บทที่ 126 น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วง – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD
ตอนนี้ของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 126 น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เซียวเยวี่ยนำจีรู่เอ๋อร์เข้าไปในร้านเล็กๆ ของฟางฟางเช่นนั้นรึ ไอ้หมอนี่มันคิดจะทำอะไรกันแน่
เมื่อเห็นเซียวเยวี่ยเข้าไปกบดานในร้าน เซียวเหมิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เนื่องจากการที่เซียวเยวี่ยเลือกที่นี่เป็นที่ซ่อน แปลว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะทำร้ายจีรู่เอ๋อร์
เมื่อเซียวเหมิงนึกย้อนไปถึงพลังน่ากลัวที่ซัดเข้ามาจนทำให้พลังปราณของเขาสลายหายไป ดวงตาของชายวัยกลางคนก็จริงจังขึ้น ขณะมองสุนัขสีดำตัวใหญ่แสนขี้เกียจที่นอนหลับอุตุอยู่หน้าร้าน
เขาผสานฝ่ามือและกำปั้นเข้าด้วยกันเพื่อคารวะเจ้าดำ แทนคำขอโทษที่ได้ทำตัวไม่เหมาะสมไปเมื่อครู่ หากมีคนอื่นมาเห็นเหตุการณ์นี้คงต้องอ้าปากค้างจนกรามร่วงลงไปที่พื้นเป็นอันแน่
นักรบอันดับหนึ่งของจักรวรรดิวายุแผ่วกำลังคารวะเพื่อขอโทษสุนัขสีดำตัวใหญ่ ถือเป็นเหตุการณ์เปิดโลกที่แท้จริง
เจ้าดำเหลือบตามองชายตรงหน้าก่อนพ่นลมออกมาแล้วนอนหลับไป ส่วนเซียวเหมิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าพลังกดดันที่ถาโถมลงมาหายไปในพริบตา
หลังจากที่เหลือบตาดูเจ้าดำด้วยความไม่สบายใจ แม่ทัพใหญ่ก็ก้าวเข้าไปในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง
…
ปู้ฟางหยิบวัตถุดิบสองชนิดที่เซียวเยวี่ยมอบให้ออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ อันประกอบไปด้วยกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงและหอยเป๋าฮื้อปราณนภา
กล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงส่องแสงสีม่วงสว่างพร้อมพลังเผาไหม้เล็กน้อย เมื่อมองด้วยตาอาจไม่รู้สึก แต่เมื่อหลับตาลงก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แผ่ออกมาจากกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงนี้ ราวกับว่ามันเป็นดวงอาทิตย์ดวงเล็ก
หอยเป๋าฮื้อปราณนภามีขนาดใหญ่กว่าหอยเป๋าฮื้อปราณมืดเล็กน้อย ส่วนพลังปราณที่อยู่ภายในก็สูงกว่ามากเช่นกัน เนื่องจากเป็นอสูรเวทระดับห้า มูลค่าของมันจึงเทียบกันไม่ได้แม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นลายเส้นเลือดฝอยบนเปลือกหอยเป๋าฮื้อปราณนภายังซับซ้อนกว่าลายบนหอยเป๋าฮื้อปราณมืดมากนัก และวางแหวนปราณบนเปลือกก็มีระดับสูงกว่าเช่นกัน
ด้วยความที่ปู้ฟางทดลองทำอาหารสูตรนี้โดยใช้วัตถุดิบสำหรับการฝึกซ้อมมาแล้วถึงสองครั้ง เขาจึงจำขั้นตอนการทำน้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วงได้ขึ้นใจ ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังปรับระดับพลังปราณที่ใช้ในการทำอาหารเพื่อให้ตรงกับระดับของวัตถุดิบที่แตกต่างกันเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากล้างหอยเป๋าฮื้อปราณนภาเสร็จ ปู้ฟางก็หยิบหม้อดินเผาขนาดใหญ่เพียงใบเดียวที่เขามีซึ่งพอจะใส่หอยลงไปได้ทั้งตัวออกมา
ชายหนุ่มใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองแล่เนื้อหอยเป๋าฮื้อปราณนภา หลังจากเปิดเนื้อหอยออก เขาก็หั่นสมุนไพรพลังปราณชนิดอื่นๆ แล้ววางมันลงไปรอบหอย จากนั้นชายหนุ่มก็ใส่น้ำบ่อน้ำพุจากเทือกเขาเทียนซานลงไป พลางปิดฝาเพื่อปล่อยให้เดือด
ขณะที่ของในหม้อกำลังเดือดนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มเตรียมกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วง
ดอกกล้วยไม้ชนิดนี้มีสีฟ้า กลีบและใบหนาอ้วนราวกับว่าสะสมพลังปราณเที่ยงแท้เอาไว้จำนวนมาก
ปู้ฟางค่อยๆ ใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองหั่นกลีบและใบออกอย่างระมัดระวังแล้ววางแยกกันไว้ หลังจากที่บากทุกกลีบเรียบร้อย น้ำสีม่วงเข้มข้นก็ไหลออกจากรอยบากเหล่านั้น น้ำดังกล่าวมีคุณสมบัติพิเศษที่ให้สัมผัสร้อนผ่าวเล็กน้อยบนผิวเมื่อเข้าไปใกล้
ชายหนุ่มหยิบถ้วยหยกออกมารองน้ำจากดอกไม้จนเต็ม น้ำสีม่วงนั้นใสสะอาดมีกลิ่นหอมเข้มข้น
จากนั้นเขาก็เปิดฝาหม้อดินเผา กลิ่นหอมของหอยเป๋าฮื้อปราณนภาพุ่งออกมาทันที ทำให้ตัวเขาเองอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้
กลิ่นของหอยนี้ไม่ได้มีกลิ่นคาวทะเลแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นกลิ่นหวานหอมรุนแรงแทน จิตใจของปู้ฟางได้รับผลกระทบจากความหวานหอมนี้ไปเต็มๆ ก่อนที่จะได้ชิมเสียอีก ทำให้ทั้งร่างกายและความคิดของเขาปลอดโปร่งเบาสบาย
ชายหนุ่มหั่นใบดอกกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงออกเป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ใส่มันลงไปในหม้อดินเผาแล้วปิดฝากลับดังเดิม สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาทันที
เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนฝาหม้อ พลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลวนอยู่ในเส้นปราณไหลเข้าไปในฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือเรืองแสงขึ้น ก่อนที่พลังนั้นจะไหลเข้าไปในหม้อดินเผา
จิตของปู้ฟางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นบ้างในหม้อ ราวกับว่าได้เห็นมันด้วยตาของตนเอง
พลังปราณที่ไหลเข้าไปกระตุ้นพลังที่อยู่ภายในหม้อให้หมุนวนอย่างต่อเนื่อง และเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งกับหอยเป๋าฮื้อปราณนภา จุดที่เขาผ่าเนื้อหอยออกนั้นเริ่มเดือดเป็นฟอง ทุกครั้งที่ฟองแตก พลังปราณในหม้อจะเพิ่มปริมาณขึ้น
“ช่วยนางเช่นนั้นรึ” ผู้เป็นพ่อชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดแคบลงขณะเอ่ยถาม “เจ้าขอให้เถ้าแก่ปู้ปรุงอาหารโอสถทิพย์เพื่อช่วยรู่เอ๋อร์รึ”
“ไม่ได้หรอก… น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนั้นช่วยรู่เอ๋อร์ไม่ได้ เจ้าน่าจะรู้แก่ใจดี กระบี่ของเจ้าไม่ได้ทำเพียงตัดหัวใจนางให้ขาดสะบั้นเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจของนางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแสนสาหัสด้วย”
เซียวเยวี่ยยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันหน้าไปทางห้องครัวแทน
ร่างผอมเดินออกมาจากมุมมืดในห้องครัวพร้อมด้วยหม้อดินเผาในมือ ไอน้ำลอยล่องออกจากหม้อพร้อมด้วยกลิ่นหอมน่าหลงใหล
ทันทีที่กลิ่นหอมกระจายไปทั่วห้อง ทุกคนก็พากันสูดหายใจเข้าลึกโดยพร้อมเพรียง พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้นมา
เซียวเหมิงประหลาดใจเป็นอันมาก ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หม้อดินเผานั้น หากเดาจากกลิ่นแล้ว… อาหารโอสถทิพย์ชนิดนี้ไม่ใช่น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงอย่างแน่นอน!
ปู้ฟางเองก็มองแม่ทัพใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงปากทางเข้าร้านด้วยความประหลาดใจเช่นกัน จากนั้นเขาก็เดินไปหาเซียวเยวี่ย พร้อมวางหม้อดินเผาลงตรงหน้าชายหนุ่ม
หลังจากปล่อยมือออกจากหม้อดินเผา ปู้ฟางจึงค่อยถอนพลังปราณออกแล้วผ่อนลมหายใจหนักออกมา…
หลังจากที่ทำน้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วงเสร็จ ปู้ฟางก็รู้สึกเหนื่อยล้าเสียจนแทบจะทรุดลงกับพื้น พลังปราณเที่ยงแท้ในเส้นปราณของเขาเหือดหายไปแทบหมด เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ภายใน ระดับพลังปราณของเขาต่ำเกินไปจริงๆ เสียด้วย
“นี่น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วงที่สั่ง กินให้อร่อย” ชายหนุ่มพูดกับเซียวเยวี่ย
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เปิดฝาหม้อ แสงสว่างเรืองรองพุ่งออกจากหม้อทันที พร้อมด้วยกลิ่นหอมหวนที่ถาโถมออกมา
……………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD