พอให้ทุกคนได้รอ ก็รอกันเกือบครึ่งค่อนวัน
เสิ่นหลินเฟิงจับคนกลับมาได้จริง ๆ ด้วย แถมยังจับเป็นพร้อมกับมัดไพล่หลังรั้งคอเอาไว้
เขาเดินเข้ามาในห้องท้องพระโรงด้วยท่าทีอกผายไหล่ผึ่งเชิดหน้าตั้ง สีหน้าดีใจมีความสุขสุด ๆ แต่ทว่ากลับไม่เห็นเงาผู้บัญชาการฮั่วปรากฏตัวแต่อย่างใด
“ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จับตัวนักบุญหญิงเจ้าสำนักผู้ต้องหาที่หลบหนีไปกลับมาได้แล้ว”
ทุกคนตกใจอย่างมาก ต่างพากันลุกขึ้นยืนและมองไปที่นักบุญหญิงเจ้าสำนักผู้นั้นที่อยู่ข้างหลังเขา
เมื่อทุกคนได้เห็นบุคคลที่ร้ายกาจคนนั้น เป็นแค่หญิงชราธรรมดาคนหนึ่งที่หน้าตาไม่ได้สละสลวยอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงชราคนนี้ดูน่าเวทนาเล็กน้อย ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง เสื้อผ้าตามร่างกายก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และแปดเปื้อนไปด้วยคราบเลือด
ชิงฮวนลุกขึ้นยืนและมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูจากสภาพของนางก็สามารถรู้ได้เลยว่าเสิ่นหลินเฟิงกับโฉวซือเส่าคงต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการจับกุมนาง และดูจากเศษผ้าบนร่างกายของนางที่ยังหลงเหลือร่องรอยขีดข่วนที่มองเห็นได้ราง ๆ คาดได้ว่าเจ้าหนูเสิ่นหลินเฟิงผู้นี้คงลงมือไม่ยั้ง คงปิดประตูขังและปล่อยฝูงสุนัขออกมาทรมานยัยแก่ปีศาจคนนี้จนกว่าจะพอใจเป็นแน่
ทำไมตัวเองถึงคิดไม่ถึงเลยว่า ถ้าหากปล่อยสุนัขที่ดุร้ายจำนวนหนึ่งพร้อม ๆ กัน ถึงแม้ว่ายัยแก่ปีศาจคนนี้จะมีความสามารถมากแค่ไหน นางก็ไม่สามารถแสดงฝีมือออกมาได้ และต่อให้แสดงฝีมือออกมาได้แต่ก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลกับพวกสุนัขเหล่านั้น
“นี่คือนักบุญหญิงเจ้าสำนักคนนั้นหรอกหรือ? ดูจากภาพวาดวาดได้ค่อนข้างเหมือนเลยทีเดียว ผ่านไปห้าถึงหกปีแล้ว แต่หน้าตายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย”
เสิ่นหลินเฟิงตอบกลับไปว่า “ต้องเป็นนางอย่างแน่นอน ไม่มีทางผิดตัวหรอก ตอนที่พวกเราตามไปถึง นางได้ร่ายคาถาอาคมทำให้ผู้ทำพิธีบวงสรวงกับองครักษ์ที่เฝ้าสุสานหลวงสับสนไปเรียบร้อยและต้องการจะหลบหนี”
ชิงฮวนตกใจขึ้นมาในทันที และทำสีหน้าที่แสดงออกมาเกินจริงอย่างมาก “เรื่องนี้เป็นความลับขนาดนี้ และเพื่อไม่ให้มีข่าวลือแพร่งพรายออกไป ขุนนางทั้งบุ่นทั้งบู๊ของราชสำนักต้องอยู่แต่ที่นี่ไม่สามารถก้าวเท้าออกจากห้องท้องพระโรงนี้ได้ นางรู้ข่าวลือได้อย่างไรกัน?”
เสิ่นหลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจ “บุคคลนี้จะต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ในราชสำนักด้วยอย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย และตอนที่กำลังเข้าจับกุมนาง นางได้ร่ายวิชาอาคมมากมาย หากข้าไม่ได้พาสุนัขของผู้ตรวจการไปด้วย เกรงว่าการจับกุมนางคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นขอบอกเลยว่าบุคคลผู้นี้เป็นนักบุญหญิงเจ้าสำนักตัวจริงเสียงจริงไม่ต้องสงสัย”
เมื่ออ๋องเฮ่าได้ฟังเสิ่นหลินเฟิงกับเหลิ่งชิงฮวนพูดเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามได้ถือไพ่ที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ดังนั้นจึงชิงลงมือถามเสิ่นหลินเฟิงก่อนว่า “ผู้บัญชาการฮั่วล่ะ? ทำไมถึงไม่เห็นเขาเข้ามาในท้องพระโรงเพื่อรายงานด้วยล่ะ?”
เสิ่นหลินเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง “ตอนที่ผู้บัญชาการฮั่วเข้าจับกุมนักบุญหญิงเจ้าสำนักผู้นี้ ได้นำทัพเข้าโจมตีอยู่แนวหน้าก่อนแล้ว แต่ผลปรากฏว่ากลับถูกแม่มดเฒ่าคนนี้ลงมืออย่างโหดเหี้ยม สั่งให้คนแอบลอบทำร้ายจากทางด้านหลัง จนกระทั่งตอนนี้ยังหมดสติอยู่ยังไม่ฟื้น ข้าน้อยจึงต้องกลับมาเมืองหลวงเพื่อรายงานผลของการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ส่วนเขาจะมากับรถม้าที่ตามมาทีหลังและยังมาไม่ถึงขอรับ”
ชิงฮวนได้ยินคำอธิบายของเสิ่นหลินเฟิงก็อดหัวเราะไม่ได้
นักบุญหญิงเจ้าสำนักผู้นี้มีตาหามีแววไม่แค่ไหน ถึงได้ลอบทำร้ายคนของตัวเองเสียได้?
เด็กดี ๆ อย่างเสิ่นหลินเฟิงพอมาอยู่คลุกคลีกับโฉวซือเส่าก็เรียนรู้แต่สิ่งที่ไม่ดีมา
เก้าในสิบของการลอบทำร้ายครั้งนี้ จะต้องเป็นโฉวซือเส่ากับเสิ่นหลินเฟิงที่แอบทำอะไรอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ ถึงอย่างไรเสียก็เป็นแค่แผนการหาตัวตายตัวแทน โดยการปิดหน้าปิดตาเอาไว้ ใครจะไปแยกแยะออกได้ว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูได้?
พี่ใหญ่ยังกังวลใจอยู่เลยว่าผู้บัญชาการฮั่วผู้นี้จะใช้อำนาจที่มีในมือไปก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โต โดยการออกคำสั่งมั่วซั่วและปล่อยให้ยัยแก่ปีศาจหนีไปได้ ไม่รู้ว่าจะเป็นเสิ่นหลินเฟิงหรือโฉวซือเส่ากันแน่ที่กัดฟันอดทนมองแล้วรู้สึกขัดตายังไงก็ไม่รู้ ดังนั้นไม่ต้องทำเรื่องไร้สาระให้มากความ แค่อัดไปสักยก ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนคงลงมือโดยไม่ออมมืออย่างแน่นอน ต่อให้ผู้บัญชาการฮั่วอยากจะสร้างเรื่องปลุกปั่นให้วุ่นวายเพียงใด เช่นนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าศีรษะของเขาจะรับมือทันหรือไม่ สะใจจริง ๆ เลย!
ชิงฮวนมองไปที่เสิ่นหลินเฟิงอย่างชื่นชม เสิ่นหลินเฟิงเองก็มองมาพอดี จึงยักคิ้วใส่นางเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังขออวดเอาความดีความชอบ
อ๋องเฮ่ารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความโกรธอะไรออกมาได้ ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความชิงชัง
“จับได้ก็ดี รัชทายาทเสิ่นมีความสามารถอย่างมาก”
เสิ่นหลินเฟิงถือเอาคำพูดที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของอ๋องเฮ่ามาเป็นคำชม และยังทำท่าทีเป็นเหมือนลิงหลอกเจ้าอีกด้วย
“ข้าน้อยโง่เขลายิ่งนัก รู้สึกละอายใจอย่างมาก เนื่องจากยัยแก่ปีศาจผู้นี้วิชาอาคมร้ายกาจมากและยังไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ อีกทั้งนางยังรู้ศาสตร์วิชาหายาก ๆ อย่างการสร้างเกาะซ่อนตัว และยังเข้าควบคุมเหล่าองครักษ์ที่เฝ้าสุสานหลวงให้มารับใช้นางได้ สามารถใช้วิชาโปรยถั่วให้กลายเป็นกองทัพทหารได้ หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องเฮ่าคาดเหตุการณ์ได้ล่วงหน้าและส่งกองทหารรักษาพระองค์มาสมทบเพิ่มและอาศัยเพียงแค่จำนวนคนเล็กน้อยที่ติดตามข้าน้อยไป เกรงว่าคงจะทำให้นางหนีรอดไปได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...