ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 856

พระสนมฮุ่ยเฟยจ้องเขม็งไปที่พระสนมหลินเฟยอย่างดุดัน ดวงตาของนางลุกโชนไปด้วยประกายไฟ ”ถึงรู้ข้าก็ไม่มีทางบอกเจ้าหรอก! ฝ่าบาทปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี แต่เจ้ากลับสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องเฮ่า ฆ่าฟันกันเองในครอบครัว และยังวางแผนทำร้ายสามีตัวเองอีก พวกเจ้าจะต้องไม่ตายดี!”

“วางแผนร้ายทำร้ายสามีตัวเองงั้นหรือ?” พระสนมหลินเฟยหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “ไม่ต้องแสดงต่อแล้วล่ะ พระสนมฮุ่ยเฟยเรื่องที่เจ้ากำลังตามสืบเรื่องเก่า ๆ ของข้ากับท่านอ๋องรองอย่างลับ ๆ อยู่นั้น หรงกุ้ยเหรินได้พูดเรื่องนี้กับข้าหมดแล้วเมื่อวานนี้ เพราะอะไรข้าถึงก่อกบฏ เจ้าไม่ใช่ว่ารู้ดีอยู่แก่ใจแล้วหรอกหรือ?

พวกเรามาเปิดใจพูดคุยกันตรง ๆ เลยดีกว่า เจ้ากับเหลิ่งชิงฮวนคงสงสัยเรื่องของข้ากับอ๋องเฮ่ามานานแล้ว แต่กลับปกปิดอดกลั้นไว้ไม่พูดอะไรออกมา หรือว่าจะวางแผนทำอะไรลับหลังกันแน่? ฝ่าบาทรู้เรื่องอยู่แล้วใช่หรือไม่? ดังนั้นถึงได้ย้ายตราราชลัญจกรหยกไปล่วงหน้า”

พระสนมฮุ่ยเฟยกะพริบตาปริบ ๆ และหยุดร้องไห้ตีโพยตีพาย “เจ้ารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วงั้นหรือ? เจ้ากำลังหวาดกลัวอยู่หรือ? การตายของท่านอ๋องรองเป็นความผิดที่พระองค์ก่อเองก็สมควรได้รับมันอยู่แล้ว! เพราะด้วยเหตุนี้พวกเจ้าจึงไม่สนใจความรักฉันสามีภรรยาที่มีต่อกันไม่สนพระคุณที่อบรมสั่งสอน ต้องการก่อกบฏ ทำร้ายผู้คนนับไม่ถ้วน เจ้าช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่ายิ่งนัก กรรมต้องตามสนองเจ้าจะต้องชดใช้ไปชั่วลูกชั่วหลาน”

“หุบปากซะ! คนที่ควรกรรมตามสนองเป็นไทเฮา เป็นฝ่าบาทต่างหากล่ะ! เรื่องทุกอย่างในวันนี้ทั้งหมดล้วนเกิดจากพวกเขานั่นแหละที่เป็นคนทำ”

พระสนมหลินเฟยโน้มตัวลงมาคว้าเส้นผมของพระสนมฮุ่ยเฟยและจ้องมองฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียงมังกรอย่างขุ่นเคือง “ในปีนั้นข้ากับท่านอ๋องรองตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ และได้นัดหมายกันแล้วว่าจะแต่งงานกันไม่มีทางไปแต่งกับผู้อื่น เป็นเขาที่ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือแยกความรักของพวกเราทั้งสองออก และขังข้าไว้ในกรงที่มีกำแพงสี่เหลี่ยมล้อมรอบแห่งนี้

หลังจากท่านอ๋องรองได้ยินข่าวก็รีบวิ่งข้ามคืนข้ามวันกลับเข้ามาในเมืองหลวงทันที และคุกเข่าขอความเมตตาที่หน้าวังฉืออันไม่ไปไหน แต่ไทเฮากลับบอกว่าพี่น้องต้องทะเลาะกัน เป็นเพราะนารีอย่างข้าเป็นเหตุ จึงบีบบังคับใช้ชีวิตของข้า ทำให้ท่านอ๋องรองจำยอมต้องปล่อยมือไป

นี่คืออำนาจไงล่ะ สามารถพลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ พลิกฝ่ามือกลับก็บังคับฝนได้ และยังครอบงำชะตาชีวิตของคนอื่นได้อีกด้วย! แต่อำนาจนี้เดิมทีควรจะเป็นท่านอ๋องรองที่สมควรได้รับ แต่กลับถูกคนอื่นถือเอาไปและนำมาใช้เป็นอาวุธอันแหลมคมมาทำร้ายตัวเขาเอง พวกเราวางแผนกันมานานกว่ายี่สิบปีก็เพื่อที่จะแย่งชิงทุกอย่างที่เป็นของเขากลับคืนมา และยังต้องการให้ฮ่องเต้ผู้นี้ได้ลิ้นรสชาติของการถูกควบคุมโชคชะตาและความเป็นความตายของชีวิตด้วย”

สมควร สมควรแล้วจริง ๆ พระสนมฮุ่ยเฟยไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของตาเฒ่าฮ่องเต้ผู้นี้เลย การที่พระองค์กลายเป็นอู่ต้าหลางที่ถูกสวมเขาก็สมควรแล้ว

“แม้พวกเจ้าจะมีเหตุผลในการก่อกบฏ ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็สามารถทำทุกอย่างเพื่อความทะเยอทะยานของตัวเองโดยการสร้างความบาดหมางให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้นและทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้งั้นหรือ?”

“ใครก็ตามที่กล้าขัดขวางความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของข้าล้วนสมควรตาย ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น”

“เยี่ยนผินล่ะ? นางเป็นผู้บริสุทธิ์ใช่ไหมล่ะ? และนางยังเป็นคนของท่านอ๋องรองอีกด้วย”

“นางรู้ความลับที่ตัวเองไม่สมควรรู้เข้า ข้าจะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปให้มาเป็นภัยคุกคามต่อข้าได้อย่างไร? ข้าก็แค่ช่วยล่อนางมาหาผีพรายใต้น้ำ ช่วยให้นางตายเร็ว ๆ ก็เท่านั้น”

พระสนมฮุ่ยเฟยถูกพระสนมหลินเฟยกระชากผมอยู่ จึงยืมแรงของนาง พยายามดิ้นรนจนลุกขึ้นมาจากพื้นได้

ผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้ามักจะนิ่งสงบไม่ชอบชิงดีชิงเด่นอะไร ในที่สุดก็เปิดเผยโฉมหน้าที่ทะเยอทะยานและโลภมากให้เห็นเสียแล้ว พอเปิดออกมาให้เห็นก็เป็นแค่คนบ้าคนหนึ่งก็เท่านั้น

“ฆ่าคนปิดปาก คงกลัวว่าความผิดในความส่ำส่อนของตัวเองจะถูกเปิดเผยให้ใต้หล้าได้รับรู้ใช่ไหมล่ะ? ต่อให้พวกเจ้าทำสำเร็จแล้วจะอย่างไร? เจ้ากล้าประกาศเรื่องความสัมพันธ์ลับ ๆ ระหว่างเจ้ากับท่านอ๋องรองให้ใต้หล้ารับรู้ได้หรือไม่เล่า?

บอกให้ทุกคนรู้ อ๋องเฮ่าจะได้ถูกตราหน้าว่าเป็นบุตรชู้ไปชั่วชีวิต ชื่อเสียงด่างพร้อยจนเงยหน้าไม่ขึ้น และไม่มีทางล้างความอัปยศอดสูนี้ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาฆ่าบิดาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ ทำผิดครรลองคลองธรรม จนมีชื่อเสียงน่าอัปยศไปชั่วลูกชั่วหลานนั้นเลย

ถ้าข้าเป็นอ๋องเฮ่า ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชั่วชีวิต เกลียดเจ้าที่ให้สถานะที่น่าอับอายแก่เขา และยังบังคับเขาทำโน้นนี้ เพียงเพราะความเคียดแค้นของคนรุ่นก่อนอย่างพวกเจ้า จึงไม่อาจไม่ทำร้ายญาติมิตรคนใกล้ตัวทั้งหมด และนารีที่นำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติและพลเมืองอย่างเจ้า ก็จะถูกคนอื่นด่าตราหน้าตลอดไป ฮ่า ๆ”

คำพูดเหล่านี้ราวกับว่าไปสะกิดจุดที่เจ็บปวดของพระสนมหลินเฟยเข้าเสียแล้ว นางอับอายจนในที่สุดก็ระเบิดอารมณ์ออกมา กระชากผมของพระสนมฮุ่ยเฟยแล้วนำหัวกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นก็กระชากคอเสื้อของนางอย่างแน่นด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

“แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ถ้าผู้ใดกล้าพูดจาไร้สาระออกมาเพียงประโยคเดียว ข้าจะฆ่าล้างบางมันเก้าชั่วโคตร! เจ้ากับเหลิ่งชิงฮวนผู้นั้นเหมือนกันไม่มีผิดเป็นพวกไม่เห็นคุณค่าสิ่งที่ผู้อื่นมอบให้ อย่ามาโทษข้าที่โหดเหี้ยมอำมหิตก็แล้วกัน บอกมา! ฮ่องเต้มอบตราราชลัญจกรหยกให้กับเหลิ่งชิงฮวนไปใช่หรือไม่?”

พระสนมฮุ่ยเฟยถูกทารุณกรรมเช่นนี้ แต่กลับส่ายหัวอย่างชอบใจ “ไม่รู้!”

“เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นฝ่ายเสนอตัวมาที่วังเยี่ยนชิ่งเพื่อมาดูแลตาเฒ่าฮ่องเต้ มองปราดเดียวก็รู้ว่าได้มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่ยอมบอกความจริงออกมา เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะใช้มีดหั่นเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้สุนัขกินซะ?”

พระสนมฮุ่ยเฟยมีสีหน้าหวาดกลัว ร่างกายเริ่มสั่นเทาขึ้นมา “เชื่อ ข้าเชื่อ ข้าจะพูด ข้าจะพูดแล้ว เจ้าก้มหัวลงมาหน่อย ข้าจะได้บอกกเจ้าได้ว่าตราราชลัญจกรหยกซ่อนอยู่ที่ไหน?”

พระสนมฮุ่ยเฟยร้อง โอ้ย ออกมา และค่อย ๆ ฟื้นได้สติกลับมา เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้างดงามราวกับหล่อด้วยหยก หล่อเหลาเหมือนดังภาพวาด แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา