“กลิ่นนี้…”
อาลู่กลืนน่องไก่ทั้งหมดเข้าปากในคำเดียว ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ชามข้าวผัดไข่ในมือปู้ฟาง
ข้าวผัดไข่นั้นดูเรืองแสงสีทองมาแต่ไกล ดูสวยน่าหลงใหลเป็นอันมากและดึงความสนใจของพวกเขาได้อยู่หมัด
กลิ่นไข่และข้าวผสมผสานกันอยู่ในอากาศ พุ่งเข้าไปในโพรงจมูกของอาลู่กับอาเหวย ทำให้ทั้งสองพลันมีสีหน้าเหมือนต้องมนต์
ทันทีที่ปู้ฟางวางชามข้าวผัดไข่ลง อาลู่ก็หยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มตักกิน
แค่ได้กลิ่นข้าวผัดไข่ชามนี้เขาก็อดรนทนไม่ไหวแล้ว กลิ่นหอมของไข่นั้นไม่ว่าใครที่ได้สูดเข้าไปก็ต้องเกิดอาการท้องร้องด้วยความหิวกันถ้วนหน้า
เขาใช้ช้อนตักลงไป ทำให้เกิดหลุมในข้าวผัดไข่ ไข่นั้นสุกที่ร้อยละแปดสิบพอดิบพอดี และยืดขึ้นมาเป็นสายตามเส้นทางของช้อน แต่กลิ่นที่ถูกกักเก็บเอาไว้ภายในข้าวกลับระเบิดออกมาผ่านหลุมนั้น พุ่งเข้าโอบล้อมอาลู่เอาไว้ทั้งตัว
“อืม…” อาลู่ร้องออกมาพร้อมส่งข้าวผัดไข่หนึ่งช้อนเข้าไปในปาก ดวงตาของเขาที่มองแทบไม่เห็นเนื่องจากโดนชั้นไขมันบังจนเกือบหมดพลันเบิกกว้างขึ้นทันที
พอกลืนคำแรกเข้าไปเสร็จ เขาก็รีบหันไปมองหน้าพี่ชายตนเองด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น “พี่ใหญ่… ข้าวผัดไข่นี่อร่อยสุดยอดไปเลย!
“ไข่ที่ใช้ในอาหารจานนี้คือไข่ของอสูรเวทระดับสาม พิราบพายุอัสนี แต่คุณภาพของข้าวนั้นสุดยอดจริงๆ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าวพลังปราณที่ตาแก่เป็นคนปลูกเองแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นการควบคุมความร้อนยังทำได้ดีมาก ไข่นี้สุกที่ร้อยละแปดสิบพอดี หลังตักขึ้นจากกระทะก็ยังสามารถใช้ความร้อนที่กักเก็บอยู่ภายในทำให้มาสุกพอดีในปากได้ การจะทำเช่นนี้ได้ต้องคำนวณมาอย่างตรงเป๊ะดีเยี่ยม! อ้อ… สั้นๆ คือ อร่อยมาก!”
อาลู่พูดเสียงอู้อี้ หลังจากที่พูดจบ เขาก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวผัดไข่ต่อไปอย่างดุเดือด
ปู้ฟางประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินบทวิเคราะห์นั้น เขารู้สึกประทับใจขณะมองไปที่ชายอ้วนผู้กำลังตั้งใจกินข้าวผัดไข่อย่างเอาเป็นเอาตาย ชายอ้วนผู้นี้มองได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าข้าวผัดไข่ชามนี้ผ่านกรรมวิธีอะไรมาบ้าง ด้วยการชิมแค่คำเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกที่มาของวัตถุดิบและอนุมานได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายอ้วนผู้นี้เป็นใคร เขาย่อมต้องเป็นพ่อครัวเช่นกัน แถมไม่ใช่พ่อครัวธรรมดา ทั่วไปเสียด้วย
อาเหวยประหลาดใจเป็นอันมากขณะมองไปที่อาลู่ เขารู้ดีว่าน้องชายตนเองเรื่องมากขนาดไหน โดยเฉพาะกับอาหารที่ไม่มีเนื้ออยู่ในนั้น หากมีเนื้อเป็นส่วนประกอบ อาลู่จะยอมปล่อยผ่านให้ได้ แต่สำหรับอาหารที่ไม่มีเนื้อ เจ้าอ้วนนี่จะเข้มงวดในการประเมินขึ้นมาหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ข้าวผัดไข่ของอาเหวยก็มาถึงที่แล้วเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ใจร้อนทนไม่ไหวเหมือนอาลู่ เขาค่อยๆ สำรวจหน้าตาและกลิ่นของอาหารจานตรงหน้าอย่างระมัดระวัง เมื่อเสร็จแล้วถึงเริ่มลงมือกิน
รสชาติของข้าวผัดไข่นั้นเกินความคาดหมายของอาเหวยไปมาก มันอร่อยมากเสียจนเขาเองก็ไม่อยากเชื่อเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดในอาหารจานนี้ก็คือปริมาณพลังปราณเที่ยงแท้ที่อัดแน่นอยู่ภายใน
“เหตุใดข้าวผัดไข่จึงมีพลังปราณสะสมอยู่มากถึงขนาดนี้กัน ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” อาเหวยคิด
ด้วยเหตุนี้อาเหวยจึงสั่งอาหารเพิ่มอีกจาน ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของอาลู่…
หลังจากที่สั่งอาหารร้านปู้ฟางเพิ่มอีกสองสามจาน อาเหวยก็เข้าใจว่าเหตุใดอาหารในร้านนี้จึงราคาสูงถึงเพียงนี้ เนื่องจากอาหารทุกจานเต็มไปด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ปริมาณมาก ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณพลังปราณในอาหารยังเกินความคาดหมายของอาเหวยไปมาก อาหารที่ร้านของปู้ฟางมีพลังปราณมากเสียยิ่งกว่าอาหารที่พวกเขาขายที่ร้านของตัวเองเสียอีก
“ไว้มาอุดหนุนใหม่นะ” ปู้ฟางพูดกับแผ่นหลังของสองพี่น้องที่กำลังเดินออกจากร้านไป หลังจากเก็บผลึกค่าอาหารเข้ากระเป๋าเรียบร้อย
สองศรีพี่น้องอาลู่และอาเหวยเดินออกจากร้านอย่างเงียบเชียบ ก้าวเข้าสู่โลกของหิมะและความหนาวเหน็บอีกครั้ง อาลู่ทำแม้กระทั่งเลิกกินน่องไก่ ดวงตาเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึมทันที
หากปู้ฟางเข้าร่วมการแข่งขันงานสมโภชร้อยครอบครัวในปีนี้เช่นกัน อาหารที่พวกเขาได้กินเข้าไปเมื่อครู่นั้น ก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าทั้งสองคงไม่มีโอกาสได้รางวัลที่หนึ่งไปครองแน่หากไม่ตั้งใจทำให้สุดฝีมือ… ความสามารถของปู้ฟางทำให้พวกเขารู้สึกกดดันเป็นอันมาก
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดตาแก่ถึงบอกว่าทวีปนี้เต็มไปด้วยคนมีพรสวรรค์มากมาย และย้ำเตือนกับเราเสมอว่าอย่าผยองจนเสียคน เพิ่งมาถึงนครหลวงหมาดๆ เราก็โดนรับน้องเสียแล้ว” อาเหวยคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD