ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนนครหลวงพร้อมสายฝน ทำให้บรรยากาศของทั้งเมืองเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ราวกับว่าเป็นเมืองโบราณที่ตั้งตระหง่านอย่างเรียบง่ายอยู่บนดินแดนโล่งร้างว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น
พืชพันธุ์เติบโตเขียวชอุ่มอยู่ภายนอกนครหลวง สองฝั่งของถนนสายหลักเต็มไปด้วยสีเขียว ดอกไม้ชูช่อปล่อยละอองเกสรและกลิ่นหอมล้อไปตามลม
บนถนนสายหลักเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินทางมาจากทุกมุมของอาณาจักรวายุแผ่ว พวกเขาต่างมุงหน้ามายังนครหลวงเพราะที่นี่เป็นทั้งศูนย์กลางการค้า การเมืองและวัฒนธรรม
ห่างไกลไปในท้องฟ้า มีจุดดำจุดหนึ่งที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันเข้ามาใกล้ จุดดำที่ว่าเหมือนเป็นมวลสีดำสนิทที่มุ่งหน้าไปยังนครหลวงด้วยความเร็วไม่ต่างจากสายฟ้าแลบ
ไม่นานนักผู้คนที่สัญจรไปมากันขวักไขว่บนถนนสายหลักต่างก็รู้สึกถึงมวลสีดำที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาต่างรู้สึกอึดอัด เป็นความรู้สึกที่ทุกคนล้วนคุ้นเคยดีเมื่อยามที่เมฆดำลอยมาปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า
บางคนเงยหน้ามองฟ้าด้วยความสับสน และทันทีที่ได้เห็นว่าสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าคืออะไร พวกเขาก็ต่างหวาดกลัวจนขาแข้งอ่อนแรง แทบจะปล่อยปัสสาวะออกมาตรงนั้น
สิ่งที่เข้ามาบดบังท้องฟ้าไม่ใช่เมฆดำครึ้มแต่อย่างใด ทว่าเป็นอสูรเวทขนาดมโหฬาร ปีกที่สยายกางของมันแทบปกคลุมไปทั่วฟ้าเบื้องบน มันแผ่ความกดดันออกมามหาศาล จนทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างล้วนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกลากออกมาจากอก
นั่นมันตัวอะไรกัน
เหล่าคนที่อยู่บนถนนสายหลักต่างพากันหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขารู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงและระแวดระวังไปในคราเดียวกัน คนทั้งหลายกลัวว่าตนจะไปทำอะไรให้อสูรเวทยักษ์ตัวนี้ขุ่นเคืองเข้าแล้วอาจจบชีวิตลงง่ายๆ
ตึง!
อสูรเวทขนาดยักษ์ลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเมืองของนครหลวงพร้อมกระแสลมรุนแรงบ้าคลั่ง เหล่าทหารที่เฝ้าประตูล้วนหวาดผวาใจแทบร่วงเพราะอสูรเวทตรงหน้านั้นใหญ่โตเหลือเชื่อ ดูไม่ต่างอะไรจากภูเขาลูกย่อมๆ แม้แต่น้อย
อสูรเวทดังกล่าวคือมังกรอุทก… ร่างทั้งร่างของมันปกคลุมด้วยเกล็ดที่สะท้อนแสงเป็นประกายภายใต้ความชุ่มชื้นของสายฝน และเมื่อมันขยับปีกเล็กน้อย สายลมรุนแรงก็กำเนิดขึ้นอีกระลอก
ดวงตาที่ใหญ่เท่าตะเกียงของมันกลอกไปมาซ้ายทีขวาที ก่อนหยุดลงที่เหล่าทหารเฝ้าประตูเมือง
โฮก!
เสียงคำรามของมันดังกึกก้องจนแก้วหูแทบขาด ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรีบยกมือขึ้นปิดหูพลางพยายามฝืนตัวเองอย่างยากลำบาก
บนหลังของมังกรมีมนุษย์อยู่คนหนึ่ง ร่างของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดใหญ่จนทำให้ชายผู้นี้ดูเหมือนภูเขาเล็กๆ ไม่มีผิด แววตาของเขาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ผมที่ตัดสั้นชี้ตรงราวกับเป็นเข็มหมุดนับไม่ถ้วน
“นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว… หึ ใครก็ตามที่เป็นคนฆ่าน้องชายข้า ข้าเซี่ยอวี่ผู้นี้จะให้มันชดใช้ให้ได้”
นัยน์ตาของเขาส่องประกายระยับราวกับสามารถมองทะลุทุกอย่างและเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนครหลวง
เขาลูบหัวมังกรอุทกเบาๆ ก่อนจะกระโดนลงมายืนตรงหน้าประตูเมือง
ยันต์แผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นในกระแสลม จากนั้นก็ดูดมังกรอุทกเข้าไป
ชายวัยกลางคนท่าทางน่ายำเกรง หน้าอกเปลือยเปล่าก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในนครหลวง ทหารหนุ่มตัวสั่นเทิ้มคนหนึ่งพยายามเข้ามาปิดทางเข้าไว้ แต่กลับถูกสังหารง่ายๆ ด้วยแรงจากฝ่ามือของอีกฝ่าย
“อาณาจักรวายุแผ่ว… แล้วไหนกันเล่าร้านเล็กๆ ของฟางฟาง” หลังจากฆ่าทหารไปนายหนึ่ง สายตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารของเขาก็กวาดมองเหล่าทหารเฝ้าประตูเมืองทีละคน ก่อนจะไปหยุดลงที่ทหารซึ่งค่อนข้างมีอายุคนหนึ่งที่หวาดกลัวเสียจนเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น
เมื่อถูกสายตามุ่งร้ายเพ่งมองมา ทหารยามที่จิตใจสั่นไหวมาตั้งแต่แรกก็โพล่งสถานที่ตั้งของร้านปู้ฟางออกไปในที่สุด
ตอนนี้ชื่อเสียงของร้านเล็กๆ ของฟางฟางโด่งดังมากในนครหลวง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทหารเฝ้าประตูธรรมดาๆ คนหนึ่งจะรู้จักที่ตั้งของร้านนี้
เซี่ยอวี่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา เขาเอามือไพล่หลังจากนั้นก็ออกเดินไปในนครหลวง เป้าหมายแน่นอนว่าย่อมเป็นร้านเล็กๆ ของฟางฟาง
…
ปู้ฟางนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาเอนศีรษะไปด้านหนึ่งพลางจ้องเซียวเสี่ยงหลงที่ใบหน้าแดงก่ำไม่วางตา เถ้าแก่หนุ่มกำลังควงมีดทำครัวหนักอึ้งเล่มหนึ่งอยู่ในมือ
ผลการทดสอบออกมาเรียบร้อยแล้ว และเซียวเสี่ยวหลงก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ซึ่งไม่ได้ผิดจากที่ปู้ฟางคาดไว้แต่อย่างไร เมื่อดูจากสีหน้าสบายๆ ของเซียวเสี่ยวหลงที่มาถึงร้านสายแล้ว ก็เดาได้ไม่ยากว่าที่ผ่านมาไอ้หนุ่มนี่ทำตัวเอื่อยเฉื่อยทิ้งเวลาไปเฉยๆ ขนาดไหน
เขาโยนมีดทำครัวหนักอึ้งลงไปปักอยู่บนเขียงตรงหน้าเซียวเสี่ยวหลงจนเกิดเสียงทึบๆ ดังฉึก
“เอาละ… วันนี้รวมถึงวันพรุ่งนี้ด้วยเจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ต้องใช้มีดทำครัวเล่มนี้ฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลัก จะหยุดมือได้ก็ต่อเมื่อข้าพอใจแล้วเท่านั้น” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินหายไป ไม่ใส่ใจใบหน้าระทมทุกข์ของเซียวเสี่ยวหลงแม้แต่น้อย
อวี่ฝูมองเซียวเสี่ยวหลงด้วยสายตาสงสาร ครั้งหนึ่งนางเคยแอบลองยกมีดทำครัวของปู้ฟาง แต่แค่จะยกโบกยังยกแทบไม่ขึ้น แล้วนับประสาอะไรกับการจะใช้มันทำอาหารเล่า
เซียวเสี่ยวหลงทั้งเศร้าโศกและขุ่นเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นหลุมที่เขาขุดขึ้นมาเอง ชายหนุ่มทำได้เพียงเพียงปาดน้ำตาแล้วกระโดดลงไปเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD