ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 787

เหลิ่งชิงฮวนรออยู่ในคุกสวรรค์ด้วยความร้อนใจ

เมื่อเห็นว่าเสิ่นหลินเฟิงเดินกลับมา เธอจึงก้าวเข้าไปถามเข้าด้วยความกระวนกระวายทันที “ข้าได้ยินมาว่าจิ่งอวิ๋นบาดเจ็บ อาการเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

เสิ่นหลินเฟิงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ไม่เป็นอะไรมาก แค่บาดเจ็บภายนอกเล็กน้อย แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วอย่างมาก พระองค์ส่งเขาไปที่คุกสวรรค์ ข้าเกรงว่า...”

มือที่จับราวบันไดของเธอกำแน่นขึ้นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน เธออยากจะทุบราวบันไดเพื่อระบายความกังวลในใจออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“เข้าคุก?” ชิงฮวนชะงักเล็กน้อย “ฮ่องเต้ทรงตรัสว่าอย่างไรบ้าง”

“พระองค์ตรัสว่าอาชญากรรมที่ฉีจิ่งอวิ๋นร่วมมือกับศัตรูเป็นเรื่องมิอาจให้อภัยได้ ตอนนี้ถูกส่งตัวเข้าไปในคุกโดยห้ามมิให้ใครเข้าเยี่ยม พี่สะใภ้ เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี เห็นทีว่าคราวนี้ฉีจิ่งอวิ๋นจะไม่สามารถผ่านด่านเคราะห์ไปได้ใช่หรือไม่”

ชิงฮวนไม่ตอบ เธอเพียงแค่เดินไปมาพร้อมกับมือที่กำลังเท้าเอวเอาไว้

เสิ่นหลินเฟิงมองเธอด้วยความหวัง “เมื่อห้าปีก่อนตอนที่ข้ารู้ว่าเขาคือผู้นำขององครักษ์อินทรีและลักพาตัวท่านหลบหนีไป ข้ารู้ทันทีว่าเขาจะต้องลำบาก ทว่าไม่ได้รู้สึกแย่เท่ากับวันนี้ ตอนนี้เขากลับตัวกลับใจและช่วยเหลือเราทุกวิถีทาง แม้แต่ข้าเองยังทำไม่ได้”

ใครบ้างที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

ชิงฮวนเงยหน้าขึ้น “อย่าเพิ่งกังวลเกินไป ฮ่องเต้ยังไม่ได้สังหารจิ่งอวิ๋น เพียงแต่ขังเขาเอาไว้นั่นแปลว่าเรายังมีโอกาส”

คำอธิบายของชิงฮวนทำให้ความหวังในใจของเสิ่นหลินเฟิงเพิ่มมากยิ่งขึ้น

“จริงหรือ”

แน่อยู่แล้ว คนที่รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองอย่างฮ่องเต้ หากรู้ว่าฉีจิ่งอวิ๋นรอดคมดาบของตัวเองทั้งยังมีชีวิตรอดมาหลายปี เขาจะต้องอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด

“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี”

ชิงฮวนที่ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาอย่างดีหยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมาจากแขนเสื้อ “เมื่อครู่ข้าเตรียมไว้เอาไว้แล้ว นี่เป็นแผนเดียวที่จะทำได้ในตอนนี้ ช่วยยำของพวกนี้ไปส่งที่ร้านผ้าไหมและให้เจ้าของร้านดำเนินการตามคำสั่งของข้า”

เสิ่นหลินเฟิงรับไว้ด้วยความลังเล การขอให้เจ้าของร้านผ้าไหมทำเรื่องแบบนี้จะดีหรือไม่ ชิงฮวนดูเหมือนจะอ่านใจเขาออกจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ดีแน่หากท่านจะเปิดเผยตัวโดยตรง ท่านทำได้เพียงสามารถควบคุมเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น หากเปิดดูท่านจะเข้าใจเอง”

เสิ่นหลินเฟิงได้รับอนุญาตจึงเปิดกระดาษในมืออย่างสงสัย จากนั้นเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นี่มัน...”

ชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “คนเหล่านี้คือคนที่หนานจ้าวส่งมาเพื่อใส่ความข้าก่อนหน้านี้ บังเอิญว่าในมือของข้ากำความลับของพวกเขาเอาไว้ ข้าจะใช้มันเพื่อบีบให้เจ้านายมาขอร้องอ้อนวอนฮ่องเต้แทนข้า ดีไหมล่ะ”

เสิ่นหลินเฟิงซึ่งเดิมทีมีไหวพริบเฉียบแหลม เมื่อได้ยินชิงฮวนพูดเช่นนั้น เขาจึงตระหนักได้ทันที “ข้อมูลที่จิ่งอวิ๋นให้ข้าทำลายเป็นของปลอมทั้งหมด ข้อมูลจริงที่หายไปอยู่ในมือท่านนี่เอง”

ชิงฮวนกระแอมสองครั้งก่อนจะยิ้มออกมา “หากคนเหล่านี้ขอร้องแทนข้า ฮ่องเต้จะต้องรับรู้ถึงความผิดปกติและเชื่อมโยงกับจิ่งอวิ๋น เช่นนี้เขาจะไม่ผลีผลามจัดการจิ่งอวิ๋น นั่นจะทำให้เรามีเวลาช่วยเหลือเขา หากฮ่องเต้ทรงพระปรีชาคาดเดาได้ว่าตอนนั้นองครักษ์อินทรีมีข้อมูลอะไรอยู่ในมือ จงให้เขาผลักภาระมาที่ข้า โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องแบกรับเอาไว้เพียงผู้เดียว ข้าย่อมมีวิธีจัดการของตนเอง”

เสิ่นหลินเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “หากข้อมูลนี้ตกอยู่ในมือของใครย่อมมีภัยอันตราย แล้วข้าจะปล่อยให้ท่านรับมือเพียงคนเดียวได้อย่างไร ปล่อยให้ข้าจัดการเองเถอะ”

ชิงฮวนส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเป็นวีรบุรุษ สถานการณ์โดยรวมขึ้นอยู่กับท่าน ท่านวางใจเถอะ ข้ารู้ขอบเขตของตนเองดี”

เสิ่นหลินเฟิงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทำตามที่ชิงฮวนพูดในขณะนั้น

ในเวลานั้น เหลิ่งชิงฮวนได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรสตรีของเหล่าพสกนิกร

เจ้าหน้าที่ทางการบางคนถึงกับร้องไห้อย่างขมขื่นและบอกว่าพวกเขาไร้ความสามารถ เสนอตัวเกษียณงานกลับบ้านเกิดและไม่กล้าพูดคุยเรื่องการเมือง

ทุกคนจำได้ว่าเดือนก่อนเหมินเอ๋อร์ชิงพาภรรยาสุดสวยกลับมาที่บ้านซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าถึงเขาจะชราแต่ก็แข็งแรง แล้วทำตอนนี้ถึงกล่าวโทษว่าตัวเองชราและอยากจะเกษียณงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสองสามวันก่อน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยสายตาแปลกๆ บางคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ทำและมีบางคนที่ต่อต้าน

สีหน้าของฮ่องเต้ในตอนนั้นช่างสดใสยิ่งนัก โดยเฉพาะนัยน์ตาซึ่งเปี่ยมไปด้วยความหมาย

ผู้คนรวมตัวกันและซุบซิบกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง

“จะเพราะอะไรอีกล่ะ ต้องเป็นเพราะไปยุ่งกับคนที่ไม่สมควรยุ่งด้วยน่ะสิจึงต้องยอม ไม่เช่นนั้นหัวจะหลุดจากบ่าโดยไม่รู้ตัว”

บุคคลที่ไม่ควรยุ่งด้วยคนนี้คงจะเป็นพระชายาฉีอ๋อง

ด้วยนิสัยส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ หากมีใครกล้าแสดงอำนาจในราชสำนัก เขาจะต้องแสดงความโกรธและกลับมาคิดบัญชีแค้นอย่างแน่นอน ทว่าชายชราไม่ได้โต้ตอบอะไรมากนอกจากขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด

ไม่ถูกต้อง

ส่วนไม่มีใครสามารถคาดเดาการพลิกผันครั้งนี้ได้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าพระชายาฉีอ๋องนั้นเป็นคนเก่งในสายตาของฮ่องเต้

หากเสือไม่แสดงพลัง ทุกคนก็จะมองว่านั่นคือแมวป่วยตัวหนึ่ง เพียงแค่กระทืบเท้าทั้งราชสำนักก็สั่นคลอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา