หูอี้เฟิงใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหยิบจอกกระเบื้องสีฟ้าขาวจอกกระจิ๋วขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวจะทำสุราในจอกกระฉอกแม้แค่หยดเดียว ทุกหยดของสุราจอกนี้คือผลึกที่หามาได้อย่างยากลำบาก!
หัวใจของหูอี้เฟิงเหมือนโดนกรีดจนเลือดไหล แต่เขาก็หยุดน้ำลายไหลไม่ได้ เขาดมกลิ่นสุราหอมเข้มแล้วก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
น้ำสุราสีฟ้าอมเขียวนอนนิ่งอยู่ในจอกกระเบื้องสีฟ้าขาวที่ดูบอบบาง น้ำสุรานั้นดูข้นเล็กน้อย ทั้งยังเรืองแสงรางๆ กลุ่มควันลอยวนอยู่เหนือจอก กลิ่นสุราหอมพุ่งเข้าจู่โจมโพรงจมูกของเขาเหมือนอสรพิษตัวจ้อย ส่งให้รูขุมขนทั่วร่างกายเปิดออก
แค่ได้ดมกลิ่นสุราจอกนี้ก็ทำเอาหูอี้เฟิงเสียวสันหลังวาบด้วยความอยากดื่มสุราแล้ว ดวงตาของเขาดูมึนเมาเล็กน้อย
ผู้นำกองโจรลำดับหนึ่งเม้มปากจิบสุรา น้ำสุราสีฟ้าอมเขียวไหลเข้าปาก ในอึดใจนั้นเองความรู้สึกเหมือนโดนเพลิงแผดเผาก็ทำให้หูอี้เฟิงถึงกับต้องผงะไป เขารู้สึกราวกับลิ้นของตนกำลังอยู่ท่ามกลางกองเพลิง
ความรู้สึกร้อนรุ่มนี้มาแล้วก็จากไป ทันทีที่น้ำสุราไหลลงคอ มันก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง จนทำให้ผู้นำกองโจรลำดับหนึ่งแทบจะแข็งตาย แต่ความเย็นนี้ก็เป็นความรู้สึกที่ดีในตัวของมันเอง ตาของหูอี้เฟิงแทบจะถลนออกจากเบ้า
เมื่อสุราไหลลงท้อง ระเบิดสามลูกก็ตามมาทันที เขาเรอออกมาสามครั้งติดกันอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ละครั้งเต็มไปด้วยกลิ่นสุราเข้มข้น
“เยี่ยม… เยี่ยมยอดมาก!” กิริยาอ่อนโยนมีมารยาทของหูอี้เฟิงเจือไปด้วยความเมามาย สุราชนิดนี้มีฤทธิ์แรงมาก หลังจากระเบิดสามลูกนั้น ฤทธิ์ของมันก็พุ่งเข้าจู่โจมสมองของเขาทำให้แทบหมดสติล้มตึงไปเสียตรงนั้น!
“การผสานกันของเปลวไฟและน้ำแข็ง นี่มันช่างยอดเยี่ยมล้ำลึก! สุรานี้… ยอดเยี่ยมเสียจนเหมือนน้ำอมฤตที่เทพเจ้าดื่มกันในสรวงสวรรค์เลยทีเดียว!” ผู้นำกองโจรลำดับหนึ่งอุทานออกมาด้วยความสุขล้น
เขาเงยหน้าขึ้นกระดกสุราหมดจอกในอึกเดียว ความรู้สึกเหมือนไฟแผดเผากระจายไปทั่วปาก ตามมาด้วยความเย็นเยียบในลำคอ ทำให้เขารู้สึกมีความสุขตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า
ปัง!!
เมื่อกระดกสุราลงท้องหมดจอกไปเรียบร้อย ม่านหมอกที่ลอยอยู่เหนือจอกกระเบื้องสีฟ้าขาวก็หายไปเช่นกัน แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือกระแสพลังปราณอ่อนๆ ซึ่งยังคงเจืออยู่ภายในจอก ใบหน้าของหูอี้เฟิงเป็นสีแดงก่ำ ดวงตาเหมือนจะพ่นลำแสงออกมาได้ เขาพ่นลมออกทางจมูก พลังปราณไหลออกมาตามกระแสลมหายใจ
หูอี้เฟิงรู้สึกมึนเมาและวิงเวียนเป็นอันมาก วิสัยทัศน์เบื้องหน้าพร่าเลือนไปหมด เขาหรี่ตา แต่เสียงของกระแสการตื่นรู้กลับดังกังวานอยู่ในหู เสียงนั้นเปรียบเสมือนสายฟ้าที่ฟาดใส่โสตประสาท ราวกับว่ามันระเบิดออกมาจากศีรษะของเขาอย่างไรอย่างนั้น
ผู้นำกองโจรลำดับสองและสามยืนอยู่ไม่ไกลจากพี่ใหญ่ของตน เมื่อเห็นหูอี้เฟิงโซไปเซมารูม่านตาของพวกเขาก็หดแคบทันที
“พี่ใหญ่!” ผู้นำกองโจรลำดับสองก้าวออกมารับตัวหูอี้เฟิงเอาไว้ได้ทันท่วงที
ผู้นำกองโจรลำดับสองตกใจเป็นอันมากขณะรับตัวพี่ใหญ่ของตนเอาไว้ คนในอ้อมแขนพลันพ่นกลิ่นสุราเข้มข้นใส่ใบหน้าของเขา… นี่พี่ใหญ่เมาเช่นนั้นหรือ
มันเรื่องบ้าอะไรกัน… สลบในจอกเดียวรึ
ผู้นำกองโจรลำดับสองและสามมองหน้ากัน ต่างคนต่างเห็นแววงุนงงในสายตาของอีกฝ่าย พี่ใหญ่ของพวกเขาไม่ใช่คนคออ่อน การดื่มจอกเดียวแล้วสลบไปเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต
“เจ้าทำอะไรกับพี่น้องของพวกเรา!” ผู้นำกองโจรลำดับสองยังไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เขาจ้องไปที่ปู้ฟางเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไอ้หนุ่มตรงหน้าต้องใส่อะไรเข้าไปในสุราอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วพี่ใหญ่ของพวกเขาจะสลบไปภายในจอกเดียวได้อย่างไรกัน!
ปู้ฟางหันหน้ามามอง แล้วเอ่ยตอบชายร่างใหญ่หน้าตาถมึงทึงด้วยสีหน้าตายด้าน น้ำเสียงเรียบเฉย “ก็อย่างที่เห็น หมอนี่… สลบในจอกเดียว”
ผู้นำกองโจรลำดับสามทะลึ่งพรวดด้วยความโกรธเคือง “เจ้าโกหก พวกเรารู้ดีว่าพี่ใหญ่ไม่ใช่คนคออ่อนขนาดนั้น ไอ้หนุ่มหน้าอ่อน… อย่าคิดแม้แต่จะหลอกพวกเรา คายออกมาเดี๋ยวนี้ เจ้าทำอะไรกับพี่ใหญ่กันแน่!”
“ก็อย่างที่ข้าบอกไปเมื่อกี้ เขาเมา หากไม่เชื่อก็ลองดื่มดูเองสิ” ปู้ฟางพูดเสียงเรียบ
ผู้นำกองโจรลำดับสามชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มหัวฟัดหัวเหวี่ยง “เช่นนั้นก็เอามาให้ข้าจอกหนึ่งเดี๋ยวนี้!”
“จอกละห้าร้อยผลึก ถ้าไม่เชื่อก็หันไปดูรายการข้างหลังเอาก็แล้วกัน” ปู้ฟางคิดว่าหากบอกราคาไปตั้งแต่แรกจะเป็นการดีกว่า
“อะไรนะ! ห้าร้อยผลึก! ทำไมไม่วิ่งเอามีดมาจี้ชิงทรัพย์ข้าไปเลยเล่า!” ผู้นำกองโจรลำดับสามแทบกัดลิ้นตายด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของปู้ฟาง สุราจอกละห้าร้อยผลึก… ไอ้หมอนี่มันโลภมากอยากได้ผลึกจนหน้ามืดไปแล้วหรือ
“ถ้าไม่สั่งก็ออกจากร้านไป เจ้าน่าจะรู้ดีว่าถ้าก่อเรื่องจะเกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มเจ้าของร้านยังดูไม่ยี่หระเสมอต้นเสมอปลาย
ผู้นำกองโจรลำดับสามกำหมัดแน่น เขาเหลือบตามองพี่ใหญ่ของตนที่เมาแอ้งเม้งอยู่ในอ้อมแขนของหมายเลขสอง เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำ รวมถึงได้กลิ่นสุราเข้มข้นที่โชยออกจากลมหายใจของอีกฝ่าย จิตใจของหมายเลขสามก็แน่วแน่ขึ้นมาทันที
“ห้าร้อยผลึก… เอาวะ! พี่น้องข้า ข้าขอเรี่ยไรผลึกเพื่อเปิดโปงไอ้เจ้าของร้านขี้ปด ขี้โกง ขี้เท่อใจทมิฬหินชาติคนนี้หน่อย!”
ผู้นำกองโจรลำดับสามกัดฟันพลางหันไปยืมผลึกจากพี่น้องของตน หมายเลขสองโยนผลึกของตนเองให้หมายเลขสามโดยไม่พูดอะไร
คนที่เหลือก็ส่งผลึกให้เช่นกัน แม้จะดูลังเลใจเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD