ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 167

นายน้อยแห่งตำหนักเมฆาขาว อู๋อวิ๋นไป่ ทอแสงเจิดจรัสให้ฐานะผู้ฝึกตนมากพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยเหตุนี้นางจึงเป็นที่ประคบประหงมโปรดปรานของเจ้าสำนักตำหนักเมฆาขาวเป็นอันมาก ขั้นปราณของนางในตอนนี้อยู่ที่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ และกำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการในเวลาไม่ช้า

นางได้รับยกย่องว่าเป็นศิษย์พรสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งผู้ฝึกตนรุ่นต่อไป หากไม่ใช่เพราะนางเป็นสตรี ก็อาจได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไปของตำหนักเมฆาขาวก็เป็นได้

ตำหนักเมฆาขาวเป็นกลุ่มอำนาจที่ทรงพลังล้นเหลือภายในอาณาเขตหนองน้ำปราณมายา ตำหนักนี้ทรงพลังยิ่งกว่าสำนักน้อยใหญ่ทั้งหลายรวมกันเสียอีก ในบรรดาสำนักทั้งหมดในทวีปมังกรซ่อนเร้น อาจมีเพียงสำนักความลับแห่งสวรรค์สำนักเดียวเท่านั้นที่เทียบชั้นกับตำหนักเมฆาขาวได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักของตำหนักนี้ยังเป็นผู้ที่มีขั้นปราณสูงส่งยากหาผู้ใดเปรียบ

สีหน้าของอู๋อวิ๋นไป่เคร่งขรึมจริงจังมาก วงแหวนปราณในสวนสมุนไพรแห่งนี้ถูกปลุกขึ้นมาทั้งหมด สวนสมุนไพรเล็กๆ แต่ละสวนถูกวงแหวนปราณประจำสวนครอบเอาไว้หมดสิ้น เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะขโมยสมุนไพรไปได้โดยไม่ทำให้มนุษย์อสรพิษรู้ตัว

นอกจากนี้ อาหนี่ หยูฟู่ และผู้ฝึกตนอื่นๆ จากเผ่ามนุษย์อสรพิษก็รู้พิกัดของนางและผู้ติดตามของนางแล้ว แถมกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อีกด้วย

กระแสพลังปราณน่ากลัวระเบิดออกจากร่างของมนุษย์อสรพิษ โดยเฉพาะอาหนี่ที่ปล่อยพลังร้ายกาจออกมาจนเหมือนอสูรคลั่ง ดวงตาของเขากระหายเลือดน่าขนลุก เส้นเลือดปูดโปนออกจากกล้ามเนื้อช่วงบนของลำตัว

เมื่อผู้ติดตามของอู๋อวิ๋นไป่รู้ว่าที่ซ่อนของตนถูกเปิดเผย เขาก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ ขนทั่วร่างลุกซู่ ดวงตาเปิดกว้างเหมือนลูกกระดิ่งทองแดง เขาผลักฝ่ามือไปข้างหน้า เรียกกลุ่มเมฆให้ปรากฏขึ้นรอบกาย ก่อนจะผลักกลุ่มเมฆนั้นเข้าใส่เหล่ามนุษย์อสรพิษ

“ฝ่ามือปัดเป่าเมฆา!”

ดวงตาของอาหนี่เปลี่ยนเป็นเย็นชา ริมฝีปากคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นฟันคมกริบ แววกระหายเลือดในดวงตาทอแสงชัดขึ้นอีก

“ว่าแล้ว พวกเจ้าทั้งสองมาจากตำหนักเมฆาขาวนี่เอง มาเพื่อขโมยดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งรึ ข้าไม่ยอมให้ทำสำเร็จหรอก!” อาหนี่ยิ้มเยาะพร้อมประสานมือเข้าหากันเพื่อรวบรวมพลังปราณในฝ่ามือ จากนั้นเขาก็แยกมือทั้งสองข้างออก ปรากฏเป็นหอกสีดำสนิทระหว่างสองฝ่ามือนั้น

ในตอนนั้นเองอู๋อวิ๋นไป่ก็เรียกสติตนเองกลับมาได้ ใบหน้าของนางสงบนิ่งเหมือนน้ำไหลลึก นางมองมนุษย์อสรพิษตรงหน้าแล้วมุ่นคิ้ว “อย่าฆ่าหมอนี่นะ แค่ทำให้ขยับตัวไม่ได้ก็พอ เรามาเพื่อชิงสมุนไพรพลังปราณเท่านั้น”

ผู้ติดตามของนางที่มีสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิมอยู่มากโขคลี่ยิ้มออกมาแล้วตอบกลับ “ไม่ต้องเป็นห่วง แม่นาง ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”

อู๋อวิ๋นไป่หันไปมองอีกฝ่ายตาเขียวทันที “เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ เรียกว่านายน้อยอู๋หรือไม่ก็นายน้อยสิ!”

ผู้ติดตามกระแอมกะไอด้วยความเก้อเขิน จากนั้นก็หันไปเผชิญหน้ากับมนุษย์อสรพิษพร้อมรอยยิ้มกริ่ม พลังปราณที่ระเบิดออกจากร่างเขาเพิ่มสูงขึ้น กลายเป็นขุนเขาที่กดทับลงมาใส่มนุษย์อสรพิษตรงหน้า ทำให้สีหน้าของผู้ถูกโจมตีเปลี่ยนไปทันที

“ขั้นนักพรตยุทธการรึ! แย่แล้ว!” สีหน้าของอาหนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นพวกระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ ผู้ที่มีปราณขั้นนี้ถือเป็นผู้สูงศักดิ์แม้ในตำหนักเมฆาขาว แล้วคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามของหนุ่มหน้าสวยนี่ได้อย่างไร หรือว่า… ไอ้หนุ่มนี่จะไม่ใช่คนธรรมดากันนะ

อาหนี่ไม่ได้โง่ไม่รู้ประสา เมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ของตนเป็นขั้นนักพรตยุทธการ ความคิดมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาทันที จนในที่สุดก็พอจะเดาตัวตนที่แท้จริงของอู๋อวิ๋นไป่ได้

แต่สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ทำให้เขาไม่มีเวลาคิดต่อ ลำพังแค่จัดการกับผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการก็ถือว่าเกินขีดความสามารถของเขาแล้ว แม้ระดับหกและเจ็ดจะต่างกันเพียงหนึ่งระดับในเชิงตัวเลข แต่ความแตกต่างด้านพลังปราณของทั้งสองระดับนั้นเรียกได้ว่าห่างกันลิบลับ

แต่อาหนี่ก็ไม่ได้กังวลใจถึงเพียงนั้น แม้คู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นขั้นนักพรตยุทธการ แต่ผู้อาวุโสที่ดูแลสวนสมุนไพรแห่งนี้ก็เป็นขั้นนักพรตยุทธการเช่นเดียวกัน

และระหว่างที่อาหนี่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้น พลังปราณของผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา

ปู้ฟางคลี่ยิ้มขณะมองสมุนไพรที่ถูกปกป้องเอาไว้ในวงล้อมของวงแหวนปราณ เหมือนที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ไม่มีใครจะย่ามใจขนาดปล่อยสมุนไพรที่ตนเองเพียรปลูกไว้โล่งโจ้งเช่นนี้โดยไม่ป้องกันแน่ ดูจากหน้าตาที่ซับซ้อนของวงแหวนปราณแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

ปู้ฟางยื่นนิ้วออกไปแตะวงแหวนปราณ จากนั้นก็ต้องหรี่ตาเนื่องจากรู้สึกได้ถึงความชาที่พุ่งผ่านร่างกาย

เขาลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ สังเกตเห็นว่าวงแหวนปราณของสวนสมุนไพรอื่นก็ทำงานเช่นกัน แล้วเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองอาจทำเรื่องไม่คาดคิดเข้าให้แล้ว

“หืม พลังของขั้นนักพรตยุทธการรึ” ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงกระแสพลังปราณอันตรายจากระยะไกล เขาคุ้นเคยกับพลังกดดันที่แฝงอยู่ในกระแสพลังนี้เป็นอย่างดี

เนื่องจากตัวเขาเองเคยเจอผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการมาก่อน ทั้งเซียวเหมิงและเจ้ามู่เฉิง เขาจึงคุ้ยเคยกับความรู้สึกกดดันนี้เป็นอย่างดี แต่ปู้ฟางชายหนุ่มก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เห็นการเผชิญหน้ากันของขั้นนักพรตยุทธการในสวนสมุนไพรเช่นนี้

“มีขั้นนักพรตยุทธการหลายคนอยู่ในสถานที่ไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ด้วยหรือ” ปู้ฟางคิดด้วยความขบขัน

ปู้ฟางมองสมุนไพรที่อยู่ด้านหลังวงแหวนปราณอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจเดินหน้าต่อไป การที่ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการสองคนมาปะทะกันเช่นนี้ แปลว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ในสวนสมุนไพรอ้างว้างแห่งนี้ เหตุเดียวที่ทำให้สองผู้แข็งแกร่งมาต่อสู้กันคงหนีไม่พ้นเรื่องสมุนไพรพลังปราณระดับสูง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD