ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 853

อ๋องรุ่ยเป็นคนแรกที่แสดงจุดยืนออกมา “สิ่งที่พี่สะใภ้สามพูดมามีเหตุผลที่สุด เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปนานและยืดเยื้อขึ้นไปอีก ก็ทำการสอบสวนเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย!”

เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างเห็นด้วยในทันที

แม้ว่าเหล่าขุนนางใหญ่ทั้งหลายต้องเข้ามาในวังหลวงว่าราชกิจกันตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ตอนนี้ก็อยู่ในวังหลวงมาครึ่งค่อนวันแล้ว

แต่ว่าแต่ละคนกลับยังกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาและไม่กล้าประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด

ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่านี่เป็นการต่อกรแสดงอำนาจกันระหว่างฝ่ายอ๋องเฮ่ากับอีกฝ่ายที่ที่นำโดยเหลิ่งชิงฮวน ใครจะแพ้หรือชนะ ล้วนเกี่ยวพันไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางราชวงศ์และทำให้มีการสูญเสียอำนาจได้

มู่หรงฉีก็ตายไปแล้ว ทุกคนต่างคิดว่าพระชายาฉีคงไม่สามารถคิดหาแผนการอะไรออกมาได้อีก วันนี้นางต้องเผชิญกับสถานการณ์อันยากลำบากแต่ก็ยังไม่คิดที่จะถอยกลับสักนิด และได้ขีดเส้นแสดงจุดยืนว่าตนเองยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอ๋องเฮ่า นางหมายที่จะสู้จนถึงที่สุด สุดท้ายแล้วการช่วงชิงอำนาจในครั้งนี้จะไปอยู่ที่ใครก็ไม่ยังไม่รู้เลย

อ๋องเฮ่าฝืนยิ้มอย่างสุดกำลัง แล้วอยากจะโต้กลับไป แต่ว่าคิดหาทางออกจนสมองแตกแล้วก็ยังหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลไม่ได้

ทางด้านอ๋องรุ่ยก็ตอบตกลงเห็นด้วย “พระชายาฉีคิดได้อย่างรอบคอบมาก ถ้ายังไงไปห้องลงทัณฑ์อีกห้องที่แยกออกมาห้องข้าง ๆ ดีไหม ให้ทั้งสามกรมสืบสวนด้วยกัน และต้องขอใต้เท้าทั้งหลายแสดงความสามารถของตัวเองออกมา จะต้องสอบสวนอย่างเข้มงวด เพื่อทำใหฝ่าบาทฟื้นคืนสติขึ้นมาโดยเร็ว จะได้กลับมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอีกครั้ง”

จากนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่งออกไปในทันที คนของกรมราชทัณฑ์ในวังหลวงพาตัวนักบุญหญิงเจ้าสำนักไปทรมานแค้นหาความจริง โดยมีเสิ่นหลินเฟิง กรมราชทัณฑ์ และศาลต้าหลี่เข้าร่วมการสอบสวนด้วย

ทุกคนยังคงรออยู่ในห้องท้องพระโรงเพื่อรอฟังผลการสอบปากคำ และไม่มีใครยอมที่จะกลับออกไป

อ๋องเฮ่ากับพระสนมหลินเฟยแสร้งทำเป็นมีท่าทีสงบนิ่ง แต่ในใจกลับกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสิ่นหลินเฟิงก็มีส่วนร่วมในการสอบสวนครั้งนี้ด้วย เขาจะต้องไม่ออมมืออย่างแน่นอน และถ้าหากว่าบุญหญิงเจ้าสำนักทนไม่ไหวเปิดปากพูดออกมาจนหมดเปลือกขึ้นมาล่ะ วันนี้จะจบเรื่องนี้อย่างไรดี?

จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้อย่างไรนะ?

เสิ่นหลินเฟิงค่อย ๆ เข้ามาหาชิงฮวนเงียบ ๆ และลดเสียงเอ่ยพูดเบา ๆ “ดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกตินะ พี่สะใภ้”

“ทำไมหรือ?” ชิงฮวนเอ่ยถามกลับไป

“ยัยแก่ปีศาจคนนี้ค่อนข้างร้ายกาจอยู่นิดหน่อย พวกเราเห็นว่านางไม่ยอมเอ่ยปาก จึงใช้การทรมานเค้นความกับนางไป แต่ปกติแล้วหากใช้วิธีลงโทษที่รุนแรงเหมือนทุกครั้ง แม้แต่ชายหนุ่มกำยำร่างใหญ่ยังไม่สามารถทนได้ไหว แต่ว่ายัยแก่ปีศาจคนนี้ทำราวกับว่าไม่เป็นอะไรเลยเสียอย่างนั้น แม้แต่คิ้วยังไม่ขมวดเลยสักนิด คงไม่ใช่ว่าทำเนื้อหนังมังสาให้อยู่ยงคงกระพันฟันไม่เข้าแทงไม่ทะลุคุ้มกายเอาไว้หรอกนะ?”

ชิงฮวนนึกถึงเมื่อครู่ตอนที่อ๋องรุ่ยใช้ดาบจ่อคอนาง นางได้กัดฟันแน่นพยายามอดทน เห็นได้ชัดว่ายังมีความรู้สึกเจ็บปวด

ชิงฮวนกะพริบตาปริบ ๆ พร้อมเอ่ย “นางมีเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เกรงว่านางน่าจะกินยาอะไรไปล่วงหน้า ทำให้ลดความเจ็บปวดลงได้ก็เท่านั้น”

เช่นเดียวกับกลอุบายที่นางใช้ที่โยนถั่วร่ายมนตร์ทหาร ทหารเหล่านั้นจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด และแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บก็ไม่ได้ลดกำลังในการต่อสู้ลงแม้แต่น้อย

และในขณะที่ตัวเองกำลังกลัดกลุ้มใจว่าจะรับมือการหว่านถั่วร่ายมนตร์ทหารของนางอย่างไรอยู่นั้น ตัวนางกลับก้าวเข้าไปติดกับดักเสียเอง

เธอหยิบเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ออกมาจากแขนเสื้อแล้วมอบให้เสิ่นหลินเฟิง “เจ้าจงใช้เข็มฉีดยาอันนี้แทงเข้าไปในเส้นเลือดของนางและดูดเลือดนางออกมา ข้ากำลังอยากศึกษาอยู่พอดีว่าพวกนางกินยาอะไรไปกันแน่ จากนั้นก็ให้เจ้าทำการค้นตัวนางอย่างละเอียด รวมไปถึงตรงคอเสื้อและในปากดูว่ามียาอะไรซ่อนอยู่หรือไม่”

เสิ่นหลินเฟิงรับมาไว้ในมือและเอ่ยถาม “แต่ว่าตอนที่สอบสวนจะทำอย่างไรดีขอรับ? นางไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย ต่อให้ทรมานขั้นรุนแรงเพื่อบีบคั้นให้สารภาพก็ไม่มีประโยชน์? หากนางไม่ยอมสารภาพออกมา พวกเราจะจบเรื่องนี้อย่างไรดี?”

ชิงฮวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบถุงเลือดออกมาสองสามถุงจากแขนเสื้อและก็ยาปฏิชีวนะนาโลโดน หลังจากจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วก็สอนวิธีการฉีดให้กับเสิ่นหลินเฟิง

“ยังไม่สามารถหายาให้ถูกกับโรคได้ในขณะนี้ แต่สามารถลองใช้ตัวยาเข็มนี้ดูได้ ยังไงก็ต้องลองคลำหาวิธีดูก่อน ถ้านางยังปฏิเสธที่จะสารภาพ เจ้าก็ดันเลือดในเข็มฉีดยาเข้าไปในถุงเลือดนี้ จากนั้นก็ดูดเลือดมาต่อ แม้นางจะไม่กลัวต่อความเจ็บปวด แต่ก็ต้องกลัวเลือดหมดตัวจนตายไปใช่ไหมล่ะ? ต่อให้ไม่ถึงตายก็ต้องมีพิการล่ะ ภายภาคหน้าจะได้ไม่สามารถทำเรื่องชั่วร้ายได้อีก”

ร้ายกาจมาก เสิ่นหลินเฟิงรับถุงเลือดมา “ไม่แปลกใจเลยที่โฉวซือเส่าจะชื่นชมพี่สะใภ้ แท้จริงแล้วที่พวกท่านก็เป็นพวกเดียวกันนั้นเอง

เสิ่นหลินเฟิงพูดมาแบบนี้ถือว่าไว้หน้าบ้างแล้ว ถ้าจะพูดออกมาจริง ๆ ละก็ น่าจะบอกว่าพวกท่านเป็นพวกชั่วร้ายประเภทเดียวกันนั้นเอง ทั้งสองคนล้วนเป็นคนเจ้าแผนการ มาหาเรื่องใครไม่หาเรื่องมาหาเรื่องยั่วยุสองคนนี้เสียได้

ตัวชิงฮวนเองก็เข้าในทันที และลดเสียงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “บอกมาสิว่า วันนี้ไม้ที่ตีเข้าที่ศีรษะผู้บัญชาการฮั่วเป็นฝีมือของโฉวซือเส่าใช่หรือไม่?”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางปิดบังพี่สะใภ้ได้ ผู้บัญชาการฮั่วคนนี้คิดว่าตัวเองทำตามเจตนารมณ์ของอ๋องเฮ่าจึงสำคัญตัวผิด ระหว่างทางเอาแต่จงใจถ่วงเวลาก็แล้ว แต่หลังจากที่ไปถึงที่สุสานหลวง กลับยังชี้นิ้วสั่งพวกข้าสองพี่น้องอีก มีความเป็นไปได้ว่าตั้งใจที่จะยั่วโทสะ เพื่อทำให้เกิดความขัดแย้งภายในจะได้สร้างโอกาสให้อีกฝ่ายหลบหนีได้ แต่เพราะโฉวซือเส่ารำคาญจึงเอาไม้ฟาดไปหนึ่งที เขาล้มลงไปทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ”

ชิงฮวนรู้สึกดีใจ แต่ยังคงทำสีหน้านิ่งเฉยอยู่ เพราะถึงอย่างไรตัวเองยังคงเป็นผู้หญิงที่เพิ่งสูญเสียสามี ไปอยู่ในช่วงที่ไว้ทุกข์จึงต้องระวังภาพลักษณ์เสียหน่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา