ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 217

ชามข้าวหน้าเนื้อถูกนำมาวางตรงหน้าอู๋อวิ๋นไป่เร็วพอๆ กับที่นางสวาปามมันเข้าไปจนเกลี้ยงไม่เหลือเมล็ดข้าวแม้แต่เมล็ดเดียว

หญิงสาวเพิ่งจะกินอาหารเสร็จไม่นานแต่ใบหน้าก็เริ่มมีสีแดงเรื่อแล้ว ราวกับว่ามีมวลพลังชีวิตขนาดใหญ่กำลังไหลเวียนอยู่ในกายของนางตอนนี้ จนทำให้ต้องเร่อเอาพลังงานที่สะสมไว้ออกมา

เมื่อรู้สึกได้ว่าแก่นพลังงานของนางกำลังเผาผลาญความร้อนออกมา ใบหน้าของหญิงสาวก็เจิดจ้าขึ้น เถ้าแก่ปู้นี่สมชื่อจริงๆ แค่ข้าวโลหิตมังกรหน้าเนื้อเพียงชามเดียว แผลของนางก็ฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้แล้ว แม้จะยังไม่หายสนิท แต่ก็ถือว่าดีกว่าก่อนหน้านี้อยู่มาก

“เถ้าแก่ปู้ เนื้อของเจ้านี่ดูไม่เหมือนเนื้อที่ไหนๆ ทำไมมันช่างเต็มเปี่ยมด้วยพลังปราณขนาดนี้ ข้าวเองก็ด้วย ตอนอยู่ในปากหนุบหนับชวนเคี้ยว แต่พอกลืนลงท้องไปร่างของข้าก็กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ราวกับได้กินโอสถทิพย์เข้าไปอย่างไรอย่างนั้น” อู๋อวิ๋นไป่อุทาน คำพูดทุกคำที่ออกมาล้วนเป็นคำชม

ปู้ฟางยิ้มเล็กน้อยขณะฟังคำชื่นชมของอีกฝ่าย ข้าวที่นางเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ข้าวเก่าเก็บที่ไหน แต่เป็นข้าวโลหิตมังกร แม้จะเป็นเพียงข้าวที่โตจากเลือดของมังกรอสรพิษ แต่ประสิทธิภาพของมันก็ดีกว่าข้าวทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด และดีกว่าข้าวพลังปราณบางชนิดด้วยซ้ำ

สรุปคือข้าวโลหิตมังกรไม่เพียงมีรสอร่อย แต่ยังมีคุณสมบัติเป็นยาอีกด้วย

ส่วนเนื้อนั้น ยังมีข้อกังขาเรื่องความวิเศษของมันอีกหรือ ในเมื่อมันทำมาจากเนื้อของวัวมังกรพเนจรอสูรเวทระดับเจ็ด แน่นอนว่าย่อมเปี่ยมไปด้วยพลังปราณอยู่แล้ว ส่วนรสชาตินั้นปู้ฟางก็พิสูจน์มาแล้วด้วยตนเองว่าอร่อยเลิศล้ำ

เป็นธรรมดาที่อาหารซึ่งปรุงขึ้นจากวัตถุดิบสองชนิดนี้ย่อมมีรสชาติเหนือชั้นไม่มีใครเทียม

ตอนนี้ร่างของอู๋อวิ๋นไป่พลุ่งพล่านไปด้วยพลังปราณและพลังชีวิต นางต้องหาสถานที่ทำสมาธิเพื่อย่อยพลังงานเหล่านี้ รวมถึงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง

ดังนั้นอาจารย์อาอู๋กับหญิงสาวจึงรีบเอ่ยร่ำลาปู้ฟางแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนไปนางยังไม่ลืมที่จะปรายตามองอาหนี่ด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า “หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้หรอกนะ” ด้วย

อาหนี่พยักหน้ารับพลางก้มหัวแสดงความขอบคุณที่อีกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือในภารกิจครั้งนี้

อู๋อวิ๋นไป่พยักเพยิดรับคำขอบคุณเงียบๆ จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมอาจารย์อาอู๋

“เถ้าแก่ปู้… ได้เวลาที่ท่านจะรักษาท่านลุงหยูเฟิ่งแล้วหรือยัง” อาหนี่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

หยูฟู่ที่กังวลไม่แพ้กันมองหน้าปู้ฟางด้วยสายตาคาดหวัง

ทว่าปู้ฟางกลับทำเพียงกวาดสายตามองคนทั้งคู่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพูดออกมา “ใจเย็น ข้าบอกไปแล้วว่าต้องรอให้ร้านปิดก่อน ข้าถึงจะทำอาหารโอสถทิพย์เพื่อช่วยชีวิตเขา ข้าพูดคำไหนคำนั้นไม่เคยบิดพลิ้ว ดังนั้นอย่าเร่ง”

จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าครัวไปด้วยท่าทางสงบนิ่งเป็นที่สุด

อีกด้านหนึ่งโอวหยางเสี่ยวอี้ค่อยๆ เดินเข้าไปหาต้นตื่นรู้ทางห้าสาย จากนั้นก็นั่งลงตรงจุดที่นั่งสบายใต้ต้นไม้ ตาข้างหนึ่งปิดลงส่วนตาอีกข้างยังลืมอยู่ แม้จะเรียกไม่ได้เต็มปากว่ากำลังฝึกปราณ แต่การได้อาบไล้กลิ่นหอมของผลต้นตื่นรู้ทางห้าสายก็เพียงพอที่จะกระตุ้นปราณของเด็กหญิงได้

เวลาทำการของวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลูกค้าขาประจำจำนวนหนึ่งจากไปเมื่อกินอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่สั่งเสร็จ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อสำรวจการเติบโตของผลต้นตื่นรู้ทางห้าสายมากกว่า

เมื่อจันทร์เสี้ยวสองดวงที่หม่นแสงเล็กน้อยปรากฏบนฟากฟ้ามืดมิด ร้านแห่งนี้ก็ได้เวลาปิด ปู้ฟางเดินออกมาจากครัว ใช้ผ้าเช็ดรอยเปื้อนที่ติดอยู่บนมือ จากนั้นก็ลากเก้าอี้ออกมานั่งก่อนจะมองไปยังร่างสามร่างที่นั่งกันอย่างสงบมาตลอดทั้งวัน

คราวก่อนที่เขาเดินทางไปยังหนองน้ำปราณมายา เขาได้รับเม็ดบัวของดอกบัวประมุขน้ำแข็งมา ความจริงแล้วดอกบัวนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่ามนุษย์อสรพิษ เมื่อได้รับวัตถุดิบล้ำค่ามาครอบครองปู้ฟางจึงอยากที่จะแสดงความจริงใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกช่วยมนุษย์อสรพิษหยูเฟิ่ง

จะเรียกว่าเป็นการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

ด้วยสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยของที่นั่น โจ๊กเนื้อวัวมังกรพเนจรมงกุฎเลือดในตอนนั้นจึงทำได้เพียงบรรเทาอาการของมนุษย์อสรพิษหยูเฟิ่งลงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้ในเมื่อทั้งสามมาอยู่ในนครหลวงแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องเตรียมอาหารโอสถทิพย์ขึ้นใหม่ ในเมื่อรับปากคนพวกนี้ไว้แล้ว ชายหนุ่มย่อมไม่คิดออมฝีมือแต่อย่างใด

เขาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสงบพลางเอ่ยปากพูดคุยกับอาหนี่ เพราะใช้เวลาอยู่ในครัวมาตลอดทั้งวัน ปู้ฟางจึงอยากผ่อนคลายกับเขาเสียหน่อย แต่เห็นได้ชัดว่าอาหนี่และหยูฟู่นั้นกำลังอยู่ในอาการวิตกกังวล หากเลือกได้พวกเขาก็อยากให้ปู้ฟางรีบลุกขึ้นมาปรุงอาหารโอสถทิพย์ให้รู้แล้วรู้รอด

เมื่อพักผ่อนเพียงพอแล้ว ในที่สุดปู้ฟางก็ลุกยืนแล้วเดินกลับเข้าครัวไปปรุงอาหารโอสถทิพย์ท่ามกลางสายตาคาดหวังของมนุษย์อสรพิษสองตน

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเผ่าของมนุษย์อสรพิษ เขามีเพียงอุปกรณ์ครัวพื้นๆ ให้ใช้สอย การใช้เครื่องครัวหยาบๆ พวกนั้นทำให้โจ๊กเนื้อวัวมังกรพเนจรมงกุฎเลือดออกฤทธิ์เพียงหนึ่งในสิบจากที่ควรจะเป็น ทว่าตอนนี้เมื่อได้ใช้ครัวของตนเอง ปัญหาที่ว่าย่อมไม่เกิดขึ้นแน่

“โจ๊กเนื้อวัวมังกรพเนจรมงกุฎเลือดหรือ อืม…น่าจะต้องปรับปรุงสูตรนิดหน่อย” ขณะกำลังยืนอยู่หน้าเตา ความคิดของเขาก็ถูกสิ่งที่ผุดขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนขัดขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD