ไขมันทั่วตัวของอาลู่กระเพื่อมไปมารุนแรงเมื่อเขากวัดแกว่งมีดทำครัวขนาดใหญ่ในมืออย่างรวดเร็ว ดวงตาเล็กหยีมีแววจริงจังขณะหั่นชิ้นเนื้อออกจากเนื้อย่างขนาดใหญ่ยักษ์
เนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกหั่นออกมาจากเนื้อย่างขนาดยักษ์ แต่ละชิ้นร่วงลงมาบนจานสีขาวที่วางเรียงรายบนโต๊ะ จานหนึ่งจานมีชิ้นเนื้อย่างวางอยู่หนึ่งชิ้น เมื่อครบห้าจาน อาลู่ก็วางมีดลงแล้วหยิบกระบวยขึ้นตักน้ำซอสราดบนเนื้อย่างเหล่านั้น
กลิ่นหอมเข้มข้นของเนื้อรวมถึงกลิ่นซอสเปรี้ยวหวานพุ่งขึ้นในอากาศแล้วเข้าโอบล้อมประสาทสัมผัสเหล่าคนที่อยู่ในบริเวณนั้นทันที
จากนั้นอาลู่ก็ส่งสัญญาณให้ขันทีรู้ว่าอาหารจานนี้พร้อมกินแล้ว
ดวงตาของจีเฉิงเสวี่ยเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อเห็นเนื้อย่างชุ่มฉ่ำตรงหน้า เนื้อนี้ย่างมาสุกกำลังดี สีสันและลวดลายไขมันก็ดูโดดเด่นแปลกตา เพียงแค่ปรายตามองจักรพรรดิหนุ่มก็รู้ได้ว่ามันไม่ใช่เนื้อของอสูรเวทธรรมดา
“นี่เป็นเนื้อของหมูป่าดอกท้อลาย อสูรเวทระดับสามสินะ” จีเฉิงเสวี่ยพึมพำกับตนเองเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้
ชายหนุ่มรับมีดทองคำที่ขันทียื่นมาให้อย่างนอบน้อม เขาใช้ตะเกียบกดเนื้อไว้จากนั้นก็หั่นเนื้อชิ้นเล็กๆ ออกมาชิ้นหนึ่งด้วยมีดทองคำ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะใช้มีดคมๆ หั่นเนื้อที่สุกเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่เนื้อย่างถูกหั่น ไอร้อนและกลิ่นหอมเข้มข้นก็พวยพุ่งออกมาจากรอยหั่น กลิ่นนั้นละมุนละไมราวกับเป็นน้ำนมก็ไม่ปาน
จีเฉิงเสวี่ยใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อมาจิ้มน้ำซอสแล้วเอาเข้าปาก
ขณะที่เคี้ยวเนื้อย่างในปาก สีหน้าของจักรพรรดิหนุ่มก็เหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ชายหนุ่มดูเหมือนกำลังดื่มด่ำกับรสชาติอันแสนวิเศษของเนื้อที่ระเบิดออกมาในปาก ร่างทั้งร่างราวกับกำลังถูกชำระล้างด้วยม่านหมอกของกลิ่นหอม
จักรพรรดิหนุ่มดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้จนแทบไม่อยากลืมตา
ผ่านไปพักใหญ่ จีเฉิงเสวี่ยก็ค่อยๆ เปิดตาขึ้นช้าๆ แล้วเอ่ยชมออกมาเสียงดังด้วยความปรีดา
จากนั้นเขาก็หั่นเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆ อีกรอบแล้วกินอย่างต่อเนื่อง ความหวานอมเปรี้ยวของน้ำซอสทำให้ชายหนุ่มหยุดกินไม่ได้
เมื่ออาลู่ได้เห็นสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของจักรพรรดิหนุ่ม เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา ไขมันบนใบหน้ากระเพื่อมอย่างรุนแรง ชายอ้วนเกือบฉลองให้ตนเองด้วยการดึงน่องไก่จากผ้ากันเปื้อนออกมาฉีกกินแล้ว แต่ก็หยุดมือไปหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเคยโดนอาจารย์ตำหนิมาแล้วครั้งหนึ่งเรื่องกินน่องไก่ระหว่างทำอาหาร
เนื้อย่างจานแล้วจานเล่าถูกนำไปวางตรงหน้าผู้เข้าร่วมงาน คนเหล่านั้นล้วนดื่มด่ำกับกลิ่นหอมและรสชาติที่เลิศล้ำของมันด้วยกันทั้งสิ้น
ทันใดนั้นอาลู่ก็ทำจมูกฟุดฟิด ไขมันบนใบหน้าเริ่มกระเพื่อมอีกครั้ง เขาหันไปมองยังทิศที่พี่ชายของตนทำอาหารอยู่ กลิ่นหอมยวนยั่วที่ราวกับมีมนต์วิเศษเป็นส่วนประกอบลอยมาจากตรงนั้นนั่นเอง
“หอมอะไรเช่นนี้! ข้าละอยากกินบ้างจัง! ทักษะการทำอาหารของพี่ใหญ่พัฒนาไปอีกขั้นแล้วสินะ!” อาลู่แทบน้ำลายไหลขณะสูดดมกลิ่นหอมที่อยู่ในอากาศ
ทักษะการทำอาหารของอาเหวยนั้นยอดเยี่ยมอย่างไม่มีข้อกังขา อาลู่มั่นอกมั่นใจในตัวพี่ชายของตนอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่ออาเหวยถูกเถ้าแก่ปู้กระตุ้นมา
อึ๊ก! ขณะสูดดมกลิ่นหอม สีหน้าของอาลู่ก็เริ่มอดรนทนไม่ไหวมากขึ้น “ในเมื่อกินเนื้อย่างนั่นไม่ได้… เช่นนั้นข้าขอกินน่องไก่แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน!”
ขณะเดียวกัน ปู้ฟางที่กำลังห่อเกี๊ยวอย่างไร้อารมณ์ก็พลันสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นหอมหวนที่ลอยอยู่ในอากาศ เขาทำจมูกฟุดฟิดพลางเลิกคิ้ว
“มีคนใช้สมุนไพรพลังปราณรมควันเนื้อด้วยแฮะ…” ปู้ฟางพึมพำกับตนเองขณะที่ความเร็วในการห่อเกี๊ยวเริ่มลดลงอย่างไม่รู้ตัว สมุนไพรพลังปราณย่อมมีพลังปราณอยู่สมชื่อ ดังนั้นมันจึงสามารถชูรสชาติและรูปลักษณ์ของวัตถุดิบให้โดดเด่นขึ้นได้
แม้การปรุงสมุนไพรพลังปราณตรงๆ จะเป็นวิธีที่เสียเปล่า แต่การใช้มันรมควันเนื้อก็นับเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
สีหน้าของปู้ฟางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายอมรับในใจว่ากลิ่นของเนื้อย่างที่ลอยเข้าจมูกนี้หอมหวนชวนกินอย่างมาก กลิ่นหอมของเนื้อผสานกับกลิ่นยาของสมุนไพรนั้นออกมาดีงามอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อกลิ่นดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ สีหน้าของแต่ละคนที่สูดกลิ่นเข้าไปก็พลันเปลี่ยนไป พวกเขาต่างหันไปทางต้นตอของกลิ่นด้วยสีหน้าที่มึนเมาและลุ่มหลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนกลืนน้ำลายลงคอไม่หยุดขณะที่กระเพาะก็ส่งเสียงโครกครากไม่ขาดสายเช่นกัน
จีเฉิงเสวี่ยกินเนื้อย่างของอาลู่เสร็จแล้ว และกำลังงุนงงเมื่อกลิ่นหอมจนเกินบรรยายดึงดูดความสนใจของเขา จักรพรรดิหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปยังทิศที่อาเหวยอยู่ มือข้างหนึ่งของอาเหวยถือไม้เสียบอสูรเวทย่างไฟที่วาววับไปด้วยไขมันเอาไว้ห้าไม้ อสูรเวทเหล่านี้ดูน่ากินเป็นอย่างมากเมื่อเอามาปรุงเป็นอาหารเรียบร้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD