สรุปตอน บทที่ 123 กลับไปเสียเถิด อย่าทำให้ตนเองอับอายไปมากกว่านี้เลย – จากเรื่อง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet
ตอน บทที่ 123 กลับไปเสียเถิด อย่าทำให้ตนเองอับอายไปมากกว่านี้เลย ของนิยายSlice of Lifeเรื่องดัง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ในเมื่อต้องร่วมมือกัน พวกนางก็ต้องแสดงความสามารถให้อวี่อ๋องประจักษ์ เพื่อที่เขาจะได้ให้ความสำคัญกับพวกนางมากขึ้น แต่ในนครหลวงนั้นไม่ได้มีโอกาสให้พวกนางแสดงความสามารถมากนัก เมื่อได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับร้านใจไม้ไส้ระกำที่ทำให้หุนเชียนอวิ่นพ่ายแพ้หมดรูป นางจึงคิดว่าเป็นโอกาสงามที่จะได้แสดงแสนยานุภาพให้ผู้คนได้ชื่นชม
ด้วยเหตุนี้เหวยเซียงซื่อจึงมาที่ร้านพร้อมลูกน้องขั้นราชันยุทธการสองคน
ในสายตาเหวยเซียงซื่อ หุนเชียนอวิ่นที่ดูจากสารรูปแล้วแทบจะแหย่ขาข้างหนึ่งเข้าไปในหลุมศพนั้นพ่ายแพ้ก็เพราะเขาอ่อนเอง แต่แค่เพราะตาแก่นั่นแพ้ ไม่ได้แปลว่าพวกนางจะแพ้ไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเถ้าแก่ร้านนี้เป็นผู้ชาย
พวกนางต่างคิดว่าไม่มีชายใดทานทนเสน่ห์ของพวกนางได้
สำนักสุขสามัคคีเป็นหนึ่งในสำนักนอกรีตของสิบสำนักใหญ่ สมาชิกสำนักส่วนใหญ่เป็นสตรีที่มีความสามารถในการรับพลังหยางเข้ามาบำรุงพลังหยินของตนเองเพื่อเพิ่มระดับพลังปราณ วิชานี้จัดเป็นอวิชชาในการฝึกปราณ
ทว่าสำนักสุขสามัคคีก็จัดเป็นสำนักที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขามีเงินทองมากมาย นอกจากนี้ยังมีกลเม็ดเด็ดพรายนับไม่ถ้วน เหวยเซียงซื่อและลูกน้องทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันเพื่อใช้ร่างของพวกนางสร้างวงแหวนปราณ พลังปราณไหลออกจากร่าง พร้อมด้วยหมอกสีชมพูที่ไหลเวียนไปมาระหว่างคนทั้งสาม
หมอกสีชมพูหนามีกลิ่นประหลาด ทำให้ใครก็ตามที่ได้สูดเข้าไปหมดสติทันที
ปู้ฟางขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นนั้น ดวงตาเบื้องลึกมีรอยเย็นปรากฏขึ้น ร้านของเขานั้นมีกลิ่นอาหารหลากหลายรายการปะปนกัน เมื่อผสมเข้ากับกลิ่นนี้ บรรยากาศภายในร้านจึงเหม็นหึ่งราวกับอุจจาระหนูในหม้ออาหาร
“เจ้าขาว จับพวกนี้โยนออกไป” ปู้ฟางสั่งเสียงเย็น ชายหนุ่มหมดความอดทนในที่สุด
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบ มันหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันทีหลังจากรับคำสั่งของปู้ฟาง
“เจ้าคิดจริงหรือว่าไอ้เศษเหล็กอ้วนนี่จะจัดการพวกเราสามคนได้ รู้สึกไหมเล่าว่าเลือดในกายเจ้ามันเริ่มเดือด รู้สึกไม่สบายตัวหรือไม่” เหวยเซียงซื่อถามด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงยั่วยวน
นางจับกระแสปราณจากเจ้าขาวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จึงคิดว่าเจ้าหุ่นยนต์ไม่น่าจะมีอะไรเป็นพิเศษ และดูแคลนมันอย่างสิ้นเชิง
ทว่าอึดใจต่อมา เหวยเซียงซื่อก็เห็นดวงตาของเจ้าขาวใหญ่ขึ้น ขณะที่ร่างของมันปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางในพริบตา
เหวยเซียงซื่อตกใจไปชั่วขณะ จากนั้นก็พบว่าตนเองกำลังลอยอยู่ในอากาศเสียแล้ว…
แควก!
ตอนที่หญิงสาวกำลังลอยอยู่ในอากาศนั้นเอง นางก็รู้สึกถึงพลังอันน่ากลัวที่พุ่งเข้าใส่ร่าง ฉีกชุดบางเบาสีชมพูของนางออกเป็นชิ้นๆ เหลือไว้เพียงผ้าผูกหน้าอกแบบโบราณและกางเกงใน
ปัง!
พลังปราณที่สตรีทั้งสามสร้างขึ้นถูกลมพายุรุนแรงที่เจ้าขาวก่อด้วยการสะบัดแขนทำลายไป เหวยเซียงซื่อและลูกสมุนถูกโยนออกจากร้านทันทีด้วยสภาพกึ่งเปลือย
เสียงของหนักสามชิ้นตกกระทบพื้นหิมะดังปุติดๆ กัน
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลมสูงจากในกองหิมะขาว เหวยเซียงซื่อคลานออกจากหิมะในชุดผ้ารัดหน้าอกและกางเกงใน ขาขาวเรียวยาวของนางขาวเหมือนหิมะ ร่างกายโค้งเว้าน่ามองเปิดเผยออกมาเต็มที่
เหวยเซียงซื่อหยิบชุดบางออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บแล้วสวมเข้าไปอีกครั้ง ใบหน้าของนางเย็นเยียบ
นางถูกจับแก้ผ้าโยนออกจากร้าน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีขนาดนี้มาก่อน นางอายเสียจนอยากตายแล้วเกิดใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด
เหวยเซียงซื่อกระทืบเท้าบอบบางลงบนพื้น พลังปราณหลั่งไหลออกจากร่าง พัดเกล็ดหิมะรอบกายให้ปลิวกระจาย จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ร้านพร้อมด้วยผมที่ปลิวไสวอยู่เบื้องหลัง
เจ้าขาวยืนมองอยู่ที่ปากทางเข้าร้าน เมื่อเห็นว่าเหวยเซียงซื่อกำลังพุ่งเข้าใส่ตน ดวงตาของมันก็กะพริบแสงวาบก่อนที่จะปล่อยหมัดออกไป
ตูม! เหวยเซียงซื่อกระเด็นไปด้านหลัง กระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังจนร่างฝังเข้าไปในเศษอิฐ…
“พวกที่เข้ามาก่อความไม่สงบ… ต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก” เจ้าขาวพูดด้วยเสียงจักรกล จากนั้นดวงตาของมันก็กะพริบแสงสีม่วงวาบหนึ่งครั้ง ทำให้เหวยเซียงซื่อที่กำลังคลานออกซากกำแพงตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ…
น… น่ากลัวอะไรเช่นนี้!
ใบหน้าสวยของเหวยเซียงซื่อเปลี่ยนเป็นขาวซีด ดวงตาที่เหมือนนกปักษาเพลิงของนางดูหวาดกลัว หากนางยังมองไม่ออกว่าเจ้าขาวน่ากลัวเพียงใด ก็คงโง่บัดซบสิ้นดี…
จีเฉิงเสวี่ยวางตะเกียบลง เขายกเหยือกสุราหัวใจหยกเยือกแข็งขึ้นมารินน้ำสุราใสแจ๋วลงไปในจอก กลิ่นหอมของสุราพร้อมเสียงน้ำไหลดังไปทั่วร้าน
“ท่านพ่อสวรรคต ท่านกะจะไม่ให้ข้ามาไว้อาลัยในฐานะบุตรชายเลยรึ” จีเฉิงเสวี่ยพูดเสียงเบา หลังจิบสุราในจอกเสร็จ
“ไว้อาลัยรึ พร้อมกองทัพของเจ้าที่ตั้งค่ายประชิดกำแพงเมืองอยู่น่ะหรือ” อวี่อ๋องตอบกลับพร้อมยิ้มเยาะ เขานั่งลงตรงข้ามองค์ชายสาม ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
จีเฉิงเสวี่ยกลับมาพร้อมกองทัพที่ตนเองนำออกไปทำภารกิจทางทหาร เจตนาของเขาดูน่าสงสัยสมควรแก่การจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
โดยทั่วไปแล้วจีเฉิงเสวี่ยในฐานะแม่ทัพต้องกลับมาตัวคนเดียวเพื่อเข้าร่วมพิธีไว้อาลัย เมื่อทำพิธีเสร็จ เขาก็ควรกลับไปหากองทัพของตน แต่นี่กลับนำทหารมาหมดทุกกองร้อย แปลว่าเจตนาของเขาในคราวนี้ไม่ได้ตรงไปตรงมาถึงเพียงนั้น
โอวหยางเสี่ยวอี้เบิกตากว้าง รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศภายในร้านประหลาดชอบกล เด็กหญิงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากขยับตัวเข้าไปใกล้หน้าต่างครัว
อวี่อ๋องและจีเฉิงเสวี่ยผลัดกันถามตอบเหมือนกำลังนั่งเล่นพูดคุยกันตามประสา แต่โอวหยางเสี่ยวอี้กลับรู้สึกว่าทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
ไม่นานนักปู้ฟางก็เดินออกมาจากครัวพร้อมด้วยจานเนื้อตุ๋นตำรับจีนกลิ่นหอมหวน อีกมือก็ถือเหยือกสุราเอาไว้
ชายหนุ่มวางอาหารและเหล้าลงตรงหน้าอวี่อ๋อง จากนั้นก็พยักหน้าให้
จีเฉิงเสวี่ยที่เมาเล็กน้อยลุกขึ้นยืนหลังจากกินเสร็จ เขากระดกสุราจอกสุดท้ายจนหมด จากนั้นก็ยื่นผลึกให้ปู้ฟาง แล้วหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองขึ้นมาใส่ ก่อนเตรียมตัวออกจากร้าน
“ในเมื่อเจ้ายืนยันจะเข้าร่วมด้วย ก็คงยินดีที่จะจ่ายผลที่ตามมาในราคาแสนแพงสินะ… ราคานั้นอาจจะเกินกว่าที่เจ้าจะจ่ายไหว”
จีเฉิงเสวี่ยเดินไปถึงทางเข้าพอดีตอนที่อวี่อ๋องเปรยขึ้นมา เขาหยุดพลางผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้ากลับไปหาพี่ชายแล้วถามพร้อมรอยยิ้มหยัน “ราคาอะไร ชีวิตข้าน่ะรึ”
จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะลั่นแล้วก้าวออกจากร้าน หายไปท่ามกลางพายุหิมะขาวโพลน
……………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD