ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 240

ทุกคนในท้องพระโรงต่างกลั้นหายใจพลางหันไปมองจีเฉิงเสวี่ยที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เพื่อรอคำตอบ พวกเขาต่างอยากรู้ว่าจักรพรรดิหนุ่มจะตอบรับคำขอของเหลียนฟู่หรือไม่ และจะประทานพระราชานุญาตให้เหลียนฟูออกเดินทางไปจับตัวจีเฉิงอวี่หรือเปล่า หากใช่ นี่ก็ถือเป็นการวางแผนสังหารกันเองในหมู่พี่น้องเลยทีเดียว

จีเฉิงเสวี่ยครุ่นคิดอย่างหนัก เขาสองจิตสองใจจนไม่สามารถตัดสินใจได้ เนื่องจากถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน การต้องตัดสินใจอะไรเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่ม

แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าหากปล่อยให้จีเฉิงอวี่วิ่งเล่นอยู่ในโลกภายนอก ไม่ช้าก็เร็วอีกฝ่ายต้องกลายมาเป็นศัตรูตัวร้ายและเป็นภัยต่อความมั่นคงของอาณาจักรแน่ ทันทีที่จีเฉิงอวี่รวบรวมกำลังพลได้มากพอ เขาต้องพยายามกลับมาทวงบัลลังก์ ไม่มีทางที่คนอย่างจีเฉิงอวี่จะปล่อยให้จีเฉิงเสวี่ยนั่งเสวยสุขอยู่บนบัลลังก์อย่างสบายใจต่อไปแน่

“ข้าอนุญาต”

หลังจากที่คิดอยู่เป็นนาน จีเฉิงเสวี่ยก็พูดออกมาในที่สุด จากนั้นเขาก็หลับตาลงแล้วไม่พูดอะไรอีก ทุกคนในท้องพระโรงยังคงไว้ซึ่งความเงียบงัน

การว่าราชการในท้องพระโรงสิ้นสุดลงแล้ว บรรดาขุนนางชั้นสูงทั้งหลายต่างพากันออกจากท้องพระโรงไป แต่จีเฉิงเสวี่ยกลับดึงตัวเซียวเหมิงเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายงุนงงมิใช่น้อย

จักรพรรดิหนุ่มขยับตัวลุกออกจากบัลลังก์แล้วเดินวนไปวนมาในท้องพระโรง ดวงตาของเขามืดมนด้วยความทุกข์

สายฝนแห่งฤดูใบไม้ผลิตกลงอาบพื้นแผ่นดินอีกครั้ง ทำให้ท้องฟ้าดูมืดครึ้มพอตัวเนื่องจากแสงแดดส่องลงมาน้อยกว่าปกติ

ที่ด้านนอกกำแพงเมืองของนครหลวง จีเฉิงเสวี่ยและเซียวเหมิงอยู่ในชุดลำลอง ทั้งสองมาเพื่อส่งเหลียนฟู่ออกเดินทาง ก่อนจะถอนหายใจยาว เมื่อเห็นแผ่นหลังของเหลียนฟู่ค่อยๆ หายไปจากสายตา

ในราชวงศ์ผู้ครองอาณาจักรนั้น การสังหารพี่น้องด้วยกันเองไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด สิ่งที่แปลกคือ หลังจากที่จีเฉิงเสวี่ยได้บัลลังก์ไปครองแล้ว ความโหดร้ายของโชคชะตาแห่งการแย่งชิงอำนาจกลับยังคงอยู่

จักรพรรดิหนุ่มหันหลังกลับ เอามือไพล่หลัง แล้วเดินไปบนถนนสายหลักของนครหลวง ถนนนี้ยังคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่เหมือนผึ้งแตกรังเช่นเดิม เมื่อเทศกาลฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง ประชาชนก็กลับมาใช้ชีวิตตามกิจวัตรปกติอีกครั้ง นั่นคือการทำงานตั้งแต่ย่ำรุ่งจนย่ำค่ำ

แม้จีเฉิงเสวี่ยจะเป็นจักรพรรดิ แต่กลับไม่มีใครรู้จักใบหน้าของเขา เขาดูเป็นเพียงประชาชนคนเดินดินธรรมดาที่เดินไปมาบนถนน ท่ามกลางผู้คนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างขยันขันแข็ง

ตำหนักไร้กังวลตั้งอยู่ห่างไกลจากความเจริญในนครหลวง

จีเฉิงเสวี่ยเดินมาถึงหน้าตำหนัก แต่กลับยืนนิ่งไม่ยอมเคลื่อนไหวอยู่สักพัก เซียวเหมิงที่อยู่ด้านหลังมองจีเฉิงเสวี่ยพลางหันไปมองที่ตำหนักนั้นเช่นกัน แม่ทัพใหญ่ได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ คนเดียวอยู่ในอก

“แม่ทัพเซียว เราเข้าไปเยี่ยมด้านในกันเถิด” พอพูดเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินเอามือไพล่หลังไปทางตำหนัก

เขาแสดงตราหลวงเพื่อไล่องครักษ์ที่มีหน้าที่กันคนนอกออกไป ทั้งสองเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย

ตำหนักนั้นตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม เสียงหัวเราะคิกคักหวานหูของหญิงสาวมากหน้าหลายตาลอยออกจากบริเวณสวน ทำให้บรรยากาศดูน่ารื่นรมย์มากขึ้นไปอีก กลางวงนั้นมีร่างหนาร่างหนึ่งกำลังสนุกสนานอยู่ท่ามกลางหมู่สาวงาม

“องค์ชายของข้า มีคนอยู่ตรงนั้นเพคะ” สตรีสาวสวยร่างผอมร่างหนึ่งหันมามองทางจีเฉิงเสวี่ยและเซียวเหมิงด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นก็หันไปบอกจีเฉิงอันที่กำลังหยอกเย้าอยู่กับบรรดาสาวน้อย

จีเฉิงอันชะงักไป เขาหันกลับมามอง แล้วก็เห็นจีเฉิงเสวี่ยยืนนิ่งหลังตรงเผงเหมือนกระบี่เล่มยาวอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มหรี่ตาพลางยิ้มอย่างรู้ทัน

“ไม่ต้องไปสนใจหรอก เรามาสนุกกันต่อเถิด” จีเฉิงอันทำเพียงหัวเราะน้อยๆ พลางหันมาดึงสตรีร่างอวบอัดนางหนึ่งเข้าไปในอ้อมอก ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น จากนั้นเสียงกระเซ้าเย้าแหย่สนุกสนานก็ดังสะท้อนไปทั่วตำหนักไร้กังวลต่อไป

เจ้าอยากให้ข้าใช้ชีวิตสนุกสนานให้เต็มที่มิใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็จะมีความสุขให้ดู

เซียวเหมิงถอนหายใจเงียบๆ ส่วนดวงตาของจีเฉิงเสวี่ยก็มืดลง แม้ใบหน้าจะยังคงไร้ความรู้สึกตามเดิม

“ไปกันเถิด” จีเฉิงเสวี่ยมองจีเฉิงอันด้วยสายตาเย็นชา องค์ชายหนึ่งนั้นยังคงเต้นรำสนุกสนานกับสาวสวยต่อไป ส่วนจักรพรรดิหนุ่มก็หันหลังเพื่อกลับออกจากที่แห่งนั้น

อันที่จริงการเป็นราชาไร้ราชกิจก็ไม่ได้แย่สำหรับอดีตองค์ชายรัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่…อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องตัดสินใจสังหารพี่น้องพ่อเดียวกัน

วันต่อมา อวี่ฝูตื่นเช้าเป็นพิเศษ บิดาของนางและอาหนีออกจากนครหลวงไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงนางอยู่ที่นี่ตนเดียวเท่านั้น แต่แทนที่จะกลัว อวี่ฝูกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

เนื่องจากนางกำลังจะได้เรียนวิชาการทำอาหารจากเถ้าแก่ปู้

อวี่ฝูแต่งตัวหน้ากระจกอย่างระมัดระวัง หวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะแต่งองค์ทรงเครื่องออกมาได้สวยงามที่สุดในวันนี้ นางจัดว่าเป็นสาวงามในเผ่าของตนเอง หากตั้งใจแต่งตัวอีกสักหน่อย น่าจะทำให้ใครหลายๆ คนถึงกับลืมหายใจได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD