ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 248

ท่าทางสงบนิ่งของปู้ฟ่างทำให้ทุกคนในห้องล้วนประหลาดใจ อาเฉินหรี่ตา กล้ามเนื้อบนหน้าไหวกระตุก

ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของชายตรงหน้าทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองใจ ทำหน้าเช่นนี้แปลว่าอะไรกัน ดูแคลนเหล่าผู้คุ้มกันของหอวสันต์สุคนธ์รึ พวกคนที่กล้าเข้ามาหาเรื่องกันถึงที่นี่ต่างก็กลัวหัวหดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายร่างหนาได้เผชิญหน้ากับมนุษย์หน้าตาย

ปู้ฟางดื่มชาเสร็จก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ สายตาจ้องไปที่อาเฉินอย่างเย็นชา ก่อนจะมองสำรวจเหล่าฝูงชนที่ออกันอยู่ในห้อง แล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ

“ใครบอกให้เจ้ายืน นั่งลง!” เมื่อเห็นปู้ฟางกล้าลุกขึ้นมา ใบหน้าของอาเฉินก็มืดมนลงกว่าเดิม เขาหมุนท่อนฟืนติดไฟไปมาก่อนขว้างใส่ไหล่ของปู้ฟาง พยายามทำให้อีกฝ่ายนั่งลงตามเดิม

ปู้ฟางยกมือขึ้นช้าๆ พลางฉวยท่อนฟืนที่อาเฉินขว้างเอาไว้ สีหน้ายังสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง

ตอนนี้พลังปราณของปู้ฟางอยู่ที่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ แต่ในความเป็นจริงพลังการต่อสู้ของเขาไม่ได้แข็งแกร่งนัก เทียบได้กับขั้นราชันยุทธการห่วยๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขั้นจักรพรรดิยุทธการทั่วไป ทว่าอาเฉินที่แม้จะมีสีหน้าท่าทางดุร้าย แต่พลังปราณกลับอยู่เพียงระดับสี่ขั้นจิตยุทธการเท่านั้น

ระดับสี่ขั้นจิตยุทธการ… ปู้ฟางไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย

ปู้ฟางยืดตัวยืนตรงอย่างองอาจ ฟืนติดไฟทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มเหวี่ยงฟืนใส่อีกฝ่าย ทำเอาอาเฉินลงไปนั่งคุกเข่า เก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังหักกระจายลงกับพื้น

“ไอ้สารเลว!” อาเฉินเกรี้ยวกราด

ชายร่างหนาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือทั้งที่หัวเดียวกระเทียมลีบ นี่อยากโดนฆ่าตายมากนักหรืออย่างไร

ปู้ฟางควงฟืนในมือเล่น จู่ๆ ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา เลยขว้างฟืนในมือทิ้งมั่วๆ จนเกิดเสียงดังเมื่อมันหล่นกระทบพื้น

“ไอ้หนุ่ม เจ้าเป็นคนแรกเลยที่กล้าทำตัวโง่เขลาไร้สติปัญญาในหอวสันต์สุคนธ์แห่งนี้!” อาเฉินโกรธจนไฟแทบลุกท่วมศีรษะ พลังปราณเที่ยงแท้หลั่งไหลออกจากกาย ส่งให้เกิดกระแสลมรุนแรงพัดกระหน่ำอยู่ในห้อง

ปู้ฟางเลิกคิ้ว หมอนี่ไม่รู้ตัวหรอกรึว่าเมื่อไรควรหยุด

ตู้ม

พลังปราณรุนแรงระเบิดออกจากร่างของอาเฉิน พร้อมเสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจที่อีกฝ่ายเปล่งออกมา ในหมู่ผู้คุ้มกันของหอวสันต์สุคนธ์ เขาเป็นคนที่มีขั้นปราณสูงสุด ด้วยเหตุนี้จึงได้ตำแหน่งหัวหน้าผู้คุ้มกันไปครอง ขั้นปราณคือสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เขามีแล้ว

ผู้ฝึกตนระดับสี่ขั้นจิตยุทธการจัดได้ว่าเป็นนักรบชั้นยอดในเมืองนี้ ด้วยเหตุที่นครใต้เป็นเมืองการค้า นักรบผู้แข็งแกร่งที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงมีไม่มาก

ปู้ฟางชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งสงบ ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าชายร่างใหญ่ตรงหน้าไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน ไม่ต้องพูดถึงระดับสี่ขั้นจิตยุทธการเลย… กระทั่งระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามเขาก็เคยเผชิญหน้ามาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มจะไม่คิดใยดีกับอีแค่ระดับสี่กระจอกงอกง่อย

“เลิกกวนใจข้าเสียที”

เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาข้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้

ปู้ฟางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะที่พลังปราณในแกนพลังเริ่มหมุนวน พลังปราณเที่ยงแท้ไหลทะลักออกมาจากตัว ก่อเกิดเป็นพลังกดดันรุนแรงน่าเกรงขาม

อาเฉินถูกพลังกดดันกระแทกล้มก่อนที่จะทันได้ปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้ในกายออกมา ตอนนั้นเองชายร่างหนาก็แทบกระโดดลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว ไอ้หนุ่มขี้เท่อหน้าตาผิวพรรณสะอาดสะอ้านคนนี้ จู่ๆ ก็กลายมาเป็นภูเขาสูงใหญ่ที่แทบจะทับลงมาจนทำให้เขาขาดใจตาย

ระดับพลังปราณเที่ยงแท้นี่ช่างน่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้

เพล้ง… ชั้นของพลังปราณเที่ยงแท้ที่โอบล้อมตัวอาเฉินอยู่สลายหายไปทันที ร่างของเขาซวนเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะล้มจ้ำเบ้าลงกับพื้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นสะท้านส่วนริมฝีปากก็สั่นระริกไม่หยุด

เวรเถอะ ไอ้หน้าละอ่อนนี่จริงๆ แล้วเป็นผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการหรือนี่! พลังระดับนี้… เขาเคยรู้สึกได้จากท่านแม่ทัพใหญ่ของนครใต้เพียงคนเดียวเท่านั้น!

มาถึงตอนนี้ชายร่างหนาก็รู้สึกอยากตบหน้าแม่นางหลิวให้ตื่นรู้กับเขาบ้างเสียจริงๆ ไอ้คำพูดของนางที่ว่า “เต๊ะท่าใหญ่โต” กับ “เป็นแค่พ่อครัว” มันคืออะไรกันแน่ ไอ้หนุ่มตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นถึงขั้นจักรพรรดิยุทธการต่างหากล่ะ!

หมอนี่บี้เขาให้แบนติดพื้นได้ด้วยนิ้วเดียวด้วยซ้ำ เต๊ะท่าหรือ ช่างน่าขำ แม้แต่เถ้าแก่ใหญ่ที่คุมหอวสันต์สุคนธ์อยู่ยังไม่กล้าแหยมกับขั้นจักรพรรดิยุทธการเลย ในนครใต้นี้ผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการจัดว่าใหญ่คับเมืองชนิดไม่ต้องมานั่งเต๊ะท่าแล้ว

พลังกดดันของปู้ฟางไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ากำลังคุกคาม มันออกจะสงบนิ่งและเยือกเย็นไม่ต่างจากบุคลิกของเจ้าตัว แต่อย่างไรก็ยังเป็นพลังของขั้นจักรพรรดิยุทธการอยู่ดี ดังนั้นทุกคนในที่แห่งนี้จึงล้วนรู้สึกหายใจหายคอไม่ออกเมื่อต้องเผชิญกับพลังกดดันดังกล่าว

ปู้ฟางมองไปรอบๆ พอได้เห็นเหล่าฝูงชนที่หวาดกลัว เขาก็เลิกคิ้วสูงทันใด รู้สึกเบื่อขึ้นมานิดๆ

เขาหยิบผลึกขึ้นมาหนึ่งชิ้นจากกระเป๋าคลังเก็บแล้วโยนลงบนโต๊ะ

ผลึกแวววาวส่งเสียงดังแกร๊กเมื่อกระทบกับผิวโต๊ะ เสียงนั้นดังก้องอยู่ในโสตประสาทของแม่นางหลิวและชาวคณะ เปลี่ยนแข้งขาของทุกคนให้กลายเป็นวุ้นยวบยาบทันที

แม่นางหลิวรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนโง่เง่าไร้สมอง นางทำพลาดอีกครั้งแล้ว พ่อหนุ่มคนนี้ไม่ใช่พ่อครัวสักหน่อย แต่เป็นผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการผู้แข็งแกร่งต่างหาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD