นอกประตูเมืองอันใหญ่โตมโหฬารของนครหลวง บรรดาต้นอ่อนสีเขียวเริ่มแตกหน่อขึ้นมาจากพื้นดิน จุดสิ้นสุดของฤดูหนาวนำมาซึ่งฤดูใบไม้ผลิเขียวขจี หลังจากที่พื้นดินถูกหิมะปกคลุมมาเนิ่นนาน สัญญาณแห่งชีวิตก็กลับมาสู่บริเวณรอบนครหลวงอีกครั้ง บรรยากาศแห่งการเติบโตของชีวิตใหม่พัดผ่านทั่วทั้งอาณาจักรเหมือนสายน้ำอันชุ่มฉ่ำ
บนถนนสายหลักของนครหลวง เสียงฝีเท้าดังชัดสะท้อนก้องไปตามแนวเส้นขอบฟ้า เงาหนึ่งค่อยๆ ปรากฏให้เห็นจากระยะไกล
คนผู้นั้นเป็นชายชราในชุดคลุมยาวทั้งตัว เขาอยู่บนหลังลาสีหมอก ในมือถือน้ำเต้าใส่สุราขนาดเบ้อเริ่มเทิ่ม เขายกน้ำเต้าในมือขึ้นจิบเป็นครั้งคราวขณะเข้ามาใกล้นครหลวงขึ้นเรื่อยๆ ตัวก็โยกไปซ้ายทีขวาที
ใบหน้าของชายผู้นี้ดูพึงพอใจเป็นอันมาก ระหว่างการจิบแต่ละครั้งเขาจะฮัมเพลงไปด้วยอย่างรื่นเริง
ร่างอีกสามร่างยืนหลังตรงอยู่ใต้ประตูมหึมาของนครหลวง สายตาจับจ้องไปที่ชายชราผู้นั้น ลมเย็นพัดชุดคลุมยาวจนโบกสะบัด
ถังอิ่นจ้องไปที่เงาตะคุ่มของชายชราบนหลังลาแล้วดวงตาก็เป็นประกายขึ้น “ท่านอาจารย์ ผู้อาวุโสมาแล้วขอรับ” ถังอิ่นอดไม่ได้ที่จะหันไปประกาศให้หนี่หยันซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ฟัง
หนี่หยันพยักหน้าพลางเม้มปาก ตาแก่นี่มีอารมณ์ขันใช่ย่อย…ใครจะไปคิดว่าคนผู้นี้จะเลือกขี่ลามาไกลจากเทือกเขาอู่เหลียง ยังมีอะไรที่ดูชวนหัวมากกว่านี้อีกหรือ
“นี่น่ะหรือผู้อาวุโสหูที่ท่านอาจารย์พูดถึงอยู่บ่อยๆ” เยี่ยจึหลิงที่สะพายคันธนูเอาไว้บนบ่าเบิกตากว้างขณะมองชายชราบนหลังลาตรงหน้า
“หากเจ้าหมายถึงตาแก่ขี้เมาที่อาจารย์ของเจ้าพูดถึงอยู่บ่อยๆ แล้วละก็ ใช่แล้วละ หมอนี่แหละตาแก่ขี้เมาคนนั้น” หนี่หยันยิ้มพลางหันไปตบหลังเยี่ยจึหลิงอย่างร่าเริง
เสียงฝีเท้าลาย่างกอบๆ ไปบนพื้นดังตัดผ่านอากาศหนาวเย็น ทันใดนั้นทุกคนก็ต่างพากันตกใจหัวใจแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อร่างที่อยู่ไกลออกไปกลับมาปรากฏตรงหน้าพวกเขาในพริบตา
หนี่หยันสะดุ้งเฮือก เจ้าลานี่เมื่อครู่ยัง…เหตุใดมันจึงเดินเร็วได้ถึงเพียงนี้!
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ตาแก่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างข้าทนเจอเรื่องตกใจเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หากชายรุ่นแย้มฝาโลงอย่างข้าไม่ได้เห็นต้นตื่นรู้ทางห้าสาย เจ้าก็ลืมไปได้เลยว่าจะได้ดื่มสุรานี้อีก!” ชายชราก่นด่า อ้าปากกว้างพลางกระดกสุราเข้าไปอีกเอื๊อกใหญ่
พอได้ยินคำพูดนั้น หนี่หยันก็คิดกับตนเองอย่างหัวเสียทันที ‘หลังจากที่ได้ดื่มสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งของเถ้าแก่ปู้ที่นครหลวงเข้าไป ใครเขาจะยังสนใจลมหายใจมังกรของเจ้าอีก’
ชายชราเหวี่ยงตัวเองลงจากหลังลา เอาน้ำเต้าเหน็บไว้ที่เอว จากนั้นก็ขยับกางเกงขึ้น แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ถังอิ่นกับเยี่ยจึหลิง เขาเดินจูงลาเข้านครหลวงไป
“แม่หนูนี่เป็นศิษย์ของยายหมอผีแก่นั่นน่ะรึ” จึ๊ๆ “น่ารักดีใช่ย่อย” ชายชรายิ้มอีกครั้งหลังมองเยี่ยจึหลิงอย่างสำรวจตรวจตรา
หญิงสาวเองก็มองอีกฝ่ายกลับด้วยสายตาระแวดระวังทันที
จากนั้นทั้งสี่ก็เดินนวยนาดไปที่ประตูเมือง แต่ในตอนที่กำลังจะเดินเข้าประตูเมืองไปนั้นเอง เสียงร้องคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังขึ้นจากระยะไกล
หนี่หยันและคนอื่นๆ หันไปมองตามเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ส่วนชายชรานั้นจิบสุราหนึ่งอึกก่อนจะหันไปมองเช่นกัน
พวกเขาเห็นมังกรสีดำตัวมหึมาปีกแผ่กางเต็มความยาวกำลังบินตรงมาจากระยะไกล มันปล่อยพลังกดดันรุนแรงออกมาตามแบบฉบับสัตว์กึ่งมังกร
“โฮ่ๆ อสูรเวทระดับเจ็ด มังกรนรกทมิฬรึ” ชายชราหัวเราะในลำคอ
แต่ท่าทางของหนี่หยันกับอีกสองคนที่เหลือนั้นไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนชายชราสักนิด เนื่องจากพวกเขาถูกพลังกดดันดังกล่าวทับเอาไว้ ดวงตาของคนทั้งสามหรี่เล็กเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่บนหลังมังกร
คนผู้นั้นเป็นชายชราหลังโกงที่มีพลังปราณแข็งแกร่งดุดันราวหินผา
“นั่นมัน…ผู้ฝึกตนจากสามวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏมิใช่รึ” หนี่หยันพึมพำ
ในที่สุดผู้ฝึกตนระดับเจ็ดจากสามวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏก็เข้าร่วมเหตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้จนได้
…
ในสวนเล็กๆ แห่งหนึ่งของนครหลวง พ่อครัวเงาหวังติงยืนชำแหละอสูรเวทระดับห้าอยู่ด้วยการโบกสะบัดมีดสองสามครั้ง
มือของเขาคล่องแคล่วว่องไวจนดูราวกับว่ามีดชำแหละนั้นกำลังเต้นระบำอยู่ เนื้อของอสูรเวทปลิวออกจากร่างตามการสับทุกครั้ง
ภายในอึดใจ ร่างของอสูรเวทก็ขาวสะอาดเห็นแต่กระดูก เนื้อหลุดออกมาหมดจดด้วยคมมีดของพ่อครัวเงา
เขาเก็บมีดกลับจากนั้นก็ล้างมือให้สะอาด แล้วเดินตัวสั่นเข้าไปยังบ้านหลังเล็กในสวน พ่อครัวเงานั่งลงบนเก้าอี้โยกแล้วเริ่มโยกตัวไปมาช้าๆ
เบื้องหน้าเก้าอี้มีกระทะสีดำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ กระทะนั้นเดือดปุดไอน้ำขาวฉุย ส่งกลิ่นประหลาดออกมาปกคลุมไปทั่วห้อง
หลังจากที่นั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก พ่อครัวเงาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบถังขนาดใหญ่มหึมาออกมา ภายในถังนั้นเป็นเนื้ออสูรเวทที่เขาเพิ่งชำแหละไปเมื่อครู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD