ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 132

ตอนที่ปู้ฟางตื่นแล้วเดินลงมาที่ครัวนั้น จีเฉิงเสวี่ยก็หายตัวไปแล้ว หลังจากที่กลืนสมุนไพรปักษาเพลิงนิรันดร์เข้าไปครึ่งต้น เขาก็เอาชนะความตายได้สำเร็จและรอดชีวิตกลับมาจนได้ ปู้ฟางดีใจมากที่สมุนไพรที่เขาสละให้ไม่เสียเปล่า

เสียงกระดิ่งดังลอยตามลมผ่านหน้าต่างมาเข้าหู เจือไปด้วยความโศกเศร้าอาดูรของการสูญเสีย ตอนนั้นเองปู้ฟางก็จำได้ว่าวันนี้เป็นวันพิธีศพของจักรพรรดิองค์ก่อน

ชายหนุ่มลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ประตูมายาสวรรค์เพื่อดูพิธีการ นั่นเพราะจักรพรรดิองค์ก่อนมีสัมพันธ์อันดีกับเขา อีกฝ่ายไม่เพียงเป็นจักรพรรดิที่ดีแต่ยังกินจุอีกด้วย

หลังจากที่ทอดขนมปังหอยนางรมสองชิ้นเสร็จเรียบร้อย ปู้ฟางก็หยิบเสื้อกันหนาวขนสัตว์มาสวมแล้วเดินออกจากร้านไป เขาแขวนป้ายเอาไว้ที่หน้าทางเข้าก่อนมุ่งหน้าไปยังประตูมายาสวรรค์

หิมะยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ดูสวยงามเหมือนภาพวาดสีขาวโพลน

ปู้ฟางหยิบขนมปังหอยนางรมที่ยังมีไอร้อนออกมาเป่าสองสามทีก่อนกัดเข้าไปเต็มคำ ฟันของเขาเจาะเข้าไปในขอบขนมปังกรอบ ทำให้กลิ่นหอมเข้มกระจายตัวไปทั่วบริเวณ ส่งให้ชายหนุ่มรู้สึกหิวมากขึ้นไปอีก

เขาเดินไปกินขนมปังหอยนางรมไป ไม่นานนักก็มาถึงประตูมายาสวรรค์ ที่หน้าประตูมีประชาชนต่อแถวกันยาว หลายคนกำลังเขย่งสุดตัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายในลานจัตุรัสบ้าง

ปู้ฟางไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เขาเดินไปต่อแถวหลังสุด กินขนมปังในมือไปเรื่อยๆ ขนมปังส่งกลิ่นหอมหวนตีออกไปในอากาศรอบตัวเป็นระยะ ทำให้บรรดาประชาชนผู้สังเกตการณ์จับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

“กลิ่นอะไรกันนี่… หอมเกินไปแล้ว!”

สายตาของเหล่าผู้เข้าร่วมพิธีเต็มไปด้วยความหิวโหยขณะมองมาที่ขนมปังหอยนางรมในมือปู้ฟาง หลายคนแลบลิ้นออกมาพยายามเลียเอากลิ่นในอากาศเข้าไปในปากโดยไม่รู้ตัว แต่ก็สัมผัสได้เพียงอากาสหนาวไร้รสชาติ

กร้วม… ปู้ฟางกัดขนมปังหอยนางรมอีกครั้ง สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกขณะเคี้ยวอาหารคำเล็กๆ ในปาก ผู้คนรอบกายชายหนุ่มเริ่มมีประกายโทสะขึ้นมา ไอ้หมอนี่มันต้องจิตใจอำมหิตขนาดไหน ถึงกล้ามากินอะไรหอมๆ เช่นนี้แต่เช้า ทำแบบนี้หาเรื่องกันหรือ

ด้วยเหตุนี้ฝูงชนจึงพากันแหวกออกจากตัวปู้ฟางจนกลายเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่รอบตัวชายหนุ่ม ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เขา เพราะไม่อยากต้องทนดมกลิ่นชวนหิวสุดทรมาน

ปู้ฟางมองผู้คนรอบตัวอย่างไร้ความรู้สึก แอบงุนงงเล็กน้อยขณะคิด “พวกนี้เล่นอะไรกัน”

และด้วยความที่พื้นที่รอบตัวโล่งโจ้ง ชายหนุ่มจึงเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่มีอุปสรรค ทันทีที่เขาเดินไปข้างหน้า ผู้คนก็แหวกตัวออกอีกครั้ง สุดท้ายแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปถึงประตูมายาสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย และมองเห็นเหตุการณ์ภายในโดยไม่มีอะไรบดบัง

“หืม หมอนี่หายไปแต่เช้า ที่แท้มาอยู่ที่นี่เองน่ะหรือ” ปู้ฟางคิดพร้อมกัดขนมปังหอยนางรมอีกคำ ขณะมองภาพการเผชิญหน้าขององค์ชายทั้งสามที่หน้าท้องพระโรง

การวางตัวของจีเฉิงเสวี่ยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การรอดชีวิตมาได้หลังจากก้าวขาเข้าไปในโลกหลังความตายหนึ่งก้าวทำให้ความรู้สึกนึกคิดของเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เขามักจะทำตัวขลาดกลัวอยู่นิดๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพี่ชายทั้งสองคน แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มกลับสงบนิ่งสำรวม อีกทั้งสายตาของเขายังทำให้พี่ชายทั้งสองรู้สึกหวั่นเกรงได้เล็กน้อยด้วย

“ข้าเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากท่านพ่อ ข้าจะเป็นคนรับโลงพระศพเอง” จีเฉิงเสวี่ยเย้ยพร้อมปรายตามอง

องค์ชายรัชทายาทและอวี่อ๋องต่างอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองน้องชายคนสุดท้องอย่างโกรธเกรี้ยว… ไอ้จีเฉิงเสวี่ยนี่มันกล้าผยองถึงขนาดนี้แล้วหรือ!

เหลียนฟู่พยักหน้า เขานำจีเฉิงเสวี่ยไปที่ท้องพระโรง จากนั้นก็เริ่มทำพิธีรับมอบโลงศพ ตัวพิธีการนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ไม่นานนักก็เสร็จสิ้น

เมื่อทำพิธีรับโลงศพเสร็จเรียบร้อย พิธีศพก็ถือเป็นอันเริ่มต้นขึ้น

การรับโลงศพนี้เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในราชวงศ์ของจักรวรรดิวายุแผ่ว ผู้สืบทอดราชบัลลังก์จะต้องเป็นผู้นำขบวนแห่โลงศพ ทันทีที่ขบวนผ่านประตูมายาสวรรค์ จะถือว่าผู้ที่รับโลงศพไปได้รับการยอมรับจากผู้ล่วงลับ ถือเป็นหนึ่งในพิธีการขึ้นครองราชย์ด้วยเช่นกัน

นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดก่อนหน้านี้องค์ชายรัชทายาทและอวี่อ๋องจึงแย่งกันเป็นผู้รับโลงศพ

วงดนตรีหลวงเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้ง เหล่าผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการร่างกำยำแปดคนที่เปลือยท่อนบนเดินออกจากท้องพระโรงมา พร้อมแบกโลงศพขนาดใหญ่ที่ทำจากทองแดงมาด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD