นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว
จีเฉิงเสวี่ยนั่งอยู่ลำพังในท้องพระโรง มือกำจดหมายแน่นจนมันยับย่น ดวงตาสีแดงก่ำเบิกกว้างขณะจ้องมองกระดาษตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
ผ่านไปพักใหญ่จนเมื่อใจที่ถูกบีบรัดก่อนหน้านี้เริ่มคลายลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงกับพนักบัลลังก์ราวกับว่าพลังงานในร่างถูกดูดไปจนหมดสิ้น
จดหมายหล่นจากมือปลิวลงบนพื้น
“ขะ… ขันทีเหลียนฟู่ตายแล้ว” จีเฉิงเสวี่ยพึมพำออกมา สีหน้าขมขื่นดวงตาหม่นแสง ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เหตุใดเขาจึงอนุญาตให้ขันทีเหลียนฟู่ออกไปทำภารกิจตามล่าตัวจีเฉิงอวี่เพียงลำพังกัน เพราะมันไม่ต่างจากส่งให้อีกฝ่ายไปพบจุดจบเลยแม้แต่น้อย
ขันทีเหลียนฟู่เป็นผู้ฝึกตนระดับเจ็ดที่คอยปกป้องนครหลวงมาตั้งแต่รัชสมัยของจักรพรรดิฉางเฟิ่ง การมีเหลียนฟู่อยู่ทำให้วังหลวงปลอดภัยหายห่วง เพราะเขากับแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงผนึกกำลังกันพิทักษ์ปกป้องนครหลวง คอยป้องกันการรุกรานจากสำนักต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่าตอนนี้…หัวหน้าขันทีเหลียนฟู่ ผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการสิ้นชีพเสียแล้ว
ปัง!
จีเฉิงเสวี่ยใช้หมัดต่อยบัลลังก์ด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าเจือทั้งความเสียใจและเดือดดาล ดวงตาแดงก่ำด้วยริ้วเลือด ชายหนุ่มขบฟันแน่นจนกรามขึ้นสัน
“ไอ้สารเลวจีเฉิงอวี่… ไม่ว่าเราสองคนจะมีความแค้นอะไรกัน แต่หัวหน้าขันทีเหลียนฟู่ก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่เห็นเรามาแต่เล็กแต่น้อย เจ้ายังกล้าสังหารเขาได้!”
จีเฉิงอวี่ย่อมมีส่วนในการตายของเหลียนฟู่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เหลียนฟู่ออกไปตามจับตัวจีเฉิงอวี่ และทันทีที่ชายชราพบร่องรอยแรกของหมอนั่น เขาก็ถูกสังหาร
ขุมกำลังที่จีเฉิงอวี่สั่งสมไว้แข็งแกร่งพอที่จะกำจัดขั้นนักพรตยุทธการเลยหรือ หรือว่าหมอนั่นจะไปเข้าพวกกับสำนักที่กล้าแกร่งเกินจะต้านทานกัน
ในอดีตจีเฉิงอวี่ก็เคยร่วมมือกับสำนักสุขสามัคคี สำนักวังกระดูกขาวและสำนักอื่นๆ มาก่อน หรือตอนนี้เขาจะไปจับมือกับสำนักทรงพลังบางแห่ง…เพื่อมาบ่อนทำลายจักรพรรดิวายุแผ่ว
การตายของเหลียนฟู่ทำให้จิตใจของจักรพรรดิหนุ่มเครียดขึง หัวใจเต้นถี่รัวรุนแรง
“กราบทูลฝ่าบาท ท่านแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” เสียงขันทีคนหนึ่งดังมาจากด้านนอกท้องพระโรง
“ให้เข้ามาได้!”
เสียงของจักรพรรดิหนุ่มยังไม่ทันเลือนหายไป ร่างหนาร่างหนึ่งก็สืบเท้าเข้ามาที่ใจกลางท้องพระโรง
เซียวเหมิงเหลือบมองดวงตาแดงก่ำของจีเฉิงเสวี่ยพลางถอนหายใจอยู่ในอก การตายของเหลียนฟู่นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กแม้แต่น้อย การสิ้นชีพของผู้ฝึกต้นขั้นนักพรตยุทธการนับเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงของจักรวรรดิ ทว่าเมื่อเทียบกับข่าวของเขาแล้วนั้น…
“ท่านจักรพรรดิ ข้าเพิ่งได้รับข่าวด่วนมา แคว้นหางหยาง แคว้นเจี้ยนหยาง แคว้นซั่งเสวียน และแคว้นใหญ่ๆ อีกหลายแคว้นกำลังตกอยู่ภายใต้การรุกรานของอสูรเวท ทำให้มีคนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตมากมาย เมืองประจิมเร้นลับเองก็ถูกอสูรเวทระดับเจ็ดโจมตี มีผู้บาดเจ็บล้มตายไม่น้อยเช่นกัน…”
จีเฉิงเสวี่ยที่ยังคงเศร้าโศกกับการตายของเหลียนฟู่ปวดศีรษะขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข่าวร้ายนี้
เมืองใหญ่หลายเมืองถูกโจมตีในเวลาเดียวกันเช่นนี้ อีกไม่นานมหันตภัยต้องแพร่ขยายไปทั่วอาณาจักรวายุแผ่วเป็นแน่
เหตุใดจู่ๆ เหล่าอสูรเวทจึงออกมาเพ่นพ่านโจมตีผู้คนชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ยกัน อสูรเวทเหล่านั้นอยู่ร่วมกับมนุษย์ด้วยดีมาตลอด ทำไมถึงได้มาก่อปัญหาเอาตอนนี้ จีเฉิงเสวี่ยไม่อาจกล่อมให้ตัวเองเชื่อได้สักนิดว่าไม่มีแผนการร้ายอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
จริงอยู่ที่ฤดูผสมพันธุ์ซึ่งใกล้จะมาถึงทำให้เหล่าอสูรเวทฉุนเฉียวได้ง่าย แต่ในประวัติศาสตร์ก็แทบไม่มีเหตุการณ์ที่พวกมันเข้าโจมตีเมืองต่างๆ ของมนุษย์พร้อมกันเช่นนี้
“ท่านแม่ทัพเซียว รีบส่งคนไปตรวจดูสถานการณ์เพิ่มเติม สืบข่าวที่แท้จริงออกมาให้ได้มากที่สุด แล้วก็ส่งกองทัพไปยังเมืองต่างๆ เพื่อปราบเหล่าอสูรเวททั้งหมดโดยเร็ว”
จักรพรรดิหนุ่มนวดขมับพลางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ในขณะนี้
เซียวเหมิงพยักหน้ารับคำ เพ่งมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินออกจากท้องพระโรงไป
จีเฉิงเสวี่ยเม้มปาก พึมพำบางอย่างกับตนเอง จากนั้นก็ยกศีรษะขึ้นพลางถอนหายใจออกมา ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้วที่คนเป็นจักรพรรดิต้องแบกรับภาระมากมายไว้บนบ่า มีคนไม่น้อยมองว่าตำแหน่งนี้คือตำแหน่งที่สวรรค์ประทาน และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองมัน แต่มีใครบ้างที่จะตระหนักถึงหน้าที่อันใหญ่หลวงซึ่งมาพร้อมบัลลังก์หลังนี้
จู่ๆ ชายหนุ่มก็อดนึกถึงอาหารเลิศรสและสุราชั้นเลิศของร้านเถ้าแก่ปู้ขึ้นมาไม่ได้
เขานึกถึงวันที่เรียบง่ายมีอิสระเสรี ที่สามารถละเลียดอาหารอร่อยและดื่มด่ำกับรสสุราได้อย่างสบายใจ
…
ปู้ฟางกลับมาที่ร้านอย่างปลอดภัย พายุรุนแรงค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อลำแสงของวงแหวนปราณสลายหายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD