ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 253

บนชายหาดของเกาะมหายาน

จ๋อม แจ๋ม จ๋อม!

คลื่นพิโรธซัดเข้าปะทะโขดหินริมตลิ่ง ทิ้งฟองสีขาวสาดกระเซ็นเป็นทาง น้ำทะเลระเหยกลายเป็นไอยามเมื่อลมทะเลพัดมา

ร่างกำยำด้วยมัดกล้ามยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ไม่ไกลออกไปนัก ชายผู้นี้มีคิ้วชี้ขึ้น ดวงตาเป็นประกายทั้งยังเพียบพร้อมด้วยกลิ่นอายความสูงศักดิ์ของชนชั้นปกครอง

จีเฉิงอวี่มองไปยังมหาสมุทรที่ทอดยาวสุดสายตา สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนผ่อนลมออกช้าๆ

เสียงฝีเท้ากรอบแกรบดังขึ้นเบื้องหลัง เป็นเจ้ารู่เก๋อในชุดสีขาวที่กำลังเดินตรงมานั่นเอง ลมทะเลพัดกระโชกแรง ส่งให้ชุดคลุมยาวของชายหนุ่มโบกสะบัด เส้นผมถูกกระแสลมตีจนพันกันยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

เจ้ารู่เก๋อไม่ชอบหมู่เกาะเอาเสียเลยเนื่องจากมันติดทะเล ลมก็แรงเกินไป แรงเสียจนเรียกได้ว่าพุ่งเข้ามาตบหน้ากันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นเค็มของน้ำทะเลที่ลมหอบมาด้วยก็เป็นสิ่งที่เขาทานทนไม่ได้ ชายหนุ่มคิดถึงนครหลวงที่หรูหราฟู่ฟ่าและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเอามากๆ

“ข้ายินดีด้วยที่ท่านฟื้นฟูพลังปราณกลับมาได้ ทั้งยังบรรลุขั้นปราณอีกด้วยราชาอวี่!” เจ้ารู้เก๋อผสานมือคารวะพลางโค้งคำนับให้จีเฉิงอวี่ ใบหน้าชายหนุ่มเปื้อนรอยยิ้มมีไมตรีจิต

จีเฉิงอวี่ค่อยๆ หันกลับมามองเจ้ารู่เก๋อ สายตาคมกริบเหมือนสายฟ้าฟาด

“บอกเหตุผลที่เจ้ากับบิดาของเจ้าพยายามแทบตายเพื่อช่วยข้ามาเสีย พวกเจ้าทั้งสองต้องการสิ่งใดกันแน่” ไม่ว่าจะทำเช่นใดจีเฉิงอวี่ก็กำจัดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจออกไปไม่ได้เสียที เจ้ามู่เฉิงดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งเกาะมหายาน จากที่เขาจำได้แม้สำนักของคนผู้นี้จะถือว่าแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเทียบไม่ได้… เมื่อถึงคราวต้องต่อกรกับจักรวรรดิวายุแผ่ว

ทว่าทันทีที่เขาก้าวเข้าเกาะมหายาน ชายหนุ่มก็รู้ซึ้งแล้วว่าพลังที่แท้จริงของสำนักนี้น่ากลัวเพียงใด

“ข้าเองก็หาทราบไม่ เพียงแต่ทำตามคำสั่งของบิดาเท่านั้น อีกอย่าง… หากพวกข้าช่วยให้ท่านได้ขึ้นครองบัลลังก์ของจักรวรรดิวายุแผ่ว ท่านเองก็ต้องตอบแทนพวกข้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้ว เช่นนั้นก็แปลว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายมิใช่หรือ พวกเราก็แค่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น” เจ้ารู่เก๋อหันหน้าไปทางมหาสมุทรกว้างใหญ่พลางคลี่ยิ้มบาง

เกาะมหายานนั้นไม่ใช่เกาะเล็กๆ ทั้งยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังปราณปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีภูเขาสูงใหญ่และทะเลสาบสวยงาม นับเป็นทัศนียภาพที่น่าประทับใจ

“ราชาอวี่ ในเมื่อท่านฟื้นฟูพลังปราณกลับมาได้แล้ว ก็ได้เวลาที่ท่านจะต้องเดินทางกลับแผ่นดินใหญ่เสียที… พวกข้าตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อม ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว แต่แน่นอนว่า… หากท่านต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถส่งสารมาที่เกาะมหายานของเราได้ พวกข้าจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีในการช่วยเหลือท่าน”

กลับแผ่นดินใหญ่เช่นนั้นรึ แววดำมืดเศร้าหมองวาดผ่านดวงตาของจีเฉิงอวี่ มุมปากของเขากระตุกขึ้น ใช่แล้ว… ถึงเวลากลับเสียที!

“อ้อ จะว่าไปข้ามีข่าวมาแจ้งท่านด้วย ไอ้ขันทีที่เฝ้าสุสานหลวงคนนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ท่านหนีออกมาได้ เขาจึงออกจากนครหลวงมาเพื่อจับตัวท่านกลับไป… ระหว่างทางกลับแผ่นดินใหญ่ท่านอาจเจอเขาก็เป็นได้ ข้ามาแจ้งข่าวก่อนท่านจะได้ตั้งตัวทัน”

เหลียนฟู่… ใช่แล้ว อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็เป็นถึงขั้นนักพรตยุทธการ ทว่า… ชายหนุ่มเองก็อยากรู้นักว่าผู้ที่มีปราณระดับเจ็ดนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใดในการต่อสู้

ใบหน้าของจีเฉิงอวี่นิ่งสนิทขณะมองไปยังมหาสมุทรไร้ขอบเขต

ในที่สุดสถานการณ์นอกกำแพงเมืองนครใต้ก็สงบลงเสียที

ความสงบนี้ทำให้หลายคนกลับมาหายใจทั่วท้องได้อีกครั้ง บรรดาชาวเมืองเบื้องหลังกำแพงเมืองต่างพากันลูบอกพร้อมยิ้มอย่างโล่งใจ

ฉางซานนอนคว่ำอยู่บนกำแพงเมืองด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แตกต่างจากอารมณ์ของฝูงชนด้านล่างโดยสิ้นเชิง

ชายวัยกลางคนมองลงไปด้านล่าง เห็นเงาตะคุ่มของอสูรเวทใหญ่ยักษ์อยู่ในแม่น้ำมังกร เงานั้นปล่อยพลังกดดันน่ากลัวออกมาจนทำเอาเขาหายใจแทบไม่ออก… อสูรเวทระดับเจ็ดนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง!

“พับผ่าสิ… ไอ้ยักษ์นี่มันเล็ดลอดเข้ามาในนี้ได้อย่างไรกัน” ฉางซานต่อยกำแพงอิฐด้วยความคับแค้นใจ เขาไม่ได้ใช้พลังปราณจึงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่กำปั้นทันที

ชายวัยกลางคนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอสูรเวทตัวนี้ดี ปลาอสูรมังกรพินาศระดับเจ็ด เป็นอสูรเวทร้ายกาจก้าวร้าวที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรไร้ขอบเขต อสูรเวทชนิดนี้ไม่ควรจะมาโผล่ในแม่น้ำมังกรเด็ดขาด

ฉางซานเดินไปตามแนวกำแพงช้าๆ จากนั้นก็ลงจากกำแพงเมืองไป เขามุ่งหน้าไปทางที่ว่าการของเมืองนี้พร้อมทหารในอาณัติเพื่อแจ้งให้เจ้าเมืองนครใต้ทราบ

แม้ปลาอสูรมังกรพินาศจะสงบลงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าอสูรร้ายนี้จะกลับมาอาละวาดอีกเมื่อไร ในเมื่อแม่น้ำมังกรเป็นคูเมืองที่ล้อมเมืองนครใต้เอาไว้ทุกด้าน หากประตูเมืองต้องปิดตายหมดทุกบาน เมืองนครใต้ย่อมถูกโดดเดี่ยวจากโลกภายนอกทันที

และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย

ณ คฤหาสน์ตระกูลเซียวซึ่งตั้งอยู่ในย่านที่หรูหราที่สุดของเมืองนครใต้ไม่ไกลจากที่ว่าการเมือง ตระกูลเซียวเป็นหนึ่งในตระกูลร่ำรวยที่ครอบครองธุรกิจมากมายในเมืองนครใต้เอาไว้เกือบหมด และมีชื่อเสียงเลื่องลือโด่งดังเป็นอันมาก แม้พื้นเพของตระกูลเซียวในเมืองนครใต้จะด้อยกว่าเมื่อเทียบกับตระกูลอื่น แต่เมื่อมีเซียวเหมิงอยู่ทั้งคน ตระกูลมั่งคั่งอื่นๆ ย่อมต้องเกรงใจให้เกียรติตระกูลเซียวไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง

“เยียนอวี่ เจ้าจะพาไอ้หนุ่มนี่กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเซียวจริงน่ะรึ นายท่านจะไม่พอใจเอานะ” ดวงตาของเซียวเคอเฉิงฉายแววดูแคลนเมื่อมองไปทางปู้ฟางผู้ที่เดินตามมาข้างหลังอย่างสบายอารมณ์ เขาคิดว่าหมอนี่จะต้องเข้าหาเยียนอวี่เพราะถูกอำนาจเงินตราของตระกูลเซียวดึงดูดเป็นแน่

“ท่านอาสาม ข้าเคารพท่านในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเรา แต่เถ้าแก่ปู้เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของข้ามาช้านาน แล้วข้าจะชวนเขาไปด้วยในฐานะแขกมิได้หรือ อย่าหาว่าข้าทำกิริยาไม่งามข้ามหน้าข้ามตาก็แล้วกันหากท่านยังมาคอยถามเรื่องไม่มีสาระเช่นนี้อีก” เซียวเยียนอวี่มองเซียวเคอเฉิงด้วยสายตาจริงจัง ก่อนประกาศออกมาอย่างเย็นชา

เซียวเคอเฉิงใจกระตุก เขารู้สึกกระสับกระส่ายไม่น้อย ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าเหตุใดเซียวเยียนอวี่จึงปกป้องไอ้หนุ่มคนนี้

“เช่นนั้นก็ได้! ข้าจะสั่งให้คนจัดห้องให้เขาก็แล้วกัน นายท่านกำลังรอเจ้าอยู่ที่ห้องโถง รีบไปหน่อยเล่า” ใบหน้าของเซียวเคอเฉิงอ่อนลงเล็กน้อยขณะเอ่ยตอบหญิงสาว

เมื่อเดินเข้าคฤหาสน์ตระกูลเซียวมา ไม่ว่าใครก็ต้องสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างที่พักของตระกูลเซียวในเมืองนครใต้กับในนครหลวง ต้นกำเนิดของตระกูลเซียวนั้นเดิมอยู่ที่เมืองนครใต้ แม้ทรัพย์สมบัติชื่อเสียงที่พวกเขาสั่งสมมาจะไม่เพิ่มพูนยาวนานเท่าตระกูลที่เก่าแก่กว่า แต่ก็ยังจัดเป็นผลงานชิ้นเอกของคนหลายชั่วอายุ ความยิ่งใหญ่ของตระกูลเซียวเป็นสิ่งที่ถึงอย่างไรก็มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด

สถาปัตยกรรมภายในนั้นเรียบง่ายสวยงาม มีพื้นที่กว้างขวางและเส้นทางคดเคี้ยวมากมายจนอาจทำให้หลงทางได้ง่ายๆ

เซียวเยียนอวี่ขอตัวจากปู้ฟางแล้วเดินไปยังห้องโถงพร้อมคนอื่นๆ นางกำชับให้คนจัดเตรียมห้องเอาไว้ให้ปู้ฟางได้พักอาศัย

เซียวเคอเฉิงมองปู้ฟางด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็โบกมือปัดพลางหันหลังเดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD