“นี่มัน… เถ้าแก่ปู้ ท่านแน่ใจหรือขอรับว่าต้องการแค่นี้จริงๆ” ขันทีหนุ่มดูงุนงงหลังจากอ่านรายการวัตถุดิบที่ปู้ฟางฝากให้ไปจัดหามาให้ ใบหน้าอ่อนวัยของเขาดูเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งอ่านไปเมื่อครู่
“ใช่ ข้าต้องการแค่นี้ รบกวนเจ้าเตรียมให้หน่อย พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปเตรียมตัวแต่เช้า” ปู้ฟางเอ่ย
ขันทีหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ “เถ้าแก่ปู้ ท่านไม่ไปวันนี้หรือ พ่อครัวแม่ครัวชื่อดังจากทั่วทั้งจักรวรรดิจะมารวมตัวกันเชียวนะขอรับ รับรองว่าด้วยความสามารถของท่าน ท่านจะต้องเป็นที่ชื่นชมของใครหลายคนแน่นอน”
ปู้ฟางเหลือบมองขันทีหนุ่มอย่างไร้อารมณ์ จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบ “เห็นทีจะต้องขอตัว ข้าจะไปที่ประตูมายาสวรรค์พรุ่งนี้เช้าทีเดียวดีกว่า แค่เตรียมวัตถุดิบมาให้ครบทันเวลาก็พอ”
“ละ… แล้วพ่อครัวแม่ครัวชื่อดังเหล่านั้นเล่าขอรับ หลายคนพูดไม่หยุดเลยว่าอยากรู้จักมักจี่กับท่าน หากท่านไม่ไป อาจทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจได้นะขอรับ” ขันทีหนุ่มเตือนปู้ฟางด้วยความหวังดี สีหน้าดูสองจิตสองใจไม่น้อย
เมื่อได้ยินดังนั้นปู้ฟางก็คลี่ยิ้มออกมา เขาตบบ่าขันทีหนุ่มแล้วเอ่ยตอบ “กลับไปบอกพวกนั้นเถิด ว่า หากใครไม่พอใจข้าก็มาตามตัวข้าเอาเองก็แล้วกัน”
“ช่างน่าประทับใจอะไรเช่นนี้… ร้านใจไม้ไส้ระกำนี่เป็นเหมือนข่าวลือที่ได้ยินมาไม่มีผิด ช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดจริงๆ แต่จำนวนพ่อครัวแม่ครัวที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ นั้นมีมากกว่า… เขาทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ตนเองเสียเปรียบ” ขันทีหนุ่มคิดพร้อมถอนหายใจ
แต่ขันทีหนุ่มดูเหมือนจะผ่านประสบการณ์ในชีวิตมาไม่น้อย จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนหันหลังกลับเพื่อไปรายงานที่วังหลวง
ปู้ฟางมองแผ่นหลังของขันทีหนุ่มที่กำลังจากไป เขาใช้สองมือยกถ้วยน้ำร้อนที่ยังมีควันอุ่นๆ ขึ้นมาจิบ
ตอนนี้ปู้ฟางมีปราณอยู่ที่ระดับห้าขั้นราชันยุทธการแล้ว แม้เขาจะยังไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะยอมให้คนอื่นมาข่มเหงรังแกตนเองได้ นอกจากนี้เขายังไม่สนใจเรื่องการคบหาสมาคมกับกลุ่มพ่อครัวแม่ครัวอีกด้วย ต้องการเพียงทำอาหารอย่างสงบสุขเงียบๆ คนเดียวเท่านั้น
…
ภายในโรงเตี๊ยมหรูหราในนครหลวง
แม้วันนี้จะเป็นวันเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ แต่โรงเตี๊ยมแห่งนี้กลับเต็มทุกห้อง เนื่องจากถูกจองไว้ให้บรรดาพ่อครัวแม่ครัวที่มีชื่อเสียงจากทั่วอาณาจักรพักค้างคืน
ในพื้นที่รับรองอันแสนโอ่โถงของโรงเตี๊ยมหรู มีฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ กลุ่มคนเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชายที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ที่ได้รับจดหมายเชิญจากวังหลวง เป็นพ่อครัวแม่ครัวมากความสามารถจากทั่วราชอาณาจักร ที่รีบเดินทางมายังนครหลวงเพื่อร่วมแข่งขันในงานสมโภชร้อยครอบครัว ทุกคนล้วนเป็นพ่อครัวแม่ครัวที่มีชื่อเสียงในเมืองของตน และมีความสามารถในการทำอาหารที่ยอดเยี่ยม
พ่อครัวแม่ครัวเหล่านี้ต่างส่งยิ้มให้กันอย่างสุภาพและทักทายกันอย่างมีอัธยาศัย แม้จะไม่รู้จักมักจี่กัน แต่ในเมื่อต้องมาอยู่ร่วมกันในที่แห่งนี้ ก็ต้องทำความรู้จักกันเอาไว้เผื่อจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ในภายหน้า
แต่มีหลายคนในที่แห่งนี้ที่ไปยืนล้อมพ่อครัวแม่ครัวกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงกลาง
ผู้คนที่เป็นจุดสนใจนี้ต่างมีรูปร่างอ้วนกลมกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด พุงของพวกเขาใหญ่ยื่น ใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้างขณะทักทายทุกคนรอบตัวพร้อมจอกสุราในมือ สายตาของทุกคนที่มองมาที่คนเหล่านี้ดูเคารพนับถืออย่างชัดเจน
กลุ่มคนเหล่านี้คือเหล่าหัวหน้าพ่อครัวแม่ครัวของวังหลวงนั่นเอง ก่อนหน้านี้จักรพรรดิองค์ก่อนเป็นคนคัดเลือกพวกเขาจากบรรดาพ่อครัวแม่ครัวทั่วราชอาณาจักร จึงทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่ว คนเหล่านี้จึงกลายมาเป็นผู้นำของกลุ่มไปโดยปริยาย
“พ่อครัวจิน เถ้าแก่ร้านใจไม้ไส้ระกำไม่มาเหมือนที่เราคิดไว้จริงๆ เสียด้วย” พ่อครัววัยกลางคนที่มีใบหน้ากลมและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยพูดขึ้น พร้อมยกจอกสุราไปทางชายหัวล้านที่ดูอ่อนวัยกว่าเล็กน้อย แม้ริมฝีปากของเขาจะมีรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับเปี่ยมด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างชัดเจน
พ่อครัวจินหัวล้านเหลือบมองอีกฝ่าย แล้วทำเพียงยิ้มบางตอบโดยไม่พูดอะไร
ชื่อของปู้ฟางเป็นที่เลื่องลือในหมู่พ่อครัวแม่ครัวในนครหลวง โดยเฉพาะกับพวกที่ทำงานในครัวหลวง ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่นั้น ชื่อของชายหนุ่มเปรียบเสมือนฝันร้ายของคนเหล่านี้เลยทีเดียว
ตั้งแต่จักรพรรดิองค์ก่อนไปกินอาหารที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟาง พระองค์ก็เอาใจยากและจุกจิกมากขึ้นไปอีก ทุกๆ วันจะมีพ่อครัวแม่ครัวหลายคนถูกหัวหน้าของตนเองดุด่าว่ากล่าว
เหตุผลก็คืออาหารที่พวกเขาทำนั้นโดนเมินอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากไม่ถูกปากจักรพรรดิฉางเฟิ่ง
ในช่วงเวลานั้นชีวิตของพ่อครัวแม่ครัวเหล่านี้ถือว่าโศกเศร้าอาดูรเหลือทน ทุกๆ วันพวกเขาต้องคิดค้นอาหารจานใหม่ที่จะทำให้จักรพรรดิพอใจ…
“กับอีแค่เด็กหัวกะลาที่บังเอิญทำอาหารถูกปากจักรพรรดิองค์ก่อนจานหนึ่ง คิดว่าตนเองเป็นพ่อครัวหัวป่าก์อันดับหนึ่งเรอะ ประสบการณ์น้อยเสียจนปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มันรู้หรือเปล่าเถิดว่าทำอาหารแบบมืออาชีพเขาทำกันอย่างไร” พ่อครัวจินหัวใสแจ๋วพูดเหยียดหยัน ก่อนจะกระดกสุราหมดจอกในอึกเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD