ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 216

ปู้ฟางมุ่นคิ้วขณะค่อยๆ ปรายตามองไปยังต้นตื่นรู้ทางห้าสาย เขาทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่นผลไม้ กลิ่นนั้นสร้างความสดชื่นและทำให้สมองปรอดโปร่ง

ขณะที่ใบของต้นตื่นรู้ทางห้าสายสะบัดไหว ลวดลายบนใบก็เคลื่อนไหวไปด้วย เส้นสายแต่ละสายบนใบปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด ภายในพุ่มใบดกหนามีผลกลมๆ สีเขียวอยู่สามผล แม้ผลไม้เหล่านี้จะลูกไม่ใหญ่และยังไม่ทันสุกดี แต่ลวดลายก้อนเมฆจางๆ ก็มีปรากฏให้เห็นแล้ว ลวดลายนี้มีความคล้ายคลึงกับผลของต้นตื่นรู้ทางสามสายอยู่บ้าง

ขณะที่ชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสผลไม้ลูกน้อยเบาๆ พลังปราณอ่อนๆ ก็แผ่พุ่งออกมาพร้อมด้วยกลิ่นหอมเย็นๆ เมื่อพลังปราณกระจายไปทั่วร่าง ปู่ฟ่างก็รู้สึกสบายกายสบายใจไม่น้อย

“เยี่ยมเลย… ดูจากหน้าตาแล้ว อีกไม่นานก็คงสุกเต็มที่” ปู้ฟางยกยิ้มมุมปาก ในใจรู้สึกลิงโลด

ปู้ฟางได้เห็นต้นตื่นรู้ทางห้าสายเติบโตจากเมล็ดน้อยๆ มาเป็นต้นไม้ที่โตเต็มวัย ในใจจึงรู้สึกรักใคร่ผูกพัน

ชายหนุ่มลุกยืนพลางถอนหายใจ จ้องมองต้นไม้อีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าครัวไป

ร้านอาหารเปิดทำการตามปกติ กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายจานลอยอบอวลไปทั่ว ทำให้เหล่าลูกค้ารู้สึกเมามายกับกลิ่นหอมอร่อย

โอวหยางเสี่ยวอี้กระโดดโลดเต้นเข้ามาด้วยความร่าเริง กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เด็กหญิงจะมาทำงานในร้านเล็กๆ แห่งนี้ นางรู้สึกว่าทำงานที่นี่ดีกว่าต้องทนฝึกปราณอยู่ที่บ้านเป็นไหนๆ

แม้เด็กหญิงจะออกมาช่วยงานที่ร้านทุกวัน แต่ความเร็วในการพัฒนาขั้นปราณของนางก็ไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นเพราะต้นตื่นรู้ทางห้าสายที่ปล่อยกระแสตื่นรู้ออกมา ทำให้ในร้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เหมาะกับการฝึกปราณ ซึ่งส่งผลต่อการฝึกปราณอยู่มากโข

“เสี่ยวอี้ ยกจานนี้ไปที”

เสียงนิ่งเรียบไร้อารมณ์ของปู้ฟางดังมาจากครัว โอวหยางเสี่ยวอี้เดินมาที่หน้าต่างห้องครัวพลางยกชามข้าวผัดไข่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปส่งให้ลูกค้า เด็กหญิงทำงานที่ร้านแห่งนี้มานาน จึงคุ้นเคยกับกลิ่นหอมของอาหารเป็นอย่างดี แม้บางครั้งจะเผลอตกอยู่ในภวังค์ของกลิ่นที่ชวนน้ำลายสอไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังตั้งสติได้เร็วกว่าคนส่วนใหญ่

นี่เป็นหนึ่งในความยากลำบากที่เหล่าพนักงานในร้านอาหารต้องพิชิตให้ได้

เมื่อยกชามข้าวผัดไข่ไปให้ลูกค้าแล้ว โอวหยางเสี่ยวอี้ก็ยิ้มเล็กน้อยพลางถอยหลังออกมาสองสามก้าว ตอนนั้นเองเด็กหญิงก็สังเกตเห็นเงาร่างของใครหลายคนปรากฏขึ้นที่ทางเข้าร้านจึงหันหน้าไปมอง

“เถ้าแก่ปู้อยู่ไหน เร็วเข้า รีบเรียกเถ้าแก่ปู้ออกมา…”

อู๋อวิ๋นไป่เดินโซเซเข้ามาในร้านด้วยใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ด้านหลังนางเป็นอาจารย์อาอู๋ที่ดูกำลังวิตกกังวลไม่น้อย ถัดจากอาจารย์อาอู๋ไปอีกเป็นอาหนี่กับหยูฟู่ซึ่งกำลังประคองร่างของมนุษย์อสรพิษอีกตนที่สลบอยู่ ทันทีที่โอวหยางเสี่ยวอี้เห็นมนุษย์อสรพิษ ในใจก็เกิดความสงสัยต่อเผ่าพันธุ์แปลกประหลาดนี้ขึ้นมา

“พวกท่านรอตรงนี้ก่อน นายท่านตัวเหม็นกำลังทำอาหารอยู่ในครัว” โอวหยางเสี่ยวอี้กล่าว หลังจากคลุกคลีกับเถ้าแก่ปู้มานาน คำพูดคำจาของนางก็ติดจะเรียบง่ายและห้วนกระชับ

“อาจารย์อาอู๋ อย่ากังวลไปเลย เราหาเก้าอี้นั่งก่อนเถอะ” น้ำเสียงของอู๋อวิ๋นไป่ฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากไร้ซึ่งสีชมพูเหมือนอย่างเคย

อาจารย์อาอู๋พยักหน้าพลางดึงเก้าอี้ออกมาให้อู๋อวิ๋นไป่นั่ง

หยูฟู่มีท่าทางหวาดๆ ขณะมองไปรอบร้าน “นี่ร้านของศิษย์พี่ปู้จริงหรือนี่ หลังจากลำบากลำบนกันมานาน ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่จนได้”

ใบหน้าสวยงามของหยูฟู่นั้นเต็มไปด้วยรอยแผล เกล็ดที่หางก็ฉีดขาดเพราะร่องรอยการบาดเจ็บ ผ่านไปพักใหญ่ ปู้ฟางก็เช็ดคราบเปื้อนที่ติดอยู่บนมือจากนั้นก็เดินออกจากครัวมา เขาพยักหน้าให้อู๋อวิ๋นไป่กับบรรดาพรรคพวกที่กำลังรออยู่

ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่มนุษย์อสรพิษหญิงหยูฟู่ แต่เมื่อเห็นหยูเฟิ่งที่ไม่ได้สติ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น

ลมหายใจของมนุษย์อสรพิษผู้นี้อ่อนแรงกว่าเมื่อคราวก่อนเสียอีก เห็นได้ชัดว่าระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ชายผู้นี้ต้องได้รับบาดเจ็บรุนแรงแน่

“เจ้าบาดเจ็บรึ” เมื่อหันไปมองอู๋อวิ๋นไป่ที่ตามเนื้อตัวมีร่องรอยการบาดเจ็บ ปู้ฟางก็ถามขึ้นมาเสียงเรียบ

“แผลเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” อู๋อวิ๋นไป่ยังคงรักษาท่าทีทั้งที่ใบหน้าซีดเผือด

“เถ้าแก่ปู้… ข้าบอกแล้วว่าไอ้เจ้ามู่เฉิงนั่นคิดชั่ว เขาตั้งใจให้ท่านไปหาเพราะคิดจะฆ่าท่าน หากเมื่อวานเป็นท่านที่ไป เกรงว่ามีพันชีวิตท่านก็คงจะเสียไปทั้งหมด โชคยังดีที่เมื่อคืนนายหญิงฝ่าฝูงขั้นนักพรตยุทธการออกมาได้ ไม่อย่างนั้นภารกิจครั้งนี้ก็คงล้มเหลวเละเทะเป็นแน่” อาจารย์อาอู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

เจ้ามู่เฉิงที่ร่วมมือกับคนจากวิหารเทพเจ้าสำดับสามแห่งดินแดนป่ารกชัฏนับเป็นคนชั่วช้าเลวทรามอย่างแท้จริง หากเจ้าสำนักอยู่ที่นี่ด้วย เจ้ามู่เฉิงคงถูกซัดตายด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว ทว่าทันทีที่อู๋อวิ๋นไป่ได้รับบาดเจ็บ อาจารย์อาอู๋ก็ใช้ม้วนอักขระส่งข้อความลับกลับไปที่ตำหนักเมฆาขาว ตอนนี้เจ้าสำนักส่งแม่ทัพจ้านกง หนึ่งในสี่แม่ทัพใหญ่มาที่นี่แล้ว ทันทีที่อีกฝ่ายมาถึง เจ้ามู่เฉิงต้องโดนบี้เละด้วยฝ่ามือเดียวอย่างแน่นอน

นั่นเพราะแม่ทัพจ้านกงอยู่ในขั้นเทพแห่งสงครามอย่างไรเล่า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD