ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 254

เมื่อเจอข้อเสนอแสนน่าขันของเด็กหนุ่มจอมโอหัง ปู้ฟางก็ไม่รู้จะไปต่ออย่างไรดี

มีคนอยากซื้อเจ้าขาว ช่างเป็นคนที่… รสนิยมแปลกดีแท้ ปู้ฟางหันกลับไปมองเจ้าขาวพลางสำรวจหุ่นเชิดคู่ใจตั้งแต่หัวจดเท้า แน่นอนว่าเจ้าขาวของเขาดูปกติเป็นที่สุด แถมยังอ้วนมากอีกด้วย เหตุใดจึงมีคนอยากได้มันกัน

ลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางในนครหลวงเป็นประจำทุกวันเรียกได้ว่าอู้ฟู่กันทุกคน แต่กลับไม่เคยมีใครเสนอขอซื้อเจ้าขาวมาก่อน เจ้าเด็กนี่ช่างกล้าบ้าบิ่นเสียจริง

“เจ้าขาว ได้ยินหรือไม่ ดูเหมือนว่าในโลกนี้จะยังพอมีคนชอบเจ้าอยู่นะ” ปู้ฟางลูบพุงอ้วนกลมของเจ้าขาวด้วยสีหน้าจริงจังพลางพูดเสียงขรึม

ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสงสีแดง มันยกมือใหญ่เหมือนพัดขึ้นมาลูบศีรษะโล้นของตัวเอง… ใบหน้าดูตกใจไม่แพ้เจ้าของ

“ว่าอย่างไรเล่า บอกราคามาเลย” มุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะมองปู้ฟาง

บรรดาเด็กๆ และข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มก็มองปู้ฟางด้วยสายตายั่วยุเช่นกัน

คิดว่าสิ่งที่ตระกูลเซียวแห่งนครใต้มีมากที่สุดคืออะไรกัน ก็ต้องเป็นเงินแน่นอนอยู่แล้ว! ตระกูลของพวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองแห่งนี้ แม้ตอนนี้ตระกูลจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดทั้งในแง่ของอาณาเขตที่ครอบครองและสถานะ แต่ก็ยังทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำในเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชื่อเสียงของเซียวเหมิงเองก็ยิ่งใหญ่พอที่จะยกสถานะของตระกูลเซียวได้ ความจริงที่ว่าเขามาจากตระกูลเซียวในเมืองนครใต้จัดได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากพอตัวเลยทีเดียว

“ไม่ละ มันแพงเกินกว่าที่เจ้าจะจ่ายไหว” ปู้ฟางทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเวทนาขณะมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาสงบนิ่ง

“แพงกว่าที่ข้าจะจ่ายไหวรึ อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก… ข้าเสนอพันเหรียญทองเลยเอ้า มอบหุ่นเชิดโลหะตัวนี้ให้ข้าเสียดีๆ” เด็กหนุ่มพ่นลมเยาะพลางปัดคำเกทับของปู้ฟางทิ้งไปด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

กับอีแค่หุ่นเชิดโลหะ มันวิเศษวิโสขนาดจะไปบุกดวงจันทร์หรือกินผลึกเป็นอาหารหรืออย่างไร

พันเหรียญทอง… ปู้ฟางปากกระตุก จากนั้นก็มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเหมือนมองคนบ้าใบ้พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง อาหารที่เจ้าขาวทำลายทิ้งในแต่ละวันยังแพงกว่าพันเหรียญทองมากนัก เจ้าเด็กนี่มองเขาเป็นขอทานหรืออย่างไร

“พันเหรียญทอง… ฮ่าๆ ตลกดี” ปู้ฟางเอ่ยเย้ยเสียงเย็นแต่ใบหน้ายังคงนิ่งสนิท

ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสง มันมองปู้ฟางจากนั้นก็มองเด็กหนุ่ม

“ไอ้บ้านนอก อย่าโลภมากนักเลย แค่ข้าสนใจหุ่นเชิดนี่ก็นับเป็นบุญของเจ้านักหนาแล้ว!” เด็กหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แค่เขาเสนอจะซื้อหุ่นเชิดซอมซ่อนี่ด้วยราคาพันเหรียญทองยังไม่มากพออีกหรือ เดี๋ยวนี้พวกบ้านนอกหัดโลภมากตั้งแต่เมื่อไรกัน

ปู้ฟางมุ่นคิ้วเม้มปาก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “หยุดไร้สาระเสียที ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าไม่มีเงินพอจ่ายหรอก”

ไร้สาระบ้านบิดาเจ้าสิ! เด็กหนุ่มจ้องอีกฝ่ายตาเขียวพลางโบกมือเพื่อเรียกเหรียญทองถุงใหญ่ออกมา เขาโยนเหรียญทองลงบนพื้นดังปัง เหรียญข้างในไหลออกจากปากถุงที่เปิดออกทันที

“อะ เอาไปสองพันเหรียญทอง มากพอหรือยัง ท่านแม่ข้าบอกเสมอว่าอย่าริอ่านเป็นคนโลภมากไม่รู้จักพอ” เด็กหนุ่มเย้ย

ปู้ฟางผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็ยื่นมือมาตบศีรษะเด็กหนุ่ม “เลิกเล่นขายของได้แล้ว หุ่นเชิดนี่ใช้เหรียญทองซื้อไม่ได้หรอก”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง จากนั้นก็จ้องมองฝ่ามือปู้ฟางที่อยู่บนศีรษะตัวเองเหมือนกำลังอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เขางงเป็นอันมาก… ว่าตนไปสนิทกับหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไร

แต่ตอนนั้นเองเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เด็กหนุ่มมองชายตรงหน้าที่ดีดนิ้วเรียกผลึกประกายระยิบระยับออกมาวางในมือ

ปู้ฟางประกาศเสียงเรียบ “หากอยากซื้อก็ต้องใช้สิ่งนี้”

ผลึก… หลอกข้าเล่นหรืออย่างไรกัน ไอ้หุ่นเชิดนี่มันจะไปมีค่าเป็นหน่วยผลึกได้อย่างไรกัน

“เจ้าพูดบ้าอะไร…” เด็กหนุ่มถามอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย

แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ปู้ฟางก็โยนผลึกในมือใส่เจ้าขาวทันที ผลึกนั้นหมุนวนเป็นวงกลมกลางอากาศ ก่อนจะตกลงไปในช่องท้องที่เปิดออกของเจ้าขาวพร้อมเสียงดังแคร้ง

“ครืด——”

ท้องของเจ้าขาวปิดลงอีกครั้งพร้อมด้วยเสียงผลึกถูกบดเป็นผุยผง ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ขนลุกซู่ขึ้นมารวมถึงเด็กหนุ่มแสนยโสผู้นี้ด้วย หุ่นเชิดโลหะนี่… กินผลึกเป็นอาหารเช่นนั้นรึ!

“ข้าถึงบอกอย่างไรว่าเจ้าซื้อไม่ไหว ใครที่รู้จักข้าดีย่อมรู้ว่าเรื่องการเกทับนั้นข้าไม่ถนัดเป็นที่สุด” ปู้ฟางลูบท้องอ้วนกลมสีขาวของเจ้าขาวพลางพูดเสียงเรียบ

จากนั้นเขาก็เดินจากคณะนั้นมาพร้อมหุ่นเชิดคู่ใจ

ตอนที่ร่างของปู้ฟางเกือบจะลับสายตาไป เด็กหนุ่มก็เรียกสติกลับมาได้ในที่สุด ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นทันที

“เจ้านั่นเป็นใครกัน หุ่นเชิดที่กินผลึกเป็นอาหาร ช่างน่าตื่นตาตื่นใจอะไรเช่นนี้! หากเขามีผลึกติดตัว… ก็แปลว่าไม่ใช่คนจนน่ะสิ! หรือว่าจะเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิดที่ท่านลุงใหญ่เชิญมาที่บ้าน”

“นายน้อยอวี่ ท่านผู้นี้เป็นสหายของแม่นางเยียนอวี่ขอรับ ทางเราจัดห้องลับตาให้เขาพักอาศัย…” ข้ารับใช้ที่รู้เรื่องราวทั้งหมดก้มลงเล่าเรื่องให้เด็กหนุ่มฟัง

“จะบ้ารึ! จัดห้องห่วยๆ นั่นให้คนเข้าไปนอนเนี่ยนะ หากเขาเป็นสหายของพี่หญิงเยียนอวี่ จะให้ไปนอนในห้องเน่าๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน ไอ้โง่หน้าไหนเป็นคนตัดสินใจเนี่ย เจ้า ไปจัดเตรียมห้องที่ดีที่สุดให้พี่ชายคนนั้นเดี๋ยวนี้!” เซียวอวี่ไม่พอใจเป็นอันมากเมื่อได้ยิน เขาชักสีหน้าพลางดุข้ารับใช้คนนั้นทันที

ใบหน้าของข้ารับใช้พลันแข็งทื่อ เขารีบรุดออกไปปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

เซียวอวี่หยิบถุงเหรียญทองขึ้นมาจากพื้น ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็เดินต้อยๆ ตามปู้ฟางไปเหมือนสุนัขตัวน้อยติดตามเจ้าของ

“ศิษย์พี่ที่น่าเคารพ ราคานี้เรายังต่อรองกันได้หรือไม่ขอรับ… ท่านคิดว่าสิบผลึกเป็นอย่างไร หรือว่าจะยี่สิบผลึกดี”

ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลเซียวอยู่ในตึกที่เก่าแก่กว่าใครเพื่อน ตึกนี้มีมาตั้งแต่ตระกูลเซียวย้ายถิ่นฐานมาที่เมืองนครใต้เป็นครั้งแรก สาแหรกตระกูลเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกิจการในเมืองนครใต้ก็แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปจนมั่งคั่งพอให้สร้างตึกใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย มีเพียงตึกเก่าตึกนี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเมื่อชั่วอายุคนแรก

เซียวเยียนอวี่ผลักประตูซ่อมซ่อของห้องโถงพลางก้าวเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD