โอวหยางเสี่ยวอี้และหยางเฉินเดินตามปู้ฟางมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อมองไปที่ปากทางเข้าตรอกแล้วเห็นฝูงชนมากมาย โอวหยางเสี่ยวอี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์นี้ไม่เหมือนใครจริงๆ อุตส่าห์พาคนมาด้วยตั้งมากตั้งมายเพื่อมาดูการแข่งขัน หมอนี่มันถึงขั้นไปบอกคนทั้งเมืองเลยหรือเปล่านะ
เฉียนเป่ายิ้มแก้มแทบปริอยู่ตรงปากทางเข้าตรอก ขณะมองจำนวนคนที่มาชมการแข่งขันในวันนี้ เขาตื่นเต้นกับจำนวนคนที่มากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเป็นอันมาก ทันทีที่ข่าวพ่อครัวจากร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ล้มเถ้าแก่ร้านใจไม้ไส้ระกำได้แพร่กระจายออกไป ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ของเขาจะต้องโด่งดังยิ่งกว่าเดิมแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง ลูกค้ามากมายจะต้องหลั่งไหลมาที่ร้านเขา แล้วร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่ายิ่งกว่าเดิม
“ตายๆ เถ้าแก่ปู้ มาแล้วสินะ ดูสิว่ามีคนให้ความสนใจการประลองของเรามากขนาดไหน อย่าออมมือให้พวกข้าเล่า” เฉียนเป่ากระหยิ่มยิ้มย่องขณะพูดกับปู้ฟาง
ปู้ฟางมองอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน เขาเข้าใจดีว่าเฉียนเป่าพยายามทำสิ่งใด ชายคนนี้ต้องการใช้เขาเป็นบันไดเพื่อเหยียบขึ้นไปให้ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์โด่งดังยิ่งขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
มันไม่ได้เป็นความคิดที่ผิดแต่อย่างใด เนื่องจากตอนนี้ร้านของปู้ฟางมีชื่อเสียงโจษจันไปทั่วนครหลวง หากร้านปักษาเพลิงนิรันดร์สามารถเอาชนะเขาได้ในการแข่งขันครั้งนี้ แปลว่าชื่อเสียงของร้านก็จะพุ่งพรวดมากขึ้นไปอีกนั่นเอง
แต่การตัดสินใจนี้ของเฉียนเป่า ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าพ่อครัวเจ้าจะสามารถล้มปู้ฟางได้ในการแข่งทักษะการใช้มีด
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินไปที่โต๊ะอีกตัวหนึ่ง บนโต๊ะนั้นมีวัตถุดิบสดใหม่อยู่มากมาย หิมะเกล็ดใหญ่ที่ตกจากฟากฟ้าร่วงหล่นลงบนวัตถุดิบเหล่านี้
ทันทีที่พ่อครัวเจ้าเห็นปู้ฟาง เขาก็หยิบมีดอีโต้เล่มใหญ่ออกมาเพื่อขู่ให้กลัว มีดคมกริบหมุนวนส่องแสงอยู่ในมือล้อประกายแดดยามเย็น
เสียงตัดอากาศหวีดหวิวจากมีดทำครัวที่หมุนไปมาดังตัดเสียงบรรยากาศรอบตัว ทำให้ฝูงชนที่ยังคุยกันเจื้อยแจ้วก่อนหน้านี้เริ่มเงียบลง ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจลุ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการประลอง
“เถ้าแก่ปู้ ข้าฝึกฝนทักษะการใช้มีดมามากกว่าสิบปี ข้าจะไม่ออมมือแม้แต่น้อย และจะใช้ทุกกลเม็ดที่ข้ารู้ในการเอาชนะท่านให้จงได้” พ่อครัวเจ้าพูด จากนั้นก็เอามือตบลงบนโต๊ะ ส่งหัวมันกลมดิกให้ลอยขึ้นไปในอากาศ
ดวงตาของพ่อครัวเจ้าคมกริบ มีดทำครัวในมือฟาดออกไป มีดนั้นหมุนวนอยู่ในอากาศ ส่งเสียงฉวัดเฉวียนดังฉับๆ เหมือนกำลังตัดบางสิ่งอยู่
มีดทำคัวของพ่อครัวเจ้าตัดดังฉับเป็นครั้งสุดท้ายในแนวนอน จากนั้นก็หยุดตรงหน้าเขา หัวมันถูกตัดเป็นแผ่นบางเรียงตัวสวยงามอยู่บนใบมีด
เป็นการแสดงที่สวยงามน่าทึ่งเป็นอันมาก อย่างน้อยฝูงชนที่มุงดูอยู่ก็ต่างปรบมือชื่นชมด้วยความตื่นเต้น
พ่อครัวเจ้าวางแผ่นมันลงบนจาน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มมั่นใจสุดขีด พร้อมหันมามองปู้ฟางด้วยสายตายั่วยุ
สีหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบเฉย เขาไม่ได้ประหลาดใจกับการแสดงหั่นหัวมันของพ่อครัวเจ้าแม้แต่น้อย
โอวหยางเสี่ยวอี้ที่ยืนอยู่ข้างปู้ฟางเองก็พ่นลมเยาะอย่างเดียดฉันท์เช่นกันเมื่อเห็นสายตายั่วยุของพ่อครัวเจ้า
“จะแข่งกันอย่างไรก็บอกมา ข้าจะได้กลับไปนอนเสียที” ปู้ฟางพูดอย่างไร้อารมณ์ น้ำเสียงของเขาสงบเหมือนน้ำนิ่ง
แต่น้ำเสียงเรียบเฉยของปู้ฟางกลับฟังดูไม่มีความมั่นใจในสายตาคนอื่น ทันใดนั้นสายตาของผู้ชมที่มองปู้ฟางก็เปลี่ยนเป็นเย้ยหยันขบขัน มีแม้กระทั่งคนโห่ไล่เขาในฝูงชน
เฉียนเป่าปลื้มปริ่มเป็นอันมากเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ยิ่งเขาเหยียบย่ำเถ้าแก่ปู้ให้จมดินมากเท่าใด ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ของเขาก็จะยิ่งโด่งดังมากขึ้นเท่านั้น
“การแข่งขันในครั้งนี้จะวัดทักษะสามประการด้วยกัน ได้แก่ ความเร็ว ความแม่นยำ และความเด็ดขาด ความเร็วนั้นหมายถึงความเร็วที่ท่านใช้ในการหั่นวัตถุดิบซึ่งเถ้าแก่ปู้น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ความแม่นยำหมายถึงความแม่นยำในการใช้มีดอย่างเที่ยงตรง และความเด็ดขาดคือความสามารถในการจัดการวัตถุดิบประเภทเนื้อ วันนี้เราจะแข่งกันสามเรื่องด้วยกัน” พ่อครัวเจ้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะปักมีดลงบนเขียง
ปู้ฟางพยักหน้า เขาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยเนื่องจากทั้งสามประการนี้เป็นพื้นฐานในการประลองการใช้มีดอยู่แล้ว
“เริ่มเลยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเอ่ย
“ยอดเยี่ยม! เช่นนั้นเราจะเริ่มจากความเร็วก่อน เรามีหัวไชเท้าอยู่สองร้อยหัวด้วยกัน ใครที่หั่นหัวไชเท้าร้อยหัวเสร็จก่อนคนนั้นเป็นผู้ชนะ” พ่อครัวเจ้าประกาศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD