ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 16

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 16 ปีนี้วัฒนธรรมการวิ่งแก้ผ้ารอบเมืองกำลังมา
ตอนที่ 16 ปีนี้วัฒนธรรมการวิ่งแก้ผ้าร…

ความจริงแล้วเจ้ารู่เก๋อเป็นคนไม่ค่อยโอ้อวด เขาไม่เคยเที่ยวป่าวประกาศบอกใครต่อใครว่าตนเองเป็นบุตรชายของเสนาบดีฝ่ายซ้าย เนื่องจากไม่ต้องการเติบใหญ่ภายใต้ร่มเงาความสำเร็จของบิดา

หรือจะพูดให้ถูกคือ เจ้ารู่เก๋อนั้นไม่ได้เป็นพวกเสเพลเหมือนซุนฉีเซี่ยง เขาเป็นคนยึดมั่นถือมั่นในอุดมการณ์ตน ชายหนุ่มคาดหวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อมีคนพูดชื่อของเขา คนเหล่านั้นจะนึกถึงตัวตนที่เขาเป็นจริงๆ ไม่ใช่ในฐานะที่เขาเป็นบุตรชายของเสนาบดีฝ่ายซ้าย

ทั้งหมดคือเหตุผลที่ทำให้เจ้ารู่เก๋อร่ำเรียนศาสตร์การป้องกันตัวตั้งแต่อายุห้าขวบ เรียนวิเคราะห์บทกลอนและวรรณกรรมตอนอายุเก้าขวบ และคุ้นชินกับปรัชญาแห่งร้อยปราชญ์ หลากสำนักตอนอายุสิบห้า เจ้ารู่เก๋อใฝ่ฝันอยากเป็นกุนซือมือหนึ่งด้านยุทธวิธี จึงต้องศึกษาหาความรู้ในทุกๆ ด้านให้เพียงพอ

แม้ในช่วงหลายปีมานี้ชายหนุ่มจะยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ความพยายามของเขาก็จัดว่าไม่ได้สูญเปล่า เพราะอย่างน้อยชื่อของเขาก็ทำให้หลายคนในนครหลวงหวาดกลัวได้

เจ้าอ้วนจินเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เกรงกลัวเขา ด้วยความที่ตัวเจ้าอ้วนจินเป็นเจ้าของเหมืองผลึก จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำงานร่วมกับคนของทางการมากมาย ตัวเขาจึงรู้เรื่องต่างๆ มากกว่าคนอื่น เช่น เขารู้ความจริงที่ว่าเจ้ารู่เก๋อเป็นคนวางแผนฆ่าผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการของสำนักหนึ่ง

เจ้าอ้วนจินรู้ดีว่าเจ้ารู่เก๋อเป็นคนมุทะลุ ระแวดระวัง ยึดมั่นถือมั่น และทะเยอะทะยานเป็นอันมาก

“ถ้านายน้อยเจ้าอยากสั่งก่อนก็ให้เขาสั่งไป” เจ้าอ้วนจินเงยหน้าขึ้นพูด ปากยังคงกินต่อไป เขาไม่อยากเห็นสหายของตนมีเรื่องกับคนเหลี่ยมจัดอย่างเจ้ารู่เก๋อ มิเช่นนั้นวันหนึ่งอาจตายโดยไม่รู้ตัวได้

ชายอ้วนคนอื่นๆ ทำได้เพียงถอยหลังออกมาด้วยสีหน้าขมขื่นเท่านั้น

เจ้ารู่เก๋อพอใจเป็นอันมากกับปฏิกิริยาที่ได้รับ เขาปรายตามองกลุ่มเศรษฐีใหม่อย่างเหยียดหยัน ก่อนยิ้มเยาะด้วยสีหน้ายโส

ปู้ฟางจับตามองเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ไม่สนใจที่จะพูดด้วย

ในที่สุดเจ้ารู่เก๋อก็หันกลับมามองปู้ฟางอีกครั้ง แล้วพูดสั่งอย่างเอาแต่ใจตน “เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ไปทำอาหารให้ข้าอีก มัวรออะไรอยู่เล่า”

สีหน้าของพ่อครัวหนุ่มเรียบเฉย ขณะเอ่ยปากตอบอย่างไร้ความรู้สึก “ร้านของเรามีกฎอยู่ ห้ามซื้อกลับบ้าน ลูกค้าแต่ละคนสั่งได้รายการละหนึ่งจานต่อวัน ห้ามเข้ามาก่อความไม่สงบภายในร้าน ห้ามแซงผู้อื่น ร้านเปิดเพียงชั่วยามครึ่งเท่านั้น”

“นี่เจ้ากำลังเน้นว่าห้ามลัดคิวผู้อื่นเช่นนั้นรึ” เจ้ารู่เก๋อหัวเราะคิก ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก มันก็แค่กฎของร้านเล็กๆ ในตรอกห่างไกลเท่านั้น แถมกฎก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งแปลว่าละเมิดได้เสมอ

ปู้ฟางมุ่นคิ้วแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเอาจริง “ไม่ใช่ ข้าจะเน้นว่าห้ามเข้ามาก่อความไม่สงบภายในร้านและห้ามแซงผู้อื่น นอกจากนี้… ร้านเปิดเพียงชั่วยามครึ่งเท่านั้น ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ก้านธูปเดียว”

“ในเมื่อข้าสั่งให้เจ้าทำอาหารให้ข้ากิน ก็รีบไสหัวเข้าครัวไปทำเสีย! เป็นแค่พ่อครัวต่ำต้อย ริอ่านมาตั้งกฎโง่เง่าไร้สาระ! แค่คนอย่างข้ามากินที่ร้านเจ้าก็เป็นบุญหัวมากแล้ว อย่ามาเสนอหน้าทำเป็นยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา” เจ้ารู่เก๋อเริ่มเหนื่อยจะเสวนากับปู้ฟาง จึงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าเย็นชาโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นถีบชายอ้วนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เพื่อแย่งที่นั่งมาเสีย

ดูเหมือนจะมีคนโง่มาทำให้ชายที่จะเป็นพ่อครัวเทพในอนาคตโกรธอีกแล้ว

ปู้ฟางยังคงมีสีหน้าเฉยเมย “ผู้ที่ทำผิดกฎจะถูกคาดโทษ และร้านของข้าก็จะไม่รับคนที่ประพฤติตนเช่นนี้อีก ดังนั้นกรุณารอตามลำดับก่อนหลังด้วย”

หลังจากพูดสิ่งที่ต้องการจบ ปู้ฟางก็เดินเข้าครัวไปโดยไม่สนใจเจ้ารู่เก๋อที่กำลังโมโหโทโสตบโต๊ะป้าบๆ แม้แต่น้อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็นำข้าวผัดไข่ออกมาให้ลูกค้า เขาเดินถือชามออกมาวางลงตรงหน้าชายอ้วนคนหนึ่ง เมินเจ้ารู่เก๋อที่กำลังโกรธเกรี้ยวโดยสิ้นเชิง

ข้าวผัดไข่ถูกนำออกมาวางอีกชาม แต่เจ้ารู่เก๋อก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

หลังจากที่ปู้ฟางทำข้าวผัดไข่เสร็จทั้งหมดเจ็ดชาม กลิ่นหอมหวนก็ตลบอบอวลไปทั่ว ราวกับร้านทั้งร้านได้กลายเป็นทะเลที่มีกลิ่นหอมชวนฝัน เจ้ารู่เก๋อที่กำลังถูกโอบล้อมด้วยทะเลแห่งกลิ่นอาหาร รู้สึกเหมือนโดนยืดเวลาความทรมานออกไป ท้องของเขาร้องโครกครากไม่หยุด

“เจ้าทำบ้าอะไรอยู่! ข้าวผัดไข่ข้าอยู่ไหน เหตุใดจึงยังไม่ได้อีก!” เจ้ารู่เก๋อที่รอมาสักพักเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป

ปู้ฟางปรายตามองอีกฝ่าย “ยังเหลือบะหมี่แห้งคลุกอีกสามชามและผัดผักอีกสามจาน ก่อนจะถึงตาข้าวผัดไข่ของเจ้า”

เจ้ารู่เก๋อสูดหายใจเข้าลึก ความโกรธที่สะสมอยู่ในอกเริ่มล้นออกมา ผมของชายหนุ่มปลิวไสวไปในอากาศ แสงเจิดจ้าเริ่มไหลวนอยู่ในผิวกาย

“คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเสียที เหตุใดพ่อครัวต่ำต้อยอย่างเจ้าถึงอาจหาญมาท้าทายคนอย่างข้าได้” รูม่านตาของเจ้ารู่เก๋อเริ่มเป็นประกายระยับ ไอพลังน่ากลัวแผ่ออกจากกาย

พลังปราณของเจ้ารู่เก๋ออยู่ที่ระดับสามขั้นคลั่งยุทธการ เขาถือได้ว่าเป็นหัวกะทิในหมู่ผู้ฝึกตนรุ่นใหม่แห่งนครหลวง แม้ว่าจะเทียบอะไรไม่ได้กับปีศาจอย่างเซียวเยียนอวี่จากจวนแม่ทัพเซียว รวมถึงบุตรแห่ง ‘ขุนศึกพิทักษ์จักรวรรดิ’ หยางเฉิน แต่ตัวเขาเองก็จัดว่าเหนือชั้นกว่าอันธพาลอย่างซุนฉีเซี่ยงมากนัก

“เจ้าจะอาละวาดในร้านข้าหรือ”

ปู้ฟางไม่กลัวแม้แต่น้อย ถึงไอพลังที่ร่างกายเจ้ารู่เก๋อปล่อยออกมาจะทรงอำนาจมาก แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” เจ้ารู่เก๋อเย้ย ก่อนยกมือขึ้นเรียกไอพลังปราณเที่ยงแท้ให้ก่อตัวบนฝ่ามือ

“ก่อนที่เจ้าจะมาเหยียบร้านข้า มีชายกว่าร้อยคนเข้ามาหวังทำลายร้านข้าให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่ก็ต้องเผ่นกลับบ้านไปเนื้อตัวล่อนจ้อน เจ้าเองก็อยากล่อนจ้อนกลับบ้านไปอีกคนสินะ” ปู้ฟางพูดหน้าตาย

เจ้ารู่เก๋อลังเลเล็กน้อย แต่ก็พลันยิ้มเหยียดหยัน “อย่าเอาข้าไปเทียบกับพวกขยะเปียกเหล่านั้น หากเจ้าอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากข้าตอนนี้ แล้วเดินเข้าครัวไปทำข้าวผัดไข่เสีย ข้าก็ยังพอจะยกโทษให้ได้ แต่ถ้าไม่แล้วละก็… ลืมไปได้เลยว่าจะยังเสนอหน้าขายอาหารได้อยู่อีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD