ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 786

เสิ่นหลินเฟิงคิดหาทางออกสุดกำลัง เขาคิดมาครึ่งค่อนวันก็ไม่สามารถหาวิธีช่วยจิ่งอวิ๋นออกมาได้ เช่นเดียวกับเมื่อห้าปีก่อนที่เขาทำได้แค่ยืนมองฉีจิ่งอวิ๋นรับโทษ

แต่ครั้งนี้ฉีจิ่งอวิ๋นไม่ได้โชคดีเหมือนเมื่อห้าปีก่อน

คนเหล่านี้คือยอดฝีมือที่ฝ่าบาทส่งมา พวกเขาเชื่อฟังแค่คำสั่งของฝ่าบาท แม้แต่จะให้ฉีจิ่งอวิ๋นพูดสักคำพวกเขาก็ไม่ให้โอกาส

ฉีจิ่งอวิ๋นบาดเจ็บเล็กน้อยไม่สาหัสมากแต่ก็เป็นอุปสรรคกับร่างกายของเขา เขากัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวดมาตลอดทาง

เกิดเรื่องกลางดึกกว่าจะได้เข้ามาในวังฟ้าก็สางแล้ว

ฮ่องเต้ชรากำลังออกว่าราชการอยู่ คนกลุ่มหนึ่งรออยู่ด้านนอกจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นสูง เหล่าขุนนางที่มาว่าราชการก็ค่อยๆ ทยอยออกมา องครักษ์ด้านในออกมาเรียกตัวเสิ่นหลินเฟิงเข้าไป

เสิ่นหลินเฟิงคุมตัวฉีจิ่งอวิ๋นเข้าไปในห้องตำราของฮ่องเต้ ก่อนจะคุกเข่ารายงานให้แก่ชายชรา

“ทูลฝ่าบาท เมื่อคืนมีคนบุกเข้ามาในคุกสวรรค์หมายจะพาตัวพระชายาฉีไป ตอนนี้กระหม่อมจับตัวได้แล้ว ขอฝ่าบาทโปรดออกคำสั่ง”

หลังจากที่ฮ่องเต้ชรานั่งลงบนโต๊ะหนังสือก็วางท่าก้มหน้ามองชายสวมหน้ากากแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ใครส่งเจ้ามา?”

ชายสวมหน้ากากก้มหน้าเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีใครส่งมา”

“มีจุดประสงค์อันใด?”

ชายสวมหน้ากากลังเลเล็กน้อย “ช่วยพระชายาฉีและคุ้มกันนางชั่วคราว”

คำตอบนี้ทำให้ฮ่องเต้ชราแปลกใจ เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหรอ? เจ้ากับพระชายาฉีมีบุญคุณต่อกันงั้นหรือ?”

ชายสวมหน้ากากลังเล ก่อนจะส่ายหน้า

“มีความสัมพันธ์กัน?”

ชายสวมหน้ากากยังคงส่ายหน้า

ชายชราออกคำสั่งเสียงเย็น “ถอดหน้ากาก”

เสิ่นหลินเฟิงก็เป็นกังวลขึ้นมา เขาหันไปมองชายสวมหน้ากาก กะพริบตา สูดหายใจลึก ในใจรอคอยและหวาดกลัว

ชายสวมหน้ากากค่อยๆ ยกมือขึ้นมาจับหน้ากาก ก่อนจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขา

ฮ่องเต้ชราขมวดคิ้ว ถลึงตาจ้องใบหน้านั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและตะโกนออกมาอย่างตกใจ “เจ้าเองหรือ?!”

ใบหน้าหลังจากถอดหน้ากากของชายผู้นี้ขาวซีด คงเพราะไม่ได้ถูกแดดมาเป็นเวลาหลายปี แต่หน้าตาของเขายังคงสง่างามและฉายแววดื้อรั้นเหมือนเดิม

ฮ่องเต้ลุกขึ้นอย่างตกใจ จ้องมองชายสวมหน้ากากที่คุกเข่าก่อนจะเปล่งเสียงอย่างประหลาดใจ “ฉีจิ่งอวิ๋น?”

ในที่สุดเสิ่นหลินเฟิงก็มองใบหน้าของชายสวมหน้ากากได้ชัดเจน เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลดี

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่หนานจ้าวเขาเคยสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของฉีจิ่งอวิ๋น ครั้งก่อนที่เหลิ่งชิงฮวนถูกใต้เท้าหลู่จับตัวไป มู่หรงฉีเคยบอกกับเขาเรื่องชายสวมหน้ากาก สงสัยว่าคนผู้นั้นอาจเป็นฉีจิ่งอวิ๋น บัดนี้หลักฐานชัดเจนแล้ว เขายังไม่ตาย เดิมทีควรเป็นเองน่ายินดี แต่น่าเสียดายที่ต้องมาเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้

ฉีจิ่งอวิ๋นพยักหน้า “นักโทษฉีจิ่งอวิ๋นทำความเคารพฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”

หลังจากตกใจ ใบหน้าของฮ่องเต้ก็กลับมาเป็นปกติ เขานั่งลงก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ตาย?”

ฉีจิ่งอวิ๋นเอ่ยตามจริง “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ คนที่ถูกประหารชีวิตคือคนอื่นที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกระหม่อม”

“ปัง!”

ฮ่องเต้ชราตบโต๊ะก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ดี ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ ฉีจิ่งอวิ๋นเจ้าช่างมีฝีมือจริงๆ สามารถใช้ความตายหลบหนีจากคุกสวรรค์ได้ ข้าประเมินเจ้าต่ำไป เสิ่นหลินเฟิง เจ้ากับพระชายาฉีก็รู้เห็นด้วยใช่หรือไม่?”

“ไม่!” ฉีจิ่งอวิ๋นปฏิเสธ “ทูลฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายาฉีและรัชทายาทเสิ่น พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย”

ฮ่องเต้ตะคอกเบาๆ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าสิ่งที่เขาก่อคืออาชญากรทางการเมือง ถ้าข้าฆ่าเจ้าอีกครั้ง เจ้าก็คงไม่ว่าอะไรกระมัง?”

เสิ่นหลินเฟิงก้มหน้า “ฝ่าบาท คนที่เคยทำผิดแล้วกลับตัวเป็นคนดีมีค่าหายากมากกว่าทองคำ จิ่งอวิ๋นรู้ถึงความผิดพลาดของเขาแล้วและกำลังชดใช้ความผิด โปรดให้โอกาสเขา โปรดยกโทษให้เขาด้วยขอรับ”

ฮ่องเต้ชราเคาะโต๊ะอย่างกระวนกระวายใจ “หากข้ายกโทษให้เขาแบบนี้ ความยิ่งใหญ่ของข้าจะไปอยู่ที่ไหน? กฎหมายของอาณาจักรคืออะไร? เสิ่นหลินเฟิง เจ้ารู้ดีว่าเขาก่ออาชญากรรมอะไร เจ้ากล้าที่จะขอร้องเพื่อเขางั้นหรือ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าก็จะสั่งลงโทษเจ้าด้วย”

เสิ่นหลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูด แม้ว่าฉีจิ่งอวิ๋นจะหลงทางและหาทางกลับมาได้ แต่ข้อกล่าวหาของเขาในการร่วมมือกับศัตรูและทรยศประเทศชาติจะเป็นรอยเปื้อนชั่วชีวิตที่ไม่สามารถล้างออกได้

เส้นเลือดบนหน้าผากของฉีจิ่งอวิ๋นกระตุก ผมหน้าม้าติดอยู่ที่หน้าผากของเขา สีหน้าของเขานิ่งสงบ บาดแผลยังคงมีเลือดไหลและเจ็บปวด

“ตอนนั้นกระหม่อมคิดแต่เรื่องผลประโยชน์จึงได้ทำผิดมหันต์ กระหม่อมยินยอมรับโทษ”

“ได้ ทหาร เอาตัวคนผู้นี้ไปขังไว้ในคุกสวรรค์ ห้ามให้ใครเข้าเยี่ยม และเรื่องในวันนี้ห้าให้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะลงโทษเจ้า”

ถ้าสิ่งนี้แพร่ออกไป มันจะทำให้ฮ่องเต้ชราเสียหน้า ฉีจิ่งอวิ๋นสวมหน้ากากอีกครั้งอย่างชาญฉลาด และถูกองครักษ์ของฮ่องเต้พาตัวไป

เสิ่นหลินเฟิงคุกเข่าลงบนพื้นไม่กล้าขอร้อง

ฮ่องเต้จ้องมองเขาด้วยความโกรธเป็นเวลานาน จากนั้นโบกมือสั่งให้เขาออกไป

หลังจากที่เสิ่นหลินเฟิงออกจากวังไป หัวใจของเขาก็ยุ่งเหยิง คงจะดีถ้ามู่หรงฉีอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็มีคนให้เขาปรึกษาด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องทนเห็นฉีจิ่งอวิ๋นเข้าไปในคุกอีกครั้งอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้

และฮ่องเต้ชราก็ยังย้ำอีกว่าเรื่องนี้ไม่ควรแพร่งพรายออกไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนจะนึกถึงเหลิ่งชิงฮวน

พี่สะใภ้เป็นคนที่มีความคิดดีๆ นางฉลาดมาก สามารถคาดเดาความคิดของฝ่าบาทได้ ทำไมเขาไม่ไปขอให้นางช่วยล่ะ?

เขาก็ขึ้นม้ากลับไปที่คุกสวรรค์ทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา