“หยุดเดี๋ยวนี้!” อวี่อ๋องบันดาลโทสะเป็นอันมาก! ไอ้พวกสวะจากสำนักบังอาจขัดคำสั่งเขาหรือ!
แต่โครงกระดูกระดับเจ็ดที่สร้างจากผู้ฝึกตนวังกระดูกขาวไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของเขาแต่อย่างใด มันยื่นมือออกไปหาโลงศพทันที เบ้าตาที่กลวงโบ๋นั้นเต็มไปด้วยความโลภและความหิวกระหาย
ผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการแปดคนที่แบกโลงศพอยู่ทานทนพลังกดดันของโครงกระดูกระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการไม่ไหว ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เข่าทรุดลงกับพื้นข้างหนึ่ง โลงศพทำจากทองแดงที่แบกอยู่ตกลงบนพื้นเสียงดังสนั่น
ตึง!
เสียงโลหะตกกระทบพื้นดังไปทั่วประตูมายาสวรรค์ ทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ต่างหันไปมองโลงศพที่ตกอยู่บนพื้นเป็นตาเดียว
“โลงพระศพแตะพื้นดิน… แปลว่าพิธีศพล่มหรือ”
ความคิดนี้วาบเข้ามาในใจทุกคน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมากมายหลายอย่างสับสนปนเปไป จักรพรรดิองค์ก่อนเป็นผู้ยิ่งใหญ่น่ายำเกรงเหนือโลกา แต่งานศพของพระองค์กลับถูกทำลายลงเสียนี่
รูม่านตาของอวี่อ๋องหดแคบ โทสะท่วมท้นจิตใจ พลังปราณเที่ยงแท้พุ่งกระจายออกจากร่างอย่างรุนแรง เขาจ้องไปที่โครงกระดูกยักษ์ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
พลังปราณที่กระจายออกจากร่างของจีเฉิงเสวี่ยนั้นรุนแรงกว่าเดิมมาก หลังจากที่กินสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงเข้าไป พลังปราณของเขาก็บรรลุไปแตะระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการในที่สุด จนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกประหลาดใจ
หลังจากที่ส่งฝ่ามือกระแทกสตรีห้าคนจากสำนักสุขสามัคคีให้พ้นไปได้ สีหน้าของจีเฉิงเสวี่ยก็เย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง เขาตะโกนก้อง “ไอ้พวกกบฏโอหัง!”
โครงกระดูกยักษ์ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดีใจเป็นล้นพ้น มันกวาดมือส่งพลังปราณรุนแรงออกมาปัดผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการทั้งแปดทิ้งไปด้านข้าง
มันก้าวเพียงก้าวเดียวก็เข้ามาประชิดโลงศพทองแดงทันที ดวงตาของมันพร่ามัวด้วยไฟแห่งความกระหายพลางจ้องไปที่โลงศพตรงหน้า แขนที่ทำจากกระดูกสั่นเทาเล็กน้อย
ภายในโลงศพมีพลังบางอย่างที่มันต้องการยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด สิ่งนั้นคืออุปกรณ์กึ่งเทพของสำนักวังวิญญาณทมิฬ… ลูกโลกวิญญาณล่วงลับนั่นเอง!
แม้วังกระดูกขาวจะอยู่ในระดับเดียวกับวังวิญญาณทมิฬ แต่ก็ไม่มีอุปกรณ์กึ่งเทพไว้ในครอบครองแม้แต่ชิ้นเดียว นี่เป็นขวากหนามใหญ่ที่ทิ่มแทงจิตใจของพวกเขามาตลอด หลังจากที่วังวิญญาณทมิฬถูกเซียวเหมิงทำลายไปในคราวเดียว อุปกรณ์กึ่งเทพของสำนักก็ถูกนำมาเก็บไว้ที่นครหลวงด้วยเช่นกัน
ลูกโลกวิญญาณล่วงลับนั้นมีอำนาจในการปลอบประโลมวิญญาณ ช่วยป้องกันการเสื่อมสลาย และจัดเป็นของที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำไปใส่ในโลงศพ
ในเมื่อจักรพรรดิฉางเฟิ่งได้ลูกโลกวิญญาณล่วงลับมาแล้ว ก็ไม่แปลกอะไรที่วังหลวงจะนำของชิ้นนี้มาใส่ไว้ในโลงศพของพระองค์เมื่อสวรรคตไป
เซียวเหมิงที่ต่อสู้อยู่ไกลออกไปนั้นมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที เจ้าอเวจีที่หุนเชียนอวิ่นควบคุมอยู่มีฤทธิ์ไม่น้อย ทำให้เขาต้องใช้เวลาจัดการพอสมควร เขามองโครงกระดูกยักษ์ที่กำลังจะเอื้อมมือไปแตะโลงศพ ความเย็นเยียบในดวงตาทวีคูณขึ้นอีก
จากนั้นเสียงแคร้งก็ดังขึ้น
ลำแสงจากกระบี่เทลงมาจากจุดสูงสุดของฟากฟ้า พุ่งตรงไปยังโครงกระดูกยักษ์และถึงเป้าหมายภายในพริบตา
เสียงคำรามของนกปักษาเพลิงดังออกจากร่างที่ลอยอยู่เหนือตัวจีเฉิงเสวี่ย ส่วนชายหนุ่มก็พุ่งเข้าหาโครงกระดูกยักษ์พร้อมเหวี่ยงหมัดออกไป
เซียวเยวี่ยและจีเฉิงเสวี่ยโจมตีพร้อมกัน พวกเขาใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของตนเพื่อบังคับให้โครงกระดูกยักษ์ล่าถอยไป
“ฮึ! ช่างโง่งมอะไรเช่นนี้!”
โครงกระดูกยักษ์หยุดเคลื่อนไหวแล้วหันกลับมามอง ร่างของมันสั่นเทิ้ม จากนั้นกระดูกมากมายนับไม่ถ้วนก็ผละออกจากกัน พุ่งเข้าหาชายหนุ่มทั้งสอง
การโจมตีจากท้องฟ้าของเซียวเยวี่ยถูกสกัดเอาไว้ได้ เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหกเท่านั้น จึงทำได้เพียงกลับลงมาตั้งหลักที่พื้น
ส่วนจีเฉิงเสวี่ยนั้นทำลายกระดูกไปได้ชิ้นหนึ่งด้วยหมัดของตนเอง แต่ก็ต้องล่าถอยมาตั้งหลักบนพื้นเช่นกัน ระดับพลังปราณที่ต่างกันทำให้พวกเขาเข้าใกล้มันไม่ได้แม้แต่น้อย
ปัง!
โครงกระดูกยักษ์ฉีกยิ้มน่าขนลุก จากนั้นก็ตบฝ่ามือลงบนโลงศพอย่างแรง มันใช้พลังมหาศาลพยายามแหกโลงศพให้เปิด
แต่ไม่นานนักมันก็พบว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แม้จะทุ่มพลังสุดแรง แต่ก็ไม่อาจเปิดฝาโลงออกได้แม้แต่คืบเดียว!
“โลงศพนี่มีอะไรผิดปกติ!” เปลวไฟผีเต้นตุบอยู่ในเบ้าตาของโครงกระดูกยักษ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD