ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 267

สรุปบท บทที่ 267 อาหารจานไหนหรือที่ท่านร้องเรียนว่าไม่ถูกปาก: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

บทที่ 267 อาหารจานไหนหรือที่ท่านร้องเรียนว่าไม่ถูกปาก – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

ตอนนี้ของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 267 อาหารจานไหนหรือที่ท่านร้องเรียนว่าไม่ถูกปาก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว

จีเฉิงเสวี่ยนั่งอยู่ลำพังในท้องพระโรง มือกำจดหมายแน่นจนมันยับย่น ดวงตาสีแดงก่ำเบิกกว้างขณะจ้องมองกระดาษตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

ผ่านไปพักใหญ่จนเมื่อใจที่ถูกบีบรัดก่อนหน้านี้เริ่มคลายลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงกับพนักบัลลังก์ราวกับว่าพลังงานในร่างถูกดูดไปจนหมดสิ้น

จดหมายหล่นจากมือปลิวลงบนพื้น

“ขะ… ขันทีเหลียนฟู่ตายแล้ว” จีเฉิงเสวี่ยพึมพำออกมา สีหน้าขมขื่นดวงตาหม่นแสง ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เหตุใดเขาจึงอนุญาตให้ขันทีเหลียนฟู่ออกไปทำภารกิจตามล่าตัวจีเฉิงอวี่เพียงลำพังกัน เพราะมันไม่ต่างจากส่งให้อีกฝ่ายไปพบจุดจบเลยแม้แต่น้อย

ขันทีเหลียนฟู่เป็นผู้ฝึกตนระดับเจ็ดที่คอยปกป้องนครหลวงมาตั้งแต่รัชสมัยของจักรพรรดิฉางเฟิ่ง การมีเหลียนฟู่อยู่ทำให้วังหลวงปลอดภัยหายห่วง เพราะเขากับแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงผนึกกำลังกันพิทักษ์ปกป้องนครหลวง คอยป้องกันการรุกรานจากสำนักต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่าตอนนี้…หัวหน้าขันทีเหลียนฟู่ ผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการสิ้นชีพเสียแล้ว

ปัง!

จีเฉิงเสวี่ยใช้หมัดต่อยบัลลังก์ด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าเจือทั้งความเสียใจและเดือดดาล ดวงตาแดงก่ำด้วยริ้วเลือด ชายหนุ่มขบฟันแน่นจนกรามขึ้นสัน

“ไอ้สารเลวจีเฉิงอวี่… ไม่ว่าเราสองคนจะมีความแค้นอะไรกัน แต่หัวหน้าขันทีเหลียนฟู่ก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่เห็นเรามาแต่เล็กแต่น้อย เจ้ายังกล้าสังหารเขาได้!”

จีเฉิงอวี่ย่อมมีส่วนในการตายของเหลียนฟู่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เหลียนฟู่ออกไปตามจับตัวจีเฉิงอวี่ และทันทีที่ชายชราพบร่องรอยแรกของหมอนั่น เขาก็ถูกสังหาร

ขุมกำลังที่จีเฉิงอวี่สั่งสมไว้แข็งแกร่งพอที่จะกำจัดขั้นนักพรตยุทธการเลยหรือ หรือว่าหมอนั่นจะไปเข้าพวกกับสำนักที่กล้าแกร่งเกินจะต้านทานกัน

ในอดีตจีเฉิงอวี่ก็เคยร่วมมือกับสำนักสุขสามัคคี สำนักวังกระดูกขาวและสำนักอื่นๆ มาก่อน หรือตอนนี้เขาจะไปจับมือกับสำนักทรงพลังบางแห่ง…เพื่อมาบ่อนทำลายจักรพรรดิวายุแผ่ว

การตายของเหลียนฟู่ทำให้จิตใจของจักรพรรดิหนุ่มเครียดขึง หัวใจเต้นถี่รัวรุนแรง

“กราบทูลฝ่าบาท ท่านแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” เสียงขันทีคนหนึ่งดังมาจากด้านนอกท้องพระโรง

“ให้เข้ามาได้!”

เสียงของจักรพรรดิหนุ่มยังไม่ทันเลือนหายไป ร่างหนาร่างหนึ่งก็สืบเท้าเข้ามาที่ใจกลางท้องพระโรง

เซียวเหมิงเหลือบมองดวงตาแดงก่ำของจีเฉิงเสวี่ยพลางถอนหายใจอยู่ในอก การตายของเหลียนฟู่นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กแม้แต่น้อย การสิ้นชีพของผู้ฝึกต้นขั้นนักพรตยุทธการนับเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงของจักรวรรดิ ทว่าเมื่อเทียบกับข่าวของเขาแล้วนั้น…

“ท่านจักรพรรดิ ข้าเพิ่งได้รับข่าวด่วนมา แคว้นหางหยาง แคว้นเจี้ยนหยาง แคว้นซั่งเสวียน และแคว้นใหญ่ๆ อีกหลายแคว้นกำลังตกอยู่ภายใต้การรุกรานของอสูรเวท ทำให้มีคนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตมากมาย เมืองประจิมเร้นลับเองก็ถูกอสูรเวทระดับเจ็ดโจมตี มีผู้บาดเจ็บล้มตายไม่น้อยเช่นกัน…”

จีเฉิงเสวี่ยที่ยังคงเศร้าโศกกับการตายของเหลียนฟู่ปวดศีรษะขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข่าวร้ายนี้

เมืองใหญ่หลายเมืองถูกโจมตีในเวลาเดียวกันเช่นนี้ อีกไม่นานมหันตภัยต้องแพร่ขยายไปทั่วอาณาจักรวายุแผ่วเป็นแน่

เหตุใดจู่ๆ เหล่าอสูรเวทจึงออกมาเพ่นพ่านโจมตีผู้คนชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ยกัน อสูรเวทเหล่านั้นอยู่ร่วมกับมนุษย์ด้วยดีมาตลอด ทำไมถึงได้มาก่อปัญหาเอาตอนนี้ จีเฉิงเสวี่ยไม่อาจกล่อมให้ตัวเองเชื่อได้สักนิดว่าไม่มีแผนการร้ายอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

จริงอยู่ที่ฤดูผสมพันธุ์ซึ่งใกล้จะมาถึงทำให้เหล่าอสูรเวทฉุนเฉียวได้ง่าย แต่ในประวัติศาสตร์ก็แทบไม่มีเหตุการณ์ที่พวกมันเข้าโจมตีเมืองต่างๆ ของมนุษย์พร้อมกันเช่นนี้

“ท่านแม่ทัพเซียว รีบส่งคนไปตรวจดูสถานการณ์เพิ่มเติม สืบข่าวที่แท้จริงออกมาให้ได้มากที่สุด แล้วก็ส่งกองทัพไปยังเมืองต่างๆ เพื่อปราบเหล่าอสูรเวททั้งหมดโดยเร็ว”

จักรพรรดิหนุ่มนวดขมับพลางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ในขณะนี้

เซียวเหมิงพยักหน้ารับคำ เพ่งมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินออกจากท้องพระโรงไป

จีเฉิงเสวี่ยเม้มปาก พึมพำบางอย่างกับตนเอง จากนั้นก็ยกศีรษะขึ้นพลางถอนหายใจออกมา ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้วที่คนเป็นจักรพรรดิต้องแบกรับภาระมากมายไว้บนบ่า มีคนไม่น้อยมองว่าตำแหน่งนี้คือตำแหน่งที่สวรรค์ประทาน และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองมัน แต่มีใครบ้างที่จะตระหนักถึงหน้าที่อันใหญ่หลวงซึ่งมาพร้อมบัลลังก์หลังนี้

จู่ๆ ชายหนุ่มก็อดนึกถึงอาหารเลิศรสและสุราชั้นเลิศของร้านเถ้าแก่ปู้ขึ้นมาไม่ได้

เขานึกถึงวันที่เรียบง่ายมีอิสระเสรี ที่สามารถละเลียดอาหารอร่อยและดื่มด่ำกับรสสุราได้อย่างสบายใจ

ปู้ฟางกลับมาที่ร้านอย่างปลอดภัย พายุรุนแรงค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อลำแสงของวงแหวนปราณสลายหายไป

เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณห้องอาหาร ปู้ฟางก็เห็นลูกค้าหลายคนกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารของตน ส่วนโอวหยางเสี่ยวอี้ก็ยืนหันหลังให้เขาขณะทุ่มเถียงกับชายแก่หนวดขาวรูปร่างท้วมคนหนึ่ง

ใบหน้าของชายร่างท้วมดูใจดีมีเมตตา มองอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อว่าจะโมโหโกรธาใส่ใครได้

ทว่าโอวหยางเสี่ยวอี้ก็ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายไม่ลดละ

ชายแก่หงุดหงิดมากเสียจนระเบิดหัวเราะออกมา “เจ้าหนูนี่ช่างไร้เหตุผลเสียจริง ข้าก็แค่ร้องเรียนเท่านั้น เหตุใดจึงไม่เข้าใจบ้างว่าข้าเดินทางมาไกลขนาดไหน ข้าแค่พูดความจริง แม้อาหารจะรสชาติดี แต่ก็ยังจัดว่าห่างไกลกับความคาดหมายของข้าหลังจากที่ได้ฟังเสียงเล่าอ้างมามากมาย”

โอวหยางเสี่ยวอี้เม้มปาก เตรียมพร้อมจะตอกกลับอีกฝ่าย ตอนนี้เด็กหญิงกลายเป็นผู้พิทักษ์ของร้านไปแล้ว

ทว่าก่อนที่นางจะทันได้อ้าปาก น้ำเสียงสงบนิ่งก็ดังมาจากด้านหลังเสียก่อน

“เสี่ยวอี้ เลิกเถียงได้แล้ว”

ตาแก่ร่างท้วมหรี่ตาลงพลางเงยศีรษะขึ้นมาเผชิญหน้ากับปู้ฟาง ใบหน้าน่าคบหานั้นแดงก่ำ

โอวหยางเสี่ยวอี้ประหลาดใจขึ้นมาทันที นางหันกลับไปมองแล้วก็ได้เห็นร่างเพรียวบางของปู้ฟางพร้อมผมเปียกชื้นบนศีรษะ

“เถ้าแก่ปู้ ท่านกลับมาแล้ว!” ดวงตาของเด็กหญิงเป็นประกาย นางถลาเข้าไปหาชายหนุ่ม แต่แล้วจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงหยุดเท้าลงทันที พลางกลอกตากลมโตน่ารัก พ่นลมออกจมูกใส่ปู้ฟาง

“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะยังจำร้านนี้ได้อยู่!” โอ้วหยางเสี่ยวอี้เบ้ปาก พองลมจนแก้มป่อง

มุมปากของปู้ฟางยกขึ้นน้อยๆ เขาเดินตรงเข้ามาพลางยกมือลูบศีรษะเด็กหญิง จากนั้นก็ปรายตาไปมองตาแก่ร่างท้วม

ชายหนุ่มหรี่ตาสำรวจอีกฝ่าย แม้ความสามารถด้านการต่อสู้ของเขาจะไม่เอาอ่าว แต่ขั้นปราณก็อยู่ในระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ ด้วยขั้นปราณของเขา ชายหนุ่มจึงสัมผัสได้ถึงกระแสพลังน่าเกรงขามที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของชายชราตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

เหอะ… เป็นจอมยุทธ์ทรงพลังแล้วอย่างไรเล่า

“อาหารจานไหนหรือที่ท่านร้องเรียนว่าไม่ถูกปาก” ปู้ฟางเอียงคอ ปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียบราบเรียบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD