โฉวซือเส่ารีบทำให้นางเงียบเสียงลง “ท่านลดเสียงลงหน่อยสิขอรับ ท่านคิดว่าข้าหลบองครักษ์ที่เฝ้าอย่างแน่นหนาเข้ามาในวังเยี่ยนชิ่งง่าย ๆ หรือยังไง?”
ปากของพระสนมฮุ่ยเฟยเกือบจะยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงใบหูอยู่แล้ว นางลดเสียงลงอย่างตื่นเต้น “เจ้าบอกว่าท่านอ๋องของเจ้ายังไม่ตายงั้นหรือ?”
“คนดีมักอายุสั้น แต่คนชั่วมักจะอายุยาวเป็นพันปี มู่หรงฉีไหนเลยจะตายง่ายขนาดนั้นขอรับ?”
“บังอาจนัก!” พระสนมฮุ่ยเฟยรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดที่ไม่เคารพกันของโฉวซือเส่า “เจ้าเป็นข้ารับใช้อย่างไงของเจ้า? ถึงได้กล้าทำตัวไม่เคารพท่านอ๋องของเจ้าเช่นนี้ได้!”
ลูกของเจ้าข้าทุบตีด้วยไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว ยังมีอะไรไม่กล้าอีกเล่า? โฉวซือเส่าได้แต่เอามือลูบจมูกไม่ได้สนใจอะไรพระสนมฮุ่ยเฟยผู้นี้
“เหลิ่งชิงฮวนให้กระหม่อมมาปกป้องท่าน กลัวว่าท่านจะถูกรังแก แต่ตอนนี้พอมองดูแล้วคงไม่ต้องการกระหม่อมแล้ว ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมไปล่ะ”
พระสนมฮุ่ยเฟยได้ยินดังนั้นก็ร้อนรนใจขึ้นมาในทันที “อะไรที่ว่าไม่ต้องการล่ะ? เห็นผู้หญิงคนนั้นที่นอนอยู่ข้าง ๆ ข้าหรือไม่? ตีมันให้ตายเลย!”
โฉวซือเส่าไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด และทำสีหน้าเย่อหยิ่ง “กระหม่อมไม่ต่อยผู้หญิง”
พระสนมฮุ่ยเฟยส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ใส่ แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงมองสำรวจโฉวซือเส่าตั้งแต่หัวจรดเท้า “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าก็คือประมุขตระกูลโฉวที่มาแย่งลูกสะใภ้กับลูกชายข้าคนนั้นใช่หรือไม่? หรือว่าได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับลูกชายของข้า จึงรีบแจ้นมาหาเพื่อฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังเกิดเรื่องใช่หรือไม่? เจ้าวางใจเถอะ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าตัดใจเสียเถอะ ชิงฮวนไม่มีทางสนใจเจ้าหรอก”
โฉวซือเส่าแสยะยิ้มหน้าตาย จากนั้นก็ลุกขึ้นมาตบบั้นท้าย “รู้อยู่แล้วว่างานที่ให้ทำนี่ต้องไม่ใช่งานที่ดีอะไร ต้องเสี่ยงอันตรายเข้ามาในวังหลวง แล้วยังต้องฟังท่านถากถางอีก ข้าจะไม่ทำแล้ว”
พระสนมฮุ่ยเฟยรู้สึกโง่งมเล็กน้อย “นี่จะไปแล้วงั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะทุ่มเทเข้ามาอย่างยากลำบากไปเพื่ออะไรกัน?”
โฉวซือเส่าครุ่นคิดแล้วชำเลืองมองไปที่พระสนมหลินเฟยที่ยังคงหมดสติอยู่ “จะออกจากวังหลวงไปพร้อมกับกระหม่อมหรือไม่ขอรับ?”
อยากสิ ใครไม่อยากไปก็บ้าแล้ว พระสนมฮุ่ยเฟยกำลังจะพยักหน้า แต่พอมองไปที่ฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียงมังกรก็ลังเลขึ้นอีกครั้ง “แล้วฝ่าบาทจะทำอย่างไร?”
“ย่อมไม่สามารถพาพระองค์ไปได้ด้วยได้อยู่แล้ว ชิงฮวนกับมู่หรงฉีมีแผนตอบโต้อยู่ หากพระองค์ไปด้วย จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น จนทำให้เสียแผนได้”
พระสนมฮุ่ยเฟยนั่งลงกลับไปที่เดิม “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ไปแล้ว หากข้าไปอีกคนพระองค์ก็จะกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวไม่ใครเลยไปปริยาย”
โฉวซือเส่ายกมือลูบคางเล็กน้อย “ถ้าท่านไม่ไปก็จะเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบมีกำลังน้อยยากที่จะทำอะไรได้ พอมีอันตรายก็ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือท่านได้”
พระสนมฮุ่ยเฟยส่งเสียฮึดฮัดเบา ๆ “อย่าได้มาดูถูกกัน แม้ว่าอ๋องเฮ่าจะควบคุมวังหลวงเอาไว้ แต่ว่านางไม่สามารถฆ่าล้างบางได้หมดหรอก ยังมีเหล่านางกำนัล ขันทีในวังหลวง และยังมีราชองครักษ์ที่จงรักภักดีต่อฝ่าบาทเหลืออยู่ไม่น้อย ที่ตอนนี้กระจัดกระจายไม่กล้ารวมกลุ่ม เป็นเพราะกำลังปกป้องตัวเองอย่างชาญฉลาดอยู่ก็เท่านั้น ถ้าหากมีใครสักคนสามารถออกหน้า ดำเนินการอย่างลับ ๆ ได้ เชื่อว่าจะสามารถร่วมมือกับชิงฮวนและฉีเอ๋อร์ที่อยู่ข้างนอกคอยช่วยอยู่รับมือจากด้านในนี้ได้”
“พูดไปพูดมาก็คือต้องการชี้นิ้วสั่งกระหม่อมสินะขอรับ?”
“เจ้าช่วยข้านำสารออกไปส่งข้างนอกก็พอ แน่นอนว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวตนออกมาได้”
ท่าทางที่พระสนมฮุ่ยเฟยที่ใช้ขอร้องคนอื่นค่อนข้างดีและค่อนข้างเป็นมิตร
“ข้ามีแม่นมที่อยู่ข้างกายคนหนึ่งนางเป็นผู้อาวุโสที่มาจากจวนอันกั๋วกง นางมีวรยุทธ์และคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในวังหลวงดีที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือนางมีความจงรักภักดี นางสามารถรับผิดชอบออกหน้าติดต่อกับพระสนมซูเฟย ลู่กงกง และข้าราชองครักษ์คนอื่นให้ได้ ภายภาคหน้าหากเจ้าต้องเข้าออกวังหลวง ก็จะมีคนค่อยช่วยเปิดทางให้ ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็มีกำลังค่อยช่วยเหลือ และสามารถตอบโต้กลับได้”
โฉวซือเส่ายิ้มยิงฟัน และยกนิ้วโป้งชื่นชม “สมแล้วที่เป็นมารดาของท่านอ๋องฉี”
เรื่องเล็กโง่งมงงงวย แต่เรื่องใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ ฉลาดและไหวพริบเหลือเกิน
พระสนมฮุ่ยเฟยแบะปากแล้วพูดต่อ “เกี่ยวกับที่อยู่ของตราราชลัญจกรหยก หลายวันมานี้ข้าคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง และมั่นใจอย่างมากว่าตราราชลัญจกรหยกไม่ได้อยู่ที่วังเยี่ยนชิ่ง ถ้าเช่นนั้นต้องเป็นฝ่าบาทแน่ ๆ ที่ทำการมอบตราราชลัญจกรหยกให้ใครบางคนไปเก็บรักษาไว้ล่วงหน้าแล้ว
แต่ว่าข้าคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าพระองค์จะมอบให้ใครไป สองวันก่อนก่อนที่เขาจะหมดสติ ข้าก็ยังเห็นตราราชลัญจกรหยกวางอยู่เหนือเตียงมังกรของพระองค์อยู่เลย ในช่วงระหว่างสองวันที่ผ่านมาก็มีเสนาบดีเหลิ่งและขุนนางคนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าเฝ้า และพระองค์เป็นคนขี้งกใจแคบเช่นนี้คงไม่มีทางยอมมอบตราราชลัญจกรหยกที่เป็นของสำคัญเช่นนี้ไปให้คนอื่นหรอก”
นี่เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ตราราชลัญจกรหยกเป็นตัวแทนของพลังอำนาจสูงสุด ยิ่งเป็นขุนนางที่มีตำแหน่งสูงยิ่งต้องระวัง นอกจากลูกของตัวเองแล้ว จะสามารถจะเชื่อใจใครได้อีกงั้นหรือ?
ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป เพราะตาเฒ่าฮ่องเต้คงไม่เอาตราราชลัญจกรหยกมาทำเป็นเรื่องเล่น ๆ อย่างแน่นอน ก่อนที่จะมอบหมายไปจะต้องบอกอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า หากมีช่วงวิกฤตสำคัญอะไรเกิดขึ้น จะต้องออกมาจากที่ไหนสักแห่งมาพลิกสถานการณ์กลับมา
โฉวซือเส่ายังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงพระสนมหลินเฟยร้องครวญครางขึ้นมา พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น ขนตาของนางสั่นไหว มีสัญญาณจะฟื้นขึ้นมา
พระสนมฮุ่ยเฟยหันไปมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็หยิบหม้อดินเผาที่ต้มยาให้ตาเฒ่าฮ่องเต้ขึ้นมาแล้วห่อด้วยผ้าจากนั้นก็ฟาดไปที่หัวของพระสนมหลินเฟยดัง “เพี้ยะ” ไปหนึ่งที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...