วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดีที่จะจัดพิธีฝังพระศพของอ๋องฉี
แต่เพราะว่าสุสานหลวงตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงค่อนข้างมาก ขบวนแห่พระศพจึงออกเดินทางกันตั้งแต่กลางดึก ต้องทำเช่นนี้จึงจะสามารถฝังพระศพได้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ผู้คนที่มาส่งพระศพต่างพากันเบียดเสียดกันเต็มท้องถนนหน้าประตูจวนอ๋องฉี และพร้อมใจกันคุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงเงียบ ๆ มองส่งโลงศพของมู่หรงฉีที่ค่อย ๆ ออกจากจวนอ๋องฉีไป
มีผู้ถือธงสวดมนต์และกองทหารเกียรติยศเปิดทางให้ มีทั้งแบกหาม มีทั้งถือธงและโปรยกระดาษต่าง ๆ และยังมีพระภิกษุสงฆ์และนักพรตคอยสวดมนต์เป่าขลุ่ยให้ ขุนนางทั้งหลายมาส่งพระศพเดินตามหลังขบวนด้วยรถม้า แต่ละคันสง่างามและดูสูงส่ง ขบวนยาวเหยียดหลายลี้อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา และเต็มไปด้วยกระดาษขาวปลิวว่อนเหมือนกลับกลีบดอกไม้ที่กำลังร่วงโรย
เหลิ่งชิงฮวนสวมชุดไว้ทุกข์นั่งอยู่บนรถม้านำขบวนพร้อมกันกับอวิ๋นเช่อ อ๋องรุ่ย เหลิ่งชิงเฮ่อ และคนอื่น ๆ ส่วนด้านหลังเป็นรถม้าของพระชายาของอ๋องเซวียนและญาติสตรีท่านอื่นๆ
อวิ๋นเช่อนอนซบหัวพิงอยู่ขอบหน้าต่างรถม้าและมองออกไปข้างนอก มีบางครั้งที่หันหน้ามาหาชิงฮวนทำเป็นกระต่ายตื่นตูมส่งเสียงเอะอะโวยวายเมื่อเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดไม่คุ้นตา
ชิงฮวนพูดตอบอย่างขอไปที เพราะในใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ไม่อยากจะพูดอะไรสักคำ อยากจะคิดอะไรอย่างเงียบ ๆ
พิธีการทั้งหมดที่ยุ่งยากและอลังการทั้งหมดนี้เป็นรองแม่ทัพอวี๋ เหลิ่งชิงเฮ่อและคนอื่น ๆ ดูแลจัดการให้นางทุกอย่าง ทุกคนขอให้นางวางใจทำการฟื้นฟูร่างกายและสภาพจิตใจให้สงบเพื่อปกป้องลูกในครรภ์ของตัวเองให้ดี ๆ ก็พอ
มีแขกไป ๆ มา ๆมากมายแต่มีเพียงอ๋องเชียนเท่านั้นที่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
หรงกุ้ยเหรินเดิมที่ก็เป็นคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์เก่งอยู่แล้ว ตอนนี้พระสนมหลินเฟยมีอำนาจอยู่ในมือ นางจึงตีสนิทใกล้ชิดกับพระสนมหลินเฟยให้มากขึ้นไปอีก เพื่อรักษาความมั่งคั่งและเกียรติยศของลูกชายตัวเอง นางจึงคอยเข้าหาพระสนมหลินเฟยบ่อย ๆ และเรียกพระชายาเชียนเข้าวังหลวงเพื่อไปเป็นกำลังให้พระสนมหลินเฟยอีกแรง
พระชายารุ่ยโกรธมากกับเรื่องนี้ และด่าว่าอ๋องเชียนเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่า ไม่สนใจความสนิทของญาติมิตร คู่สามีภรรยาคู่นี้ไม่ควรที่จะคบหาด้วย
ชิงฮวนไม่มีอะไรมากไปกว่าการหัวเราะอย่างขำ ๆ ตัวเองกับอ๋องเชียนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันอยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายและยากลำบากเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะรักตัวกลัวตายทำการปกป้องตัวเองอย่างชาญฉลาด
ในทางกลับกันเป็นอ๋องรุ่ยที่มีจุดยืนที่ชัดเจนและทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ แม้จะว่าต้องเสี่ยงต่อการทำให้อ๋องเฮ่าขุ่นเคืองใจก็ตาม เขาทำให้ชิงฮวนต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อเขาใหม่
เมื่อวานเขานำพระสงฆ์และนักพรตตัวปลอมกลุ่มหนึ่งเข้าไปในวังหลวง และโต้เถียงอย่างมีเหตุมีผลจงใจยั่วยุพระสนมหลินเฟยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพระสนมหลินเฟย จะได้เปิดทางให้พระสนมฮุ่ยเฟยสามารถแอบทำสิ่งต่าง ๆ อย่างลับ ๆ ได้โดยที่ไม่มีใครจับสังเกตได้
พระสนมหลินเฟยโกรธจนลมแทบจับจนต้องการจะตัดหัวและฆ่าทิ้ง อ๋องรุ่ยถึงได้พาคนออกจากวังหลวงทันที
เสิ่นหลินเฟิงรับผิดชอบสอบสวนนักบุญหญิงเจ้าสำนักและพระชายาเฮ่า ถึงแม้เขาจะลงมือสอบสวนอย่างไร้ซึ่งความปรานี ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย การสะกดจิต สำหรับทั้งสองคนแล้วก็เป็นเพียงวิธีกระจอกเอาไว้หลอกเด็กก็เท่านั้น ทั้งสองคนยังคงกัดฟันแน่นและต่อต้าน เสิ่นหลินเฟิงเองก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
ชิงฮวนคาดเดาว่า พวกนางกำลังรอ รอให้อ๋องเฮ่าพลิกกระดานกลับมาและช่วยพวกนางออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ นี่เป็นทางรอดเดียวของพวกนาง
เสิ่นหลินเฟิงเล่าว่า เมื่อวานอ๋องเฮ่าไปที่ห้องสอบสวนด้วยตัวเอง แต่ว่าถูกพระสนมหลินเฟยขวางเอาไว้ข้างนอกเสียก่อน ไม่รู้ว่าบ่นพูดพึมพำอะไร จนอ๋องเฮ่าเกิดโมโหขึ้นมาเล็กน้อยจนมีปากมีเสียงกันอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเดินจากไป
ดูจากรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ ชิงฮวนสามารถมองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้มีความกตัญญูกตเวทีเหมือนอย่างที่แสดงให้เห็นแต่อย่างใด การที่พระสนมหลินเฟยไร้น้ำใจต่อพระชายาเฮ่า จะต้องนำพาซึ่งความขัดแย้งเป็นแน่
ในมุมมองของชิงฮวน พระสนมหลินเฟยไม่มีคุณสมบัติของการเป็นแม่คน
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องชาติกำเนิดของอ๋องเฮ่า แค่พิจารณาจากเรื่องต่างๆที่ทำ หรงกุ้ยเหรินแค่เพียงต้องการให้ลูกกลายเป็นมังกร แต่กลับเห็นแก่ตัวโดยให้อ๋องเฮ่ามาแบกรับความผิดที่นางเคยทำในสมัยยังเยาว์วัย ให้อ๋องเฮ่าเสียสละคนที่ตัวเองรัก ครอบครัวของตัวเองและชื่อเสียงในชาตินี้เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตัวนางเอง
ผู้หญิงทุกคนในวังหลวงต่างมีความปรารถนาที่จะมีอำนาจในมือทั้งสิ้น ก็เหมือนพระสนมฮุ่ยเฟยที่ในตอนแรกก็เข้ามาแทรกแซงเรื่องการแต่งงานของมู่หรงฉี ยืนกรานที่จะยัดเยียดจิ่นอวี๋ที่ตัวเองถูกใจมอบให้เขา ราวกับว่าไม่เคยบ่มเพาะให้มู่หรงฉีเกิดความทะเยอทะยานมาก่อนยังไงยังงั้น นางทั้งแทรกแซงอิสระของเขา รวมไปถึงอุดมคติและการใช้ชีวิตของเขาเกินงาม
สองวันนี้ไม่ได้ข่าวอะไรจากมู่หรงฉีเลย
ชิงฮวนรู้ว่าเขากำลังติดตามการเคลื่อนไหวของกองทหารและม้าศึกของอ๋องเฮ่าอย่างใกล้ชิด และจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างแม่นยำที่สุดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องเคลื่อนย้ายกำลังทหารแข่งกับเวลา และไม่มีการเตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้า
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือทำการต่อสู้ เขาจึงยุ่งกว่าใคร ๆ และเหนื่อยกับการวางแผนภาพรวม ไม่สามารถทำอะไรผิดพลาดได้
“มู่หรงฉี” อุทยานสวนฝังพระศพแห่งนี้ได้รับการซ่อมแซมอย่างเร่งรีบจนเสร็จ แต่ฤกษ์งามยามดีของท่านยังมาไม่ถึง ยังต้องผ่านอะไรอีกยาวไกล ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างทอดยาวไปตลอดทางสามารถมองเห็นห้องโถงหลังประตูที่เปิดแง้มเอาไว้และเห็นวังใต้ดินที่หว้าแหว่ได้อย่างชัดเจน
จากนั้นโลงศพของ “มู่หรงฉี” จึงจะสามารถวางฝังลงบนเตียงสมบัติได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...