ๋นออกมาได้ เช่นเดียวกับเมื่อห้าปีก่อนที่เขาทำได้แค่ยืนมองฉีจิ่งอวิ๋นรับโทษ
แต่ครั้งนี้ฉีจิ่งอวิ๋นไม่ได้โชคดีเหมือนเมื่อห้าปีก่อน
คนเหล่านี้คือยอดฝีมือที่ฝ่าบาทส่งมา พวกเขาเชื่อฟังแค่คำสั่งของฝ่าบาท แม้แต่จะให้ฉีจิ่งอวิ๋นพูดสักคำพวกเขาก็ไม่ให้โอกาส
ฉีจิ่งอวิ๋นบาดเจ็บเล็กน้อยไม่สาหัสมากแต่ก็เป็นอุปสรรคกับร่างกายของเขา เขากัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวดมาตลอดทาง
เกิดเรื่องกลางดึกกว่าจะได้เข้ามาในวังฟ้าก็สางแล้ว
ฮ่องเต้ชรากำลังออกว่าราชการอยู่ คนกลุ่มหนึ่งรออยู่ด้านนอกจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นสูง เหล่าขุนนางที่มาว่าราชการก็ค่อยๆ ทยอยออกมา องครักษ์ด้านในออกมาเรียกตัวเสิ่นหลินเฟิงเข้าไป
เสิ่นหลินเฟิงคุมตัวฉีจิ่งอวิ๋นเข้าไปในห้องตำราของฮ่องเต้ ก่อนจะคุกเข่ารายงานให้แก่ชายชรา
“ทูลฝ่าบาท เมื่อคืนมีคนบุกเข้ามาในคุกสวรรค์หมายจะพาตัวพระชายาฉีไป ตอนนี้กระหม่อมจับตัวได้แล้ว ขอฝ่าบาทโปรดออกคำสั่ง”
หลังจากที่ฮ่องเต้ชรานั่งลงบนโต๊ะหนังสือก็วางท่าก้มหน้ามองชายสวมหน้ากากแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ใครส่งเจ้ามา?”
ชายสวมหน้ากากก้มหน้าเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีใครส่งมา”
“มีจุดประสงค์อันใด?”
ชายสวมหน้ากากลังเลเล็กน้อย “ช่วยพระชายาฉีและคุ้มกันนางชั่วคราว”
คำตอบนี้ทำให้ฮ่องเต้ชราแปลกใจ เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหรอ? เจ้ากับพระชายาฉีมีบุญคุณต่อกันงั้นหรือ?”
ชายสวมหน้ากากลังเล ก่อนจะส่ายหน้า
“มีความสัมพันธ์กัน?”
ชายสวมหน้ากากยังคงส่ายหน้า
ชายชราออกคำสั่งเสียงเย็น “ถอดหน้ากาก”
เสิ่นหลินเฟิงก็เป็นกังวลขึ้นมา เขาหันไปมองชายสวมหน้ากาก กะพริบตา สูดหายใจลึก ในใจรอคอยและหวาดกลัว
ชายสวมหน้ากากค่อยๆ ยกมือขึ้นมาจับหน้ากาก ก่อนจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขา
ฮ่องเต้ชราขมวดคิ้ว ถลึงตาจ้องใบหน้านั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและตะโกนออกมาอย่างตกใจ “เจ้าเองหรือ?!”
ใบหน้าหลังจากถอดหน้ากากของชายผู้นี้ขาวซีด คงเพราะไม่ได้ถูกแดดมาเป็นเวลาหลายปี แต่หน้าตาของเขายังคงสง่างามและฉายแววดื้อรั้นเหมือนเดิม
ฮ่องเต้ลุกขึ้นอย่างตกใจ จ้องมองชายสวมหน้ากากที่คุกเข่าก่อนจะเปล่งเสียงอย่างประหลาดใจ “ฉีจิ่งอวิ๋น?”
ในที่สุดเสิ่นหลินเฟิงก็มองใบหน้าของชายสวมหน้ากากได้ชัดเจน เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลดี
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่หนานจ้าวเขาเคยสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของฉีจิ่งอวิ๋น ครั้งก่อนที่เหลิ่งชิงฮวนถูกใต้เท้าหลู่จับตัวไป มู่หรงฉีเคยบอกกับเขาเรื่องชายสวมหน้ากาก สงสัยว่าคนผู้นั้นอาจเป็นฉีจิ่งอวิ๋น บัดนี้หลักฐานชัดเจนแล้ว เขายังไม่ตาย เดิมทีควรเป็นเองน่ายินดี แต่น่าเสียดายที่ต้องมาเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้
ฉีจิ่งอวิ๋นพยักหน้า “นักโทษฉีจิ่งอวิ๋นทำความเคารพฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”
หลังจากตกใจ ใบหน้าของฮ่องเต้ก็กลับมาเป็นปกติ เขานั่งลงก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ตาย?”
ฉีจิ่งอวิ๋นเอ่ยตามจริง “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ คนที่ถูกประหารชีวิตคือคนอื่นที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกระหม่อม”
“ปัง!”
ฮ่องเต้ชราตบโต๊ะก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ดี ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ ฉีจิ่งอวิ๋นเจ้าช่างมีฝีมือจริงๆ สามารถใช้ความตายหลบหนีจากคุกสวรรค์ได้ ข้าประเมินเจ้าต่ำไป เสิ่นหลินเฟิง เจ้ากับพระชายาฉีก็รู้เห็นด้วยใช่หรือไม่?”
“ไม่!” ฉีจิ่งอวิ๋นปฏิเสธ “ทูลฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายาฉีและรัชทายาทเสิ่น พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย”
ฮ่องเต้ตะคอกเบาๆ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าสิ่งที่เขาก่อคืออาชญากรทางการเมือง ถ้าข้าฆ่าเจ้าอีกครั้ง เจ้าก็คงไม่ว่าอะไรกระมัง?”
เสิ่นหลินเฟิงก้มหน้า “ฝ่าบาท คนที่เคยทำผิดแล้วกลับตัวเป็นคนดีมีค่าหายากมากกว่าทองคำ จิ่งอวิ๋นรู้ถึงความผิดพลาดของเขาแล้วและกำลังชดใช้ความผิด โปรดให้โอกาสเขา โปรดยกโทษให้เขาด้วยขอรับ”
ฮ่องเต้ชราเคาะโต๊ะอย่างกระวนกระวายใจ “หากข้ายกโทษให้เขาแบบนี้ ความยิ่งใหญ่ของข้าจะไปอยู่ที่ไหน? กฎหมายของอาณาจักรคืออะไร? เสิ่นหลินเฟิง เจ้ารู้ดีว่าเขาก่ออาชญากรรมอะไร เจ้ากล้าที่จะขอร้องเพื่อเขางั้นหรือ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าก็จะสั่งลงโทษเจ้าด้วย”
เสิ่นหลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูด แม้ว่าฉีจิ่งอวิ๋นจะหลงทางและหาทางกลับมาได้ แต่ข้อกล่าวหาของเขาในการร่วมมือกับศัตรูและทรยศประเทศชาติจะเป็นรอยเปื้อนชั่วชีวิตที่ไม่สามารถล้างออกได้
เส้นเลือดบนหน้าผากของฉีจิ่งอวิ๋นกระตุก ผมหน้าม้าติดอยู่ที่หน้าผากของเขา สีหน้าของเขานิ่งสงบ บาดแผลยังคงมีเลือดไหลและเจ็บปวด
“ตอนนั้นกระหม่อมคิดแต่เรื่องผลประโยชน์จึงได้ทำผิดมหันต์ กระหม่อมยินยอมรับโทษ”
“ได้ ทหาร เอาตัวคนผู้นี้ไปขังไว้ในคุกสวรรค์ ห้ามให้ใครเข้าเยี่ยม และเรื่องในวันนี้ห้าให้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะลงโทษเจ้า”
ถ้าสิ่งนี้แพร่ออกไป มันจะทำให้ฮ่องเต้ชราเสียหน้า ฉีจิ่งอวิ๋นสวมหน้ากากอีกครั้งอย่างชาญฉลาด และถูกองครักษ์ของฮ่องเต้พาตัวไป
เสิ่นหลินเฟิงคุกเข่าลงบนพื้นไม่กล้าขอร้อง
ฮ่องเต้จ้องมองเขาด้วยความโกรธเป็นเวลานาน จากนั้นโบกมือสั่งให้เขาออกไป
หลังจากที่เสิ่นหลินเฟิงออกจากวังไป หัวใจของเขาก็ยุ่งเหยิง คงจะดีถ้ามู่หรงฉีอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็มีคนให้เขาปรึกษาด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องทนเห็นฉีจิ่งอวิ๋นเข้าไปในคุกอีกครั้งอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้
และฮ่องเต้ชราก็ยังย้ำอีกว่าเรื่องนี้ไม่ควรแพร่งพรายออกไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนจะนึกถึงเหลิ่งชิงฮวน
พี่สะใภ้เป็นคนที่มีความคิดดีๆ นางฉลาดมาก สามารถคาดเดาความคิดของฝ่าบาทได้ ทำไมเขาไม่ไปขอให้นางช่วยล่ะ?
เขาก็ขึ้นม้ากลับไปที่คุกสวรรค์ทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...