ดวงตาดำขลับบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเยวี่ยขณะมองไปที่จีเฉิงเสวี่ยดูเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่พร่างพราวด้วยดวงดาวระยิบระยับ
จีเฉิงเสวี่ยชะงักทันทีที่ได้ยินคำตอบของชายหนุ่มตรงหน้า คิ้วแหลมของเขามุ่นเข้าหากันจนแทบกลายเป็นเส้นเดียว จากนั้นองค์ชายสามก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนลมหายใจออกมาเป็นไอขาว พัดเกล็ดหิมะให้กระจายออกไป
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” จีเฉิงเสวี่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นกว่าเก่า
จีเฉิงเสวี่ยไม่เคยเข้าใจเลยว่าเหตุใดเซียวเยวี่ยจึงทำร้ายจีรู่เอ๋อร์มารดาของตนเอง แม้อีกฝ่ายจะจดจ่ออยู่กับการฝึกวิชากระบี่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น แต่เขาก็ดูไม่ได้คลั่งไคล้ในวิชาจนจะกระทำการเช่นนั้นได้แม้แต่น้อย…
เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่เซียวเยวี่ยแทงหัวใจมารดาตนเองจนแตกด้วยกระบี่ จัดว่าเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมากเสียยิ่งกว่าการตีตนออกห่างและไปเข้าพวกกับสำนักกระบี่มหาสูญด้วยซ้ำไป
ก่อนหน้านี้จีเฉิงเสวี่ยรู้สึกโกรธแค้นเป็นอันมาก เนื่องจากจีรู่เอ๋อร์เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขา ทั้งยังเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เขามีในวังหลวง นางเป็นคนที่ชายหนุ่มพึ่งพามาตลอด เปรียบเสมือนที่พักใจเพียงหนึ่งเดียวในเวลาที่เขาต้องพบเจอกับความโหดร้ายของชีวิต
ตอนที่จีรู่เอ๋อร์จะแต่งงานนั้น ตัวเขาทำกระทั่งชี้ดาบไปที่หน้าอกของเซียวเหมิง เพื่อบังคับให้อีกฝ่ายกล่าวคำสาบาน แม้จะเป็นการกระทำที่ดูเด็ก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพี่สาวของเขาสำคัญกับเขามากเพียงใด
หลังจากที่มารดาของพวกเขาเสียชีวิตลง จีรู่เอ๋อร์ก็กลายมาเป็นคนในครอบครัวที่เขาให้ความสำคัญและรักมากที่สุด
สามปีก่อน ตอนที่จีเฉิงเสวี่ยพบว่าจีรู่เอ๋อร์กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราหลังจากถูกเซียวเยวี่ยทำร้าย ตัวเขาติดตามไล่ล่าเซียวเยวี่ยด้วยกระบี่ข้ามคืน หมายมุ่งที่จะสังหารอีกฝ่ายให้จงได้ แม้เขาจะทำไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขารักพี่สาวมากเพียงใดด้วยเช่นกัน
ในการออกปฏิบัติภารกิจทางทหารครั้งล่าสุดนั้น เซียวเยวี่ยเป็นคนมาหาจีเฉิงเสวี่ยเอง ในช่วงเวลาอันตราย อีกฝ่ายได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้จีเฉิงเสวี่ยงุนงงเป็นที่สุด จนต้องการคำอธิบายจากเซียวเยวี่ย
“ท่านน้าของข้า ท่านอาจจะไม่เชื่อคำอธิบายข้า แต่หากข้าบอกท่านว่าทุกอย่างที่ท่านแม่ทำก็เพื่อท่านและความอยู่รอดของตระกูลเซียวเล่า” เซียวเยวี่ยถอนหายใจออกมา เขาหลุบตามองต่ำเล็กน้อย เผยให้เห็นความเศร้าสร้อยที่อยู่ภายใน
“พลังปราณของท่านพ่อนั้นยากหาผู้ใดเทียบเทียม ขั้นนักพรตยุทธการในนครหลวงนั้นจัดว่าสูงส่งมาก หากท่านพ่อต้องการจะสังหารข้า ข้าคงไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย… ทว่าข้าเองก็ยังมีชีวิตอยู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด” เซียวเยวี่ยถาม ตอนที่เขาสู้กับเซียวเหมิงในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง เซียวเหมิงมีโอกาสโจมตีให้เขาถึงตายมากมายแต่ก็ไม่ทำ
เซียวเยวี่ยเข้าใจว่าบิดาผู้แสนทรงพลังและฉลาดล้ำลึกของเขาคงค้นพบบางสิ่งเข้า
ดวงตาของจีเฉิงเสวี่ยหรี่ลง พร้อมทำท่าให้เซียวเยวี่ยพูดต่อ นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ความสงสัยทั้งหมดของเขาจะถูกคลี่คลายลงก็ได้
แต่เซียวเยวี่ยเองก็ไม่ได้อธิบายละเอียดไปกว่านั้น เขาหันหน้ามาหาจีเฉิงเสวี่ยแล้วพูดต่อ “ท่านแม่หวังว่าท่านพ่อจะสนับสนุนท่าน หลังจากที่ท่านจักรพรรดิสวรรคต นางหวังว่าท่านจะได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป”
“น่าเสียดายที่ท่านพ่อปฏิเสธ ท่านพ่อจะไม่สนับสนุนองค์ชายองค์ใด ท่านต้องการรับใช้จักรพรรดิเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ท่านแม่บอกว่าท่านพ่อเป็นคนซื่อตรงเกินไป… จนอาจทำให้ตระกูลเซียวถึงคราอวสานได้”
จีเฉิงเสวี่ยหรี่ตาลง เขามองเซียวเยวี่ยด้วยสายตามีความหมาย และค้นพบว่าสีหน้าอีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิม
“แล้วนั่นเกี่ยวอะไรกับการแทงหัวใจมารดาตนเองด้วยเล่า เจ้าพูดมาเสียยืดยาว ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่” สายตาของจีเฉิงเสวี่ยคมกริบเหมือนกระบี่ เขาซักให้เซียวเยวี่ยคายความลับออกมาให้หมด
ชายหนุ่มหันหน้ามาพูดต่อ “นางต้องการให้ท่านประสบความสำเร็จและปกป้องตระกูลเซียวไปในเวลาเดียวกัน… ท่านคงเข้าใจการทำผลงานข้ามหน้าข้ามตาผู้มีอำนาจใช่หรือไม่ หากนี่ยังเป็นรัชสมัยของจักรพรรดิจีฉางเฟิ่งผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความยิ่งใหญ่น่ายำเกรง ตระกูลเซียวย่อมปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนผ่านรัชสมัย จักรพรรดิองค์ใหม่ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลเซียวคงอยู่ต่อไปแน่ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาทหรืออวี่อ๋อง ตระกูลเซียวจะถูกมองเป็นหอกข้างแคร่ทันทีที่คนใดคนหนึ่งขึ้นครองราชย์ ท่านเป็นคนเดียวที่จะไม่ทำลายตระกูลเซียวเพราะท่านแม่”
“สมแล้วที่เป็นพี่สาวข้า นางฉลาดหลักแหลมเสียยิ่งกว่าใคร นางอ่านสถานการณ์ออกทะลุปรุโปร่ง แปลว่านางบังคับให้เจ้าแทงหัวใจนางเพื่อให้เจ้าเข้าใจวิถีแห่งกระบี่ จากนั้นก็บังคับให้เจ้าตั้งตนเป็นกบฏต่ออาณาจักร และเข้าร่วมกับสำนักกระบี่มหาสูญเช่นนั้นรึ นางทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรกัน” จีเฉิงเสวี่ยถาม
“นางต้องการให้ข้าเป็นตัวแทนตระกูลเซียวที่สนับสนุนท่าน” เซียวเยวี่ยพูดอย่างสงบราบเรียบ จิตใจของเขาเปรียบเสมือนน้ำในบ่อที่ไม่มีแรงกระเพื่อมแม้แต่น้อย
“น่าขันสิ้นดี… สตรีอย่างนางจะไปเข้าใจอะไร! นางคิดว่าจะต้องสละตนเองเพื่อการนี้หรือ กล้าดีอย่างไรมาตัดสินใจโดยพลกาลโดยไม่แม้แต่จะมาปรึกษาข้าก่อน! นางไม่คิดบ้างหรือว่าสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้ข้ารู้สึกแย่เพียงใด แล้วเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไปสมรู้ร่วมคิดเรื่องบ้านี่กับนางกัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่จีเฉิงเสวี่ยควบคุมความสุขุมของตนเองเอาไว้ไม่ได้จนกลายเป็นบ้าไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำขณะดุว่าเซียวเยวี่ยพร้อมชี้นิ้วใส่ทีละประโยค หลังจากผ่านไปพักใหญ่เขาก็เหนื่อยไปเองในที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD