ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 15

สรุปบท ตอนที่ 15 กลุ่มเศรษฐีใหม่ที่ยากหาใครเ...: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

ตอนที่ 15 กลุ่มเศรษฐีใหม่ที่ยากหาใครเ... – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

ตอนนี้ของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 15 กลุ่มเศรษฐีใหม่ที่ยากหาใครเ... จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 15 กลุ่มเศรษฐีใหม่ที่ยากหาใครเหมือน
ตอนที่ 15 กลุ่มเศรษฐีใหม่ที่ยากหาใครเ…

แววตาคาดหวังของจีเฉิงเสวี่ยมอดดับลงไปทันที ใบหน้าขององค์ชายหนุ่มชะงักกึก

“เขา… เขาปฏิเสธข้า!”

จีเฉิงเสวี่ยแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะองค์ชายสามของจักรวรรดิ มีหลายต่อหลายคนที่อยากคบค้าสมาคมกับเขา กระนั้นคำเชื้อเชิญที่เขาอุตส่าห์มอบให้ชายผู้นี้กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

ที่แย่ที่สุดคือ เหตุผลที่เขาโดนปฏิเสธ…

“คุณสมบัติไม่พอ”

เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ปู้ฟางพูดและสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่าย องค์ชายสามก็รู้สึกราวถูกศรปักที่กลางใจ

แต่จีเฉิงเสวี่ยก็เป็นคนมีไหวพริบยิ่งนัก แม้เขาจะถูกปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้แสดงความโกรธออกมาแม้แต่น้อย ทำเพียงยิ้มบางๆ เท่านั้น

“ใช่แล้ว ข้า… ข้าคุณสมบัติไม่พอ” จีเฉิงเสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงท้อใจ ราวกับมีบางสิ่งที่หนักอึ้งอยู่ในใจเขา

จักรพรรดิฉางเฟิ่งแห่งจักรวรรดิวายุแผ่วมีบุตรทั้งหมดสามคนด้วยกัน องค์ชายองค์แรกมีนามว่าจีเฉิงอัน ได้รับการสถาปนาเป็นองค์ชายรัชทายาทเมื่อสิบปีก่อน องค์ชายองค์ที่สองนามว่าจีเฉิงอวี่นั้นได้รับตำแหน่งอ๋อง ส่วนองค์ชายองค์ที่สามจีเฉิงเสวี่ย ดูเหมือนว่าจักรพรรดิจะไม่พอใจในตัวเขาอย่างไรก็ไม่รู้ได้ จึงได้รับเพียงตำแหน่งแม่ทัพเท่านั้น

แม้ตำแหน่งแม่ทัพจะถือว่ามีหน้ามีตามาก แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับตำแหน่งที่องค์ชายองค์แรกและองค์ที่สองได้รับ

“องค์ชายสาม…” เมื่อเซียวเสี่ยวหลงเห็นสีหน้าหดหู่ของจีเฉิงเสวี่ยก็พลันอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเจ้าตัวขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เถ้าแก่ปู้ แม้เจ้าจะไม่สนใจมาเป็นพ่อครัวประจำตัวข้า แต่เคยคิดไว้หรือไม่ว่าวันหนึ่งจะเข้าไปทำงานในครัวหลวง ในฐานะพ่อครัวส่วนตัวขององค์จักรพรรดิ ข้าอาจคุณสมบัติไม่พอ แต่องค์จักรพรรดิน่าจะพอใช่หรือไม่” จีเฉิงเสวี่ยพูดเจือหัวเราะ

ปู้ฟางมองจีเฉิงเสวี่ยแล้วขมวดคิ้ว “ไอ้หมอนี่มันโง่รึ ข้ายังพูดไม่ชัดหรืออย่างไร”

“ข้าไม่สนใจจะไปทำงานเป็นพ่อครัวประจำตัวใครทั้งสิ้น แม้แต่ของจักรพรรดิก็ไม่สนใจ หากเจ้าอยากกินอาหารที่ข้าทำก็มากินที่ร้านเสีย ถ้ามีคนมาก่อนเจ้าก็จงต่อแถว พอกินเสร็จแล้วก็จ่ายเงินมา”

ปู้ฟางเป็นชายที่ฝันอยากเป็นพ่อครัวเทพ แล้วพ่อครัวเทพในอนาคตอย่างเขา จะจำกัดตนเองให้เป็นเพียงพ่อครัวประจำตัวของคนอื่นได้อย่างไร

จีเฉิงเสวี่ยเงียบ ตัวเขาเองเข้าใจได้ว่าเหตุใดปู้ฟางจึงปฏิเสธตำแหน่งพ่อครัวประจำตัวเขา แต่การที่ชายหนุ่มตรงหน้าปฏิเสธตำแหน่งพ่อครัวของจักรพรรดิด้วยนั้น เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย

การได้ทำงานในครัวหลวงและทำอาหารให้จักรพรรดิเสวยมิได้เป็นความใฝ่ฝันของพ่อครัวทุกคนในราชอาณาจักรหรือ

ถ้าเช่นนั้นแล้วความฝันของปู้ฟางคือสิ่งใด

“ข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงราคาสิบผลึก โปรดจ่ายเงินด้วย ขอบคุณ” ปู้ฟางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยจากการพูดคุยกับองค์ชาย

“ของเจ้าสองร้อยเหรียญทอง” ในขณะเดียวกันเขาก็หันไปพูดกับเซียวเสี่ยวหลง

จีเฉิงเสวี่ยมองปู้ฟางด้วยสายตาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะส่งเงินสิบผลึกให้อีกฝ่าย เซียวเสี่ยวหลงเองก็จ่ายเงินเช่นกัน จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากร้านไป

ร้านอาหารเล็กๆ ร้านนี้มีขนาดเพียงสามผิงฟางจ้างเท่านั้น แถมยังไม่มีป้ายร้านด้วย มีเพียงสุนัขสีดำตัวใหญ่นอนอืดอยู่ที่ทางเข้า มีพ่อครัวสูงโปร่งร่างผอมที่ยึดถือหลักปฏิบัติเคร่งครัดและหุ่นเชิดลึกลับที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย นอกจากนี้ยังมีฝีมือการทำอาหารแสนสมบูรณ์แบบ ทั้งยังใช้วัตถุดิบชั้นเลิศที่ไม่รู้ที่มา… ร้านเล็กๆ ของฟางฟางนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความลึกลับเหลือคณนา

หลังจากที่จีเฉิงเสวี่ยออกจากร้านเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เหลียวกลับไปมอง มุมปากขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม “น่าสนใจดี”

พอเก็บถ้วยชามมาล้างเสร็จแล้ว ร้านอาหารก็กลับมาไร้ผู้คนอีกครั้ง ปู้ฟางกลับไปนั่งอาบแดดข้างเจ้าดำ ทำตัวแสนขี้เกียจตามเดิม

แต่ร้านของเขาก็กลายเป็นที่โจษจันไปทั่วเมืองเรียบร้อย หลังจากเหตุการณ์สุดระทึกกับซุนฉีเซี่ยง ข่าวที่ว่าอาหารร้านนี้แพงหูฉี่ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วนครหลวงเช่นกัน โดยฝีมือของเพื่อนบ้านมหาภัย

“พวกเจ้ารู้เรื่องร้านอาหารแปลกๆ ในตรอกกันหรือไม่!”

“หมายถึงไอ้ร้านอาหารใจไม้ไส้ระกำที่ขายข้าวผัดไข่ชามละสิบผลึกน่ะหรือ”

“ไอ้เจ้าของร้านมันโง่เง่าหรืออย่างไร ใครมันจะไปซื้อราคาขนาดนั้น ถ้ามันขายข้าวผัดไข่ได้สักชาม ข้าจะกินข้าวเกรียบที่ข้าขายให้หมดมันเสียเลย!”

แต่ในโลกนี้ย่อมมีเศรษฐีมั่งคั่งที่ตามหาสิ่งที่แตกต่างจากปุถุชนคนธรรมดาเสมอ แน่นอนว่าวิธีการมองโลกของคนสองกลุ่มนี้ก็แตกต่างกันเช่นกัน

ความเงียบสงบไม่ได้อยู่นาน เมื่อร่างสองสามร่างก้าวเท้าเข้าร้านของปู้ฟางมา ชายหนุ่มกำลังนอนขดอยู่บนเก้าอี้ สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มชายน้ำหนักเกินที่เพิ่งเยื้องย่างเข้ามาถึง

ชายอ้วนเหล่านี้ล้วนใส่เสื้อผ้าแพรไหมหน้าตาหรูหรา นิ้วหยาบกร้านพรั่งพร้อมด้วยแหวนทองมากมาย สร้อยคอที่พวกเขาสวมประดับด้วยจี้หยก ส่วนเข็มขัดก็ฝังมรกตส่องประกาย

“ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเศรษฐีใหม่” ปู้ฟางคิดกับตนเอง

“พวกนี้มากินที่ร้านพรรค์นี้ทำไมกัน ไม่คิดบ้างรึว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับพวกมัน”

“หลีกไปเสีย ข้าจะเข้า” เจ้ารู่เก๋อเอาพัดกระดาษแตะหนึ่งในชายอ้วนเพื่อเปิดทาง ชายอ้วนผู้นั้นตัวสั่น ก่อนเปิดทางให้เขาทันที

ชายหนุ่มร่างโปร่งบีบตัวเข้าไปในร้านผ่านช่องนั้น แล้วเจอปู้ฟางที่เพิ่งเดินออกจากครัวพร้อมข้าวผัดไข่พอดิบพอดี

กลิ่นหอมหวนเข้มข้นนุ่มนวลเหมือนแพรไหมพลันเข้าโอบล้อมร่างของเจ้ารู่เก๋อเอาไว้

“เถ้าแก่ รีบนำอาหารออกมาเสียที! พวกข้ารอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!” เจ้าอ้วนจินตะโกนอย่างหมดความอดทน เนื้อหนังบนใบหน้ากระเพื่อมอย่างรุนแรงตามแรงสั่นสะเทือนของเสียง

“นี่ข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงที่สั่ง กินให้อร่อย” ปู้ฟางวางชามลงแล้วพูดเสียงเรียบ ก่อนหันหลังกลับเข้าครัวไป

เจ้ารู่เก๋อสะดุ้งตื่นจากมนต์สะกด ชายหนุ่มประหลาดใจกับความสามารถในการทำอาหารของปู้ฟางเป็นอันมาก “ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเยียนอวี่จึงถูกหมอนี่ล่อเข้ามาได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ช้าก่อน ทำข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงให้ข้าก่อน” เจ้ารู่เก๋อเรียกร้อง

“เฮ้ย! ไอ้ถั่วงอก! มาก่อนได้ก่อนไม่รู้จักหรือ” หนึ่งในชายอ้วนเห็นเจ้ารู่เก๋อพยายามเดินทางลัด จึงหงุดหงิดและตะโกนออกมาทันที

เจ้ารู่เก๋อปรายตามองชายอ้วนด้วยสายตารังเกียจ ก่อนหัวเราะเสียงเย็น “เหตุใดข้าต้องรอทีหลังเจ้าด้วย เจ้าเป็นใครมาจากไหนกล้ามาโอหังกับข้า”

“พับผ่าสิ! ยัวะเป็นบ้า!” ชายอ้วนพลันบันดาลโทสะ “ข้าคือเจ้าของจัตุรัสวิจิตรทัศน์ แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร ไอ้เด็กเปรต”

“ข้าคือเจ้ารู่เก๋อ” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ

เจ้ารู่เก๋อ บุตรชายของเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั้นเป็นชายที่สูงศักดิ์เป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่เขาประกาศชื่อของตนเองออกไป ชายอ้วนก็เงียบปากลง ดวงตาเบิกกว้างจับจ้องที่ชายหนุ่มร่างโปร่ง

จากนั้นเขาก็หรี่ตามองเจ้ารู่เก๋ออย่างขมขื่น สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเล

“ก็ได้… บิดาเจ้ามากความสามารถกว่าข้านัก ข้าจะไม่แข่งกับเจ้าก็แล้วกัน”

…………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD