แผ่นดินไหวรุนแรงส่งให้พื้นดินสั่นไหวไปทั่วบริเวณ เสียงโกรธเกรี้ยวดุดันสะท้อนก้องเข้ามาในร้าน
ปู้ฟางอึ้งไป หรือจะมีคนคิดมาสร้างปัญหาที่ร้านกัน ยังมีไอ้โง่ไม่กลัวตายหน้าไหนกล้าเดินดุ่มๆ เข้ามาก่อเรื่องถึงที่นี่หลังจากเหตุการณ์รุนแรงครั้งล่าสุดด้วยหรือ
จีเฉิงเสวี่ยเองก็นิ่งอึ้งไม่ต่างกัน ทุกคนในร้านล้วนประหลาดใจกันไปหมด
ลูกค้าในร้านต่างรับรู้ถึงความทรงพลังและความน่ากลัวของร้านเล็กๆ ของฟางฟางเป็นอย่างดี มีคนไม่น้อยที่ต้องหลั่งเลือดในตรอกที่เพิ่งซ่อมไปด้านนอกร้าน คนพวกนั้นล้วนเป็นพวกโง่เขลาคิดลองดีกันทั้งสิ้น
ทุกคนในร้านต่างเชื่อว่าคงไม่มีใครในโลกหล้ากล้ามาอวดศักดาในร้านแห่งนี้อีกแล้ว ทว่าผ่านไปไม่เท่าไร ใครบางคนก็คิดมาหาที่ตายถึงที่เสียได้
ปู้ฟางดึงสติกลับมาได้พร้อมสีหน้าที่เรียบเฉยไร้การเปลี่ยนแปลง เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทางเข้าร้าน เงาหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควันหนา เงานี้มีรูปร่างใหญ่โตราวภูเขาย่อมๆ อย่างไรอย่างนั้น
ปู้ฟางจ้องร่างตรงหน้าพลางรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาบอกไม่ถูก
ในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เจ้าขาวสังหารไป… เหมือนจะมีบางคนที่รูปร่างและท่าทางคล้ายคลึงกับคนตรงหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก
เงาตรงหน้ากวัดแกว่งหอกเหล็กไล่กลุ่มควันให้สลายหายไป จนร่างของเขาปรากฏชัดเจนขึ้น คนผู้นี้เต็มไปด้วยมัดกล้าม พลังปราณในกายโคจรอย่างต่อเนื่อง เขาจ้องหน้าปู้ฟางที่อยู่ตรงทางเข้าร้านแล้วยิ้มเยาะออกมา พลางควงหอกในมือแล้วเอาปลายหอกชี้หน้าปู้ฟาง
“เจ้าหรือเจ้าของร้านนี้ เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ฆ่าน้องชายของข้า”
เสียงของชายตรงหน้ากระจ่างชัดเต็มไปด้วยความขู่เข็ญขณะตั้งคำถามกับปู้ฟาง
กระแสลมแรงพัดกรรโชกเข้ามาในร้าน ทว่าร้านนี้ได้รับการปกป้องจากระบบเป็นอย่างดี สายลมจึงมลายหายไปก่อนที่จะปะทะใส่ปู้ฟาง หัวใจของชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะพลังกดดันที่ชายตรงหน้าปล่อยออกมา มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างที่ปู้ฟางไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงครามที่เขาเคยพบเจอก่อนหน้านี้ก็ยังเทียบไม่ติด
เซี่ยอวี่ผงะไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่าปู้ฟางจะยังมีท่าทีสงบนิ่งไม่แยแสทั้งที่เผชิญกับพลังกดดันรุนแรง เป็นไปได้อย่างไรกัน
แม้เซี่ยอวี่จะยังไม่บรรลุขั้นเซียนเทพ แต่ก็บากบั่นมาได้ครึ่งทางแล้ว ตอนนี้พลังปราณเที่ยงแท้ของเขาห่างจากขั้นเซียนเทพเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น ส่วนร่างกายนั้นแข็งแกร่งบรรลุขั้นเซียนเทพไปเรียบร้อยแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ก็ไม่ห่างชั้นกับขั้นเทพเซียนมาก ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับอสูรเวทปราณแก่กล้าในดินแดนป่ารกชัฏ เขาก็อาจสู้ได้ชนิดสมน้ำสมเนื้อ
พลังกดดันที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่ใช่ระดับที่คนธรรมดาทั่วไปจะทานทนได้ แถมเจ้าหนุ่มผู้นี้ก็เป็นเพียงขั้นจักรพรรดิยุทธการเท่านั้น
จักรพรรดิยุทธการเช่นนั้นรึ สำหรับเขาแล้ว การสังหารคนที่มีขั้นปราณเพียงเท่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอานิ้วขยี้มดปลวกสักตัว
“น้องของเจ้าน่ะใคร…” ปู้ฟางถามชายร่างยักษ์ด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อน สิ่งนี้ยิ่งไปกระตุ้นชายที่อยู่นอกร้านให้ขุ่นเคืองใจเข้าไปใหญ่ จนแทบอยากอัดปู้ฟางให้หมอบกระแตเสียเดี๋ยวนั้น
ปู้ฟางเองก็ไม่ได้มีท่าทีเคารพยำเกรงอีกฝ่ายแต่อย่างใด สีหน้าของชายหนุ่มทำเอาเซี่ยอวี่เดือดพล่านเหมือนถูกไฟสุม
เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวจนทำให้พื้นดินแยกออกจากกัน เจ้าทำให้น้องชายข้าตายแต่กลับจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใครเช่นนั้นรึ?!
เจ้าดำที่นอนอืดอยู่มุมร้านกระดกหัวขึ้นมาแล้วปรายตามองชายร่างยักษ์ เห็นได้ชัดว่ามันไม่สบอารมณ์ชายผู้นี้สักเท่าไร
ฟิ่ว…
เจ้าขาวตัวอ้วนรี่มาประจำอยู่ด้านหลังปู้ฟางเรียบร้อย ดวงตาจักรกลที่กะพริบแสงสีแดงของมันจับจ้องไปที่เซี่ยอวี่ไม่วางตา
จีเฉิงเสวี่ยเองก็ยืนขึ้นเช่นกัน ส่วนลูกค้าคนอื่นๆ ต่างพากันตัวแข็งทื่อ
“หึ… ในเมื่อเจ้าปฏิเสธไม่ออกมา เช่นนั้นข้าก็จะทำลายร้านของเจ้าเสีย! อยากรู้นักว่าเจ้าจะทำมาค้าขายอย่างไรได้อีก!”
ท่าทีของเซี่ยอวี่เย็นชา เขากระโดดขึ้นไปด้านบนสุดแรงสูงเกือบสามจั้ง จนดูเหมือนลอยอยู่บนฟ้าได้ ชายร่างยักษ์ยกมือขึ้นมา พลางปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้จำนวนมหาศาลออกมาจากท้องจนมันแผ่ไปทั่วท้องฟ้า กลายมาเป็นฝ่ามือพลังปราณเที่ยงแท้ขนาดมโหฬาร เส้นลายมือที่ปรากฏให้เห็นดูแปลกตาน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เหล่าลูกค้าในร้านต่างรู้สึกหวาดผวา พวกเขาไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน การที่สามารถเรียกพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์บดบังท้องฟ้าได้นั้น… แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการยังทำไม่ได้เลย! หรือว่าคนตรงหน้าพวกเขานั้น…จะเป็นขั้นเทพแห่งสงคราม?!
ให้ตายเถอะ! ขั้นเทพแห่งสงครามรึ!
สีหน้าของปู้ฟางสงบนิ่งขณะจับจ้องร่างของเซี่ยอวี่ที่อยู่บนฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่า อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังมองลงมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ชายร่างยักษ์มั่นใจมากว่าจะสามารถทำลายร้านนี้ได้ง่ายๆ
เขารู้ดีว่าที่ร้านนี้มีอสูรเวทขั้นเซียนเทพอยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ต่อให้เป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพเขาก็กล้าที่จะต่อกรด้วย ในหมู่สามวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ วิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์นั้นกล้าหาญไร้ใครเทียมที่สุดแล้ว
พายุรุนแรงพัดกระหน่ำนำพาพลังกดดันหนักอึ้งมาด้วย บรรยากาศหนักหน่วงรอบตัวทำเอาลูกค้าทุกคนในร้านต่างตัวสั่นเทา ใบหน้าปรากฏความหวั่นวิตกอย่างชัดเจน
พลังปราณเที่ยงแท้ที่แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้านั้นราวกับจะบดขยี้พวกเขาได้ง่ายๆ ช่างน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว
จีเฉิงเสวี่ยเองก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ แต่ในฐานะจักรพรรดิเขาจึงต้องตีหน้าขรึมไร้ซึ่งความกลัวเข้าไว้ แสงสีแปลกตาหมุนวนอยู่ภายในดวงตาของชายหนุ่ม คนผู้นี้คือผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แท้จริง ทั้งยังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง! หากจักรวรรดิได้คนเช่นนี้มาคอยปกป้อง ทั้งเขาและประชาชนทั้งหลายก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD