ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 290

สรุปบท บทที่ 290 แตกกระเจิง: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

ตอน บทที่ 290 แตกกระเจิง จาก ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 290 แตกกระเจิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“เจ้า… กล้าดีอย่างไร!”

เว่ยต้าฝูมองชายร่างกำยำที่ถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วโยนออกจากกระโจม หัวใจของเขาสั่นไหว ส่วนนิ้วมือที่กำลังชี้ออกไปก็สั่นเทา ใบหน้าาดูไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ไอ้หมอนี่มันกล้าดีอย่างไรถึงจับคนโยนออกไป มีเหตุผลกลใดกันถึงได้กล้าทำขนาดนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเด็กหน้าใหม่ที่ไร้ซึ่งเหตุผลถึงเพียงนี้ ทั้งยังโหดร้ายป่าเถื่อนอีกต่างหาก!

เว่ยต้าฝูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขารู้สึกอับอายราวกับโดนตบหน้า ไอ้เศษเหล็กที่ปู้ฟางพามาด้วยไม่ได้แยแสความรู้สึกของเขาแม้สักนิด

ชายร่างกำยำที่ถูกจับโยนออกมาโซซัดโซเซลุกขึ้นยืน ใบหน้ามีทั้งสีเขียวและแดงผสมกันมั่วไปหมด เขารู้สึกแย่เสียจนอยากกระอักเลือดออกมา ไอ้เวรนี่… มันถึงขั้นกล้าฉีกเสื้อผ้าคนอื่นออกเลยหรือ ต้องมุทะลุขนาดนี้เชียว

“ไอ้หนุ่ม… รอก่อนเถิด!” ชายร่างกำยำมองปู้ฟางที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เขาอยากส่งคำพูดเจ็บแสบทิ้งท้ายเอาไว้ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีแสงสีแดงวิ่งผ่านตนเองไป สุดท้ายแม้แต่ก้นของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน ดวงตามองไปที่เจ้าขาวด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

แม้เขาจะเป็นพ่อครัวในหน่วยโรงครัวประจำกองทหาร แต่ก็ยังมีขั้นปราณพอตัว เมื่อจับอาวุธ เขาก็สามารถเป็นทหารออกรบได้เช่นกัน ทว่าตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าขาวเมื่อครู่ แม้แต่จะดูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ก็ยังดูไม่ทัน เนื่องจากถูกจับแก้ผ้าโยนออกมาเสียก่อน

การถูกจับแก้ผ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด หากแต่เป็นการที่เขาไม่รู้เลยว่าตนเองถูกจับแก้ผ้าได้อย่างไรต่างหากที่น่าสะพรึงกลัวสุดขั้วหัวใจ!

ความเงียบเข้าปกคลุมภายในกระโจมอยู่สักพัก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า พ่อครัวจากหน่วยโรงครัวต่างมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ไอ้หน้าใหม่คนนี้มันกล้าโต้กลับเช่นนั้นหรือ คิดว่าแค่ทำอาหารอร่อยสองสามจานแล้วจะทำอะไรก็ได้หรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรมาลงไม้ลงมือกับศิษย์พี่กัน!

“เจ้าหนุ่ม อยากตายหรือ กล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้กับพวกข้าที่เป็นศิษย์พี่”

“ชิชะ! เด็กใหม่ก็เป็นแค่เด็กใหม่อยู่วันยังค่ำ กล้าดีอย่างไรมาโจมตีพวกเรา อยากตัดไม้ทำฟืนไปจนตายหรือ”

“ไอ้เด็กใหม่นิสัยเสีย เห็นทีเราจะต้องสั่งสอนมันเสียหน่อยแล้ว! มิเช่นนั้นมันคงไม่ฃรู้จักที่ต่ำที่สูงเป็นแน่!”

เสียงพูดคุยดังลั่นไปทั่วกระโจมไม่หยุดหย่อน ทำให้ปู้ฟางต้องลืมตาขึ้นมา เขาขมวดคิ้ว สีหน้าดูรำคาญใจ

“ใครที่ส่งเสียงเอะอะ… จับแก้ผ้าแล้วโยนออกไปให้หมด”

ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ปรานี น้ำเสียงของเขาเย็นชาเป็นอันมาก เขาไม่คิดจะทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าคนพวกนี้แม้แต่น้อย

หลายคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาจริงๆ “ฟังวิธีที่ไอ้เด็กนี่มันพูดนะ… ช่างป่าเถื่อนอะไรเช่นนี้ พวกเจ้าไม่คิดเหมือนกันหรือ หรือมันคิดว่าพวกเราไม่มีปัญญาสั่งสอนมันกันแน่”

หลายคนมีสีหน้าดุร้ายขึ้นขณะตะโกนแล้วพุ่งเข้าใส่ปู้ฟาง

ทว่าทันใดนั้น… พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ปกติ หลังจากพุ่งเข้ามา พวกเขาก็รู้สึกราวกับกำลังวิ่งอยู่ในหมู่เมฆเพราะถูกโยนขึ้นในอากาศ ร่างกายพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยวิถีโค้งสวยงาม พวกเขาคิดว่าตนกำลังวิ่งเข้าใส่ปู้ฟางอย่างนักรบ แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นถูกโยนออกห่างจากชายหนุ่มไปเสียได้

“ข้า…”

ตุ้บ ตุ้บ!

เสียงของหนักตกกระทบพื้นดังขึ้นติดต่อกัน ชายสองคนที่ตั้งใจจะจัดการปู้ฟางถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วโยนออกมาเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งสองมองหน้ากันด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะคลานไปบนพื้นอย่างกระอักกระอ่วน

สีหน้าของเว่ยต้าฝูแข็งทื่อเล็กน้อย “กล้าดีอย่างไร!”

ทว่าขณะที่เขากำลังจะเปิดปากสอบสวนปู้ฟาง ชายวัยกลางคนก็เห็นเจ้าขาวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าก่อนจะรู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ เจ้าหุ่นอ้วนยกคอเสื้อของเขาขึ้นมาแล้วจับเขาโยนออกไป ร่างของเขาหมุนคว้างในอากาศ เสื้อเองก็หมุนไปด้วยขณะถูกกระชากออกจากร่าง

ถูกจับแก้ผ้าเฉย… ไอ้บัดซบเอ๊ย!

ตุ้บ… เว่ยต้าฝูอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบเขาทำได้เพียงทำตัวแข็งทื่อ ทันทีที่ตกลงกระแทกพื้น ควาอับอายแสนสาหัสจากการถูกจับแก้ผ้าโยนออกมาก็พุ่งเข้าโจมตีจิตใจ

เสียงคำรามก่นด่าที่ดังอยู่ในกระโจมหยุดชะงักไปทันที ทุกคนดูเหมือนกลายเป็นเป็ดตัวผู้ที่ถูกบีบคอจนเสียงเล็ดรอดออกมาไม่ได้ ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

เว่ยต้าฝู หัวหน้าเว่ย ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารและอาวุโสที่สุดในหน่วยโรงครัว ถูกหุ่นเชิดของปู้ฟางจับโยนออกไปชนิดแก้ผ้าให้เสร็จสรรพแล้วด้วย…

ทุกคนตัวสั่นสะท้าน ดวงตาของหลงไฉดูตื่นเต้นเป็นประกาย

เว่ยต้าฝูคลานไปบนพื้นพร้อมเอามือปิดเป้าของตนเองไปด้วย เขารู้สึกพ่ายแพ้หมดรูป ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังจับใจ

“ไอ้เด็กเวร! รอก่อนเถิด!! ตั้งแต่วันนี้เจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายเลย อยู่ในไอ้กระโจมวัตถุดิบธรรมดาเวรนี่แหละ อย่าแม้แต่จะคิดเชียวว่าจะได้จับวัตถุดิบพลังปราณ!”

“หลงไฉ หัวเราะบ้าอะไรกัน! อยากอยู่ในกระโจมเส็งเคร็งนี่ด้วยรึ!”

เว่ยต้าฝูโกรธจนเริ่มกระทืบเท้าไปมา แต่ก็ไม่กล้าทำแรงนักเพราะกลัวสิ่งที่ปิดไว้จะโผล่ออกมา ทำให้ดูเป็นภาพที่ชวนหัวจนหลงไฉอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ไม่กล้า

“ไสหัวไปให้หมด!” ปู้ฟางลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นมีแววหมดความอดทนเล็กน้อย ตั้งแต่เขามาเป็นพ่อครัวที่หน่วยโรงครัวแห่งนี้ ไอ้เว่ยต้าฝูก็ทำให้ชีวิตของเขายากไม่มีที่สิ้นสุด… ชายหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าไอ้หมอนี่มันพยายามจะทำบ้าอะไรกันแน่

เมืองประจิมเร้นลับเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสามเมืองโบราณของจักรวรรดิ จึงมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจักรวรรดิวายุแผ่ว การทำลายศัตรูให้ราบคาบนั้นเป็นหน้าที่ที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ

บนภูมิประเทศโล่งกว้าง แถวยาวของกองทัพกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างไม่รีบร้อน แถวขอเหล่าทหารนั้นยาวมาก ทุกส่วนประกอบไปด้วยทหารจากหลากหลายกองร้อย โดยมีหน่วยโรงครัวอยู่ด้านหลังสุด เนื่องจากเหล่าพ่อครัวต้องแบกกระทะเอาไว้บนหลัง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว

ดวงอาทิตย์แผดแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า ส่งความร้อนระอุลงมาสู่ผืนโลก ทำให้ภูมิประเทศด้านล่างดูเหมือนกำลังจะสุกเกรียมได้ที่จนถึงขั้นระเหิดกลายเป็นไอได้

หลายคนถูกพิษแดดเล่นงานจนทนไม่ไหวอีกต่อไป

ปู้ฟางแบกกระทะโดยมีเจ้าขาวเดินตามต้อยๆ อยู่ด้านหลัง ระยะห่างระหว่างเขาและหน่วยของเขานั้นมากพอตัว เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้สมาชิกหน่วยโรงครัวกับปู้ฟางกลายเป็นไม่ชอบขี้หน้ากัน ทุกคนทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เว้นไว้ก็เพียงหลงไฉเท่านั้น

ทุกคนตั้งใจจะใช้วิธีนี้ทำให้เขากลายเป็นคนบ้าไร้คนคบเพื่อแก้แค้น

ทุกครั้งที่หลงไฉพูดคุยกับปู้ฟาง เว่ยต้าฝูจะจ้องเด็กหนุ่มตาเขียว จากนั้นหลงไฉก็จะวิ่งหนีไปอีกทาง ทิ้งรอยยิ้มเยาะไว้บนใบหน้าของเว่ยต้าฝูขณะมองไปที่ปู้ฟาง

ปู้ฟางคิดว่าคนผู้นี้นี่ช่างสติวิปลาสเสียจริง…

ครืด ครืด

เสียงล้อรถขนของหนักอึ้งถูกลากไปบนพื้นถนนดังก้องไม่หยุด ส่วนคนทั้งหลายก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินกันต่อไป

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมิด ดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาลอยเด่นอยู่ในแผ่นฟ้าสีดำ

เสียงตะโกนออกคำสั่งทำให้บรรดาทหารหยุดเดินแล้วเริ่มตั้งค่ายพักแรม

หน่วยโรงครัวเองก็กำลังอลหม่านเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องตั้งค่ายของตนเอง ทั้งยังต้องตั้งเตาติดกระทะเพื่อทำอาหารอีกด้วย

ปู้ฟางหยุดอยู่ด้านหลังพลางมองหน่วยโรงครัวที่เริ่มสร้างค่ายอย่างรวดเร็วเป็นระเบียบ ทั้งยังตั้งที่วางกระทะอย่างชำนาญ ชายหนุ่มดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประทับใจเล็กน้อย

คนเหล่านี้เป็นสมาชิกของโรงครัวประจำกองทหารจริงเสียด้วย พวกเขาต้องออกเดินทางเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ จนพรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ และทำทุกอย่างอย่างชำนาญและดูง่ายดาย

ปู้ฟางเองก็เริ่มตั้งกระโจมสำหรับตนเองแล้วตั้งที่วางกระทะเพื่อทำอาหารเช่นกัน

ขณะที่หน่วยโรงครัวกำลังทำอาหารส่งกลุ่มควันโขมงขึ้นไปในอากาศ และขณะที่ทหารนายอื่นๆ กำลังพักผ่อนเพื่อรักษาพลังปราณให้แข็งแกร่ง เสียงแกรกกรากก็ดังขึ้นรอบตัวพวกเขา พุ่มไม้ที่ล้อมค่ายเอาไว้เริ่มส่งเสียงดังออกมา

หัวใจของบรรดาทหารทั้งหลายเริ่มกระตุก มีทหารนายหนึ่งเดินออกไปสำรวจ ทันทีที่ยื่นมือออกไปแหวกพุ่มไม้ดู… เสียงคำรามโหยหวนอย่างดุร้ายของสุนัขป่าก็ดังลอยออกมา ตามมาด้วยร่างยักษ์ที่กระโจนเข้าใส่กัดทหารนายนั้นเข้าอย่างจัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD