เมื่อต้องเผชิญกับบรรดาชายร่างหนาที่มีพลังปราณแก่กล้า กลุ่มของเจ้าอ้วนจินก็ตัวหดเล็กกระจ้อยร่อย เหมือนสาวน้อยที่ถูกผลักเซถลาให้ไปยืนอัดกันอยู่ด้านหลังไม่มีผิด ด้วยความที่พวกเขาขั้นปราณต่ำกว่าจึงไม่กล้าเสี่ยง แปลว่าเหล่ากองทัพชายอ้วนทำได้เพียงยืนขมขื่นทรมานใจเงียบๆ เท่านั้น
ปู้ฟางถึงกับผงะเมื่อเห็นคนกลุ่มนี้… มาทำอะไรกันตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ หรือว่ามาเพราะสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งกันนะ แม้เขาจะจำได้รางๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองประกาศออกไปว่าใครมาก่อนได้ก่อน แต่ฝูงชนขี้เมาเหล่านี้ก็แห่กันมาเช้าเกินไปแล้ว
“เถ้าแก่ปู้ อรุณสวัสดิ์! พวกข้าซื้อเหล้าเลยได้หรือไม่”
โอวหยางเจินเกาศีรษะ ดวงตาเป็นประกายขณะมองไปที่ปู้ฟาง เมื่อคืนตอนที่เหล่าขั้นนักพรตยุทธการมารวมตัวกันอยู่หน้าร้าน สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางไม่กล้ายุ่มย่ามด้วย พวกเขาเลือกมาที่ร้านแต่เช้าแทนเพื่อซื้อสุราดื่มแล้วจากไปเงียบๆ ก่อนที่บรรดาขั้นนักพรตยุทธการจะรู้สึกตัว
“เฮ้ย… พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาขอซื้อก่อน” บรรดาสิบสามกองโจรหันมองสามหนุ่มตัวหนาอย่างพร้อมเพรียงกัน พลังปราณของผู้นำกองโจรเหล่านี้อยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับหกขั้นราชันยุทธการ จึงไม่ใช่คนที่สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางจะต่อกรด้วยได้ แค่ท่าทีข่มขู่คุกคามก็ทำให้ทั้งสามไม่กล้าหืออือแล้ว
ช่างน่าหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้! แต่ทั้งสามก็ทำได้เพียงกลืนคำปรามาสขมขู่ลงคอไปเงียบๆ เนื่องจากมีขั้นปราณต่ำกว่าคนเหล่านั้น จึงกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้
“เถ้าแก่ปู้ ข้ามีนามว่าหูอี้เฟิงแห่งเมืองโม่จั่ว เมื่อคืนข้าได้กลิ่นสุราหอมหวนที่เถ้าแก่ปู้เป็นผู้สรรสร้าง ทำเอาข้าถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว วันนี้ข้ามาพร้อมบรรดาพี่น้องแต่เช้าตรู่เพื่อขอซื้อสุรานั้น หวังว่าเถ้าแก่ปู้จะมีเมตตา” หูอี้เฟิงผู้อาวุโสแห่งสิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วเอ่ยพร้อมยิ้มให้ปู้ฟาง
ผู้อาวุโสหูอี้เฟิงคือคนเดียวในกลุ่มสิบสามกองโจรที่เป็นสุภาพบุรุษผู้มีความคิดความอ่านและมีมารยาทยิ่ง ส่วนอีกสิบสองคนที่เหลือเป็นชายร่างกำยำกิริยากักขฬะ ทำให้ภาพที่เห็นยิ่งดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
ปู้ฟางเหลือบตามองอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าร้านพร้อมป่าวประกาศไปด้วย “ตั้งแถวก็แล้วกัน เรียงกันเข้ามาซื้อตามลำดับคนที่มาก่อนหลัง”
ตั้งแถวเช่นนั้นรึ เหล่าสิบสามกองโจรตกใจเป็นอันมาก การจะซื้อของนี่ต้องตั้งแถวด้วยหรือ
พวกเขาเป็นโจรมืออาชีพ แน่นอนว่าต้องคุ้นชินกับการไปปล้นและแย่งชิงมาด้วยกำลัง การตั้งแถวเข้าไปซื้อของนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยชินแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เหล่าสิบสามกองโจรจึงยืนทำหน้างงในดงลูกค้าเมื่อปู้ฟางประกาศให้ทุกคนยืนเรียงแถวกัน
“ตั้งแถวให้เร็วที่สุดเรียงตามลำดับอาวุโสของพี่น้องเรา” หูอี้เฟิงมุ่นคิ้วแล้วเอ่ยสั่ง เขาไปยืนที่หน้าร้านอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ก้าวเข้าร้านไปเป็นคนแรก
เบื้องหลังเป็นผู้นำกองโจรลำดับสองและสาม… เรียงกันไปจนครบสิบสามคน
ปู้ฟางเดินเข้าร้านไป ประจวบเหมาะกับที่ระบบประกาศขึ้นในศีรษะของเขาพอดี
“ประเมินราคาสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งเสร็จเรียบร้อย ราคาขาย ห้าร้อยผลึกต่อหนึ่งจอก”
ขาของปู้ฟางชะงักค้าง จากนั้นชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจ จอกละห้าร้อยผลึก… เทพไท้จงเป็นพยาน! แพงจนอยากกรีดเลือดออกมาบูชายัญ!
“แต่ข้าชอบแฮะ…” ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินปราดๆ เข้าครัวไป
หูอี้เฟิงก้าวเข้าร้านตามมา พลันรู้สึกได้ถึงพลังงานประหลาดที่ไหลเข้ามาปะทะร่าง กระแสพลังงานนี้ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกาย
กระแสพลังปราณจากต้นตื่นรู้ทางห้าสายที่ช่วยในการบรรลุขั้นปราณได้… จัดว่าเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง!
ดวงตาของหูอี้เฟิงหันไปมองต้นกล้าในกระถางดินเผาสีเหลืองที่วางอยู่ตรงมุมร้าน
ต้นกล้านั้นเติบใหญ่ขึ้นมากจนสูงเกือบเท่ามนุษย์ทั่วไปแล้ว มันแตกกิ่งก้านสาขาพร้อมด้วยใบสีเขียวที่โบกสะบัดน้อยๆ พลางปล่อยพลังปราณเข้มข้นออกมาผสานกับกระแสตื่นรู้อันเป็นเอกลักษณ์
“ต้นตื่นรู้ทางห้าสายนี้สมชื่อเสียจริง หากข้าได้ครอบครองต้นไม้นี้แล้วฝึกปราณเป็นประจำทุกวัน คงบรรลุเป็นขั้นนักพรตยุทธการได้ในเร็ววัน!” ความละโมบวาบผ่านแววตาของหูอี้เฟิง ในตอนนั้นสัญชาตญาณความเป็นโจรของเขาพุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจ แต่เมื่อนึกถึงความน่ากลัวของหุ่นเชิดจักรกลที่ร้านปู้ฟางเมื่อคืนแล้ว… หูอี้เฟิงก็ตัดสินใจไม่เสี่ยงดีกว่า
หุ่นยนต์ตัวนั้นเอาชนะได้แม้กระทั่งขั้นนักพรตยุทธการ ตัวเขาที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหกขั้นสูงสุดย่อมต่อกรกับมันไม่ได้แน่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาตนเองไปอยู่ในสถานการณ์น่าอายและถูกแก้ผ้าวิ่งล่อนจ้อนทั่วเมือง
ปู้ฟางเดินออกจากห้องครัวมาพร้อมเหยือกหยกสีขาวในอ้อมแขนและใบหน้าไร้อารมณ์คงเส้นคงวา
เขาวางจอกกระเบื้องสีฟ้าขาวลง จากนั้นก็หยิบกระบวนไม้ไผ่ขึ้นมา แล้ววางเหยือกหยกสีขาวไว้บนโต๊ะ ชายหนุ่มตบเหยือกเบาๆ เพื่อดึงความสนใจของหูอี้เฟิงออกจากต้นตื่นรู้ทางห้าสาย
“นี่คือสุราที่เจ้าอยากซื้อ ชื่อของมันคือสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง” ชายหนุ่มพูดเสียงสงบนิ่ง
พอประกาศจบ ปู้ฟางก็เปิดเหยือกสุราออก กลิ่นหอมชวนเมามายไม่ได้สติพลันพุ่งออกมา กลิ่นของสุรานั้นหนาแน่น มันไหลเข้าท่วมทั้งตรอกทันทีแล้วดูเหมือนจะกระจายไปไกลเรื่อยๆ ด้วย
เพียงแค่ดมกลิ่นสุราก็ทำให้สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางน้ำลายสอแล้ว กลิ่นของสุราชนิดใหม่นี้ช่างน่าหลงไหลเสียเหลือเกิน
ดวงตาของหูอี้เฟิงเป็นประกาย เขาจ้องเหยือกหยกสีขาวด้วยแววตากระหายโหยหา คนที่ทำอาชีพเดียวกับเขาล้วนเป็นพวกที่ชื่นชอบในการดื่มสุราอยู่แล้ว เนื่องจากสุราทำให้กล้าได้กล้าเสียมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เหล่าโจรมืออาชีพอย่างพวกเขาจึงต้องพกสุราเอาไว้… ไม่เคยให้ขาดมือ
“สุราชั้นเลิศ! ชั้นเลิศจริงๆ! กลิ่นนี้… บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยทีเดียว!” หูอี้เฟิงชมเปาะไม่ขาดปาก ใบหน้าสั่นระริก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD