ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 294

สรุปบท บทที่ 294 เถ้าแก่ปู้ ช่างบังเอิญจริงๆ: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

สรุปตอน บทที่ 294 เถ้าแก่ปู้ ช่างบังเอิญจริงๆ – จากเรื่อง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet

ตอน บทที่ 294 เถ้าแก่ปู้ ช่างบังเอิญจริงๆ ของนิยายSlice of Lifeเรื่องดัง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ร่างหลายร่างกำลังยืนอย่างผ่าเผยอยู่บนกำแพงเมืองโม่หลัว

หูอี้เฟิงสวมชุดหรูหราสีขาว ทว่าผมกลับถูกรวมไว้ลวกๆ บนแผ่นหลัง ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ของกลุ่มสิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วก็ยืนอยู่ด้านหลังของเขาอีกที

“กลุ่มสิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วไม่เคยเผชิญกับความพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน หากเราหนีหัวซุกหัวซุนอย่างคนขี้ขลาด เหล่าพี่น้องที่พลีชีพไปต้องผิดหวังมากแน่ๆ” ดวงตาของหูอี้เฟิงแดงก่ำ รังสีมุ่งร้ายสะพัดออกจากร่าง ตรงข้ามกับการแต่งกายอันหรูหราของเขาราวหน้ามือเป็นหลังมือ

ตอนนี้กลุ่มสิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วเหลือเพียงเจ็ดคนแล้ว อีกห้าคนสิ้นชีพไปในสนามรบที่สู้รบกับกองทัพของราชาอวี่

“ไอ้จอมยุทธ์ชุดดำที่คุมกองทัพราชาอวี่ผู้นั้น… ต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะลากมันไปลงนรกด้วยกันให้จงได้”

เหล่าพี่น้องอีกหกคนที่อยู่ด้านหลังมีสีหน้าเศร้าโศกและกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเสียใจ ผู้นำกองโจรลำดับเจ็ดที่เสียแขนไปข้างหนึ่งมองเขม็งลงไปยังกองทัพที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองโม่หลัว ประกายบ้าคลั่งสว่างวาบขึ้นมาในดวงตา

…..

ปู้ฟางไม่รู้ตัวว่าถังอิ่นเดินเข้ามาหาเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับกระทะขนาดใหญ่ทั้งสี่ใบ ชายหนุ่มดูนิ่งสงบขณะกำกระบวยไว้ในมือ พลางผสมวัตถุดิบในกระทะใบใหญ่ทั้งสี่เข้าด้วยกัน กลิ่นหอมหวานเข้มข้นลอยออกมาไม่หยุดหย่อน

“เถ้าแก่ปู้ ศิษย์พี่ปู้” สายตาของถังอิ่นดูงุนงงเล็กน้อย เขานึกว่าตนเห็นภาพหลอนไปเอง จู่ๆ เถ้าแก่ปู้จะมาปรากฏตัวในดินแดนภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้อย่างไร

ชายหนุ่มพินิจท่าทางสงบนิ่งของปู้ฟาง พลางรู้สึกว่าท่วงท่าในการทำอาหารของอีกฝ่ายดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง จึงแน่ใจขึ้นมาว่าพ่อครัวที่อยู่ตรงหน้าคือปู้ฟางแน่นอน เพราะตลอดมาท่วงท่าการทำอาหารของเถ้าแก่ปู้นั้นโด่ดเด่นไม่เหมือนใคร

แม่ทัพจูรู้สึกว่าสายตาของถังอิ่นแปลกไป เมื่อมองตามสายตาของอีกฝ่ายเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับอาหารในกระทะขนาดใหญ่ทั้งสี่ ก็แค่คนหนุ่มธรรมดาๆ เองมิใช่หรือ

“ท่านแม่ทัพขอรับ… พ่อหนุ่มนี่ชื่อว่าปู้ฟาง เป็นพ่อครัวใหม่ของโรงครัวประจำกองทหารเรา” เว่ยต้าฝูค้อมตัวเล็กน้อยพลางรีบพูดเสริมขึ้นมา “เจ้าเด็กใหม่นี่เย่อหยิ่งไม่ฟังใคร ข้าเลยให้เขาทำหน้าที่ปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบธรรมดาเพื่อเป็นการดัดนิสัย”

“เด็กใหม่หรือ เป็นธรรมดาที่เด็กใหม่จะเย่อหยิ่งมั่นใจในตนเอง แต่ดูเหมือนพ่อหนุ่มนี่จะมีคุณสมบัติที่จะเย่อหยิ่งได้ ทักษะการทำอาหารของเขา… เถียงไม่ได้เลยว่าไม่ดีงาม” จูเยวี่ยพยักหน้าพลางสูดกลิ่นหอมที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ ใบหน้าแสดงความชื่นชมออกมา

ทันทีที่ถังอิ่นได้ยินเว่ยต้าฝูพูด สีหน้าของเขาก็ยิ่งแปลกแปร่งเข้าไปใหญ่ เขาหันไปมองหัวหน้าพ่อครัวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เย่อหยิ่งไม่ฟังใคร ดัดนิสัยรึ”

“เป็นเช่นนั้น…จริงๆ ขอรับ” สายตาของถังอิ่นทำให้เว่ยต้าฝูหวาดกลัว เขาตอบกลับตะกุกตะกัก

มุมปากของถังอิ่นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาปัดเสื้อผ้าตัวเองให้เป็นระเบียบก่อนจะเดินตรงไปหาปู้ฟาง

จูเยวี่ยกับเว่ยต้าฝูมองหน้ากันด้วยความงุนงง ลางร้ายพุ่งเข้ามาในใจของหัวหน้าพ่อครัว หรือศิษย์พี่ผู้นี้จะรู้จักมักจี่กับเจ้าหนุ่มนั่น หรือเจ้านั่นจะเป็นศิษย์น้องของคนผู้นี้กันนะ

หัวใจของเว่ยต้าฝูเต้นรัว ใบหน้าบิดเบี้ยวขมขื่น

อาหารที่อยู่ในกระทะทั้งสี่เดือดปุด ควันร้อนพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย

จู่ๆ ปู้ฟางก็ยกกระบวยในมือออกจากกระทะ แล้วใช้ฝาไม้ปิดกระทะทั้งหมด กักกั้นกลิ่นหอมเข้มข้นเอาไว้ภายใน

เมื่อจัดการกับกระทะเสร็จ เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วเพิ่งได้เห็นคนสามคนที่เดินตรงเข้ามาหา

เขาจำเว่ยต้าฝูกับจูเยวี่ยได้ ส่วนคนที่เดินมาข้างหน้านั้น… เป็นสหายเก่าแก่ของเขาเอง

“ศิษย์พี่… บังเอิญจริงๆ”

ถังอิ่นเดินตรงไปหาปู้ฟางพลางประสานกำปั้นคำนับ พร้อมเอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยความเคารพนบน้อบ ถังอิ่นเคารพนับถือปู้ฟางมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชายหนุ่มรู้ดีว่าเถ้าแก่ปู้เป็นคนลึกลับ ไม่มีใครเข้าใจคนผู้นี้ได้กระจ่างแม้แต่คนเดียว

ศะ…ศิษย์พี่หรือ

ทันทีที่เว่ยต้าฝูได้ยินถังอิ่นเรียกปู้ฟาง แข้งขาก็ของเขาก็อ่อนยวบหมดเรี่ยวแรง หัวหน้าพ่อครัวแทบลงไปกองอยู่กับพื้น ‘นรกบ้าอะไรกัน เหตุใดผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการถึงเรียกไอ้หนุ่มหน้าอ่อนว่าศิษย์พี่ได้ นี่ไม่ได้เรียนวิธีลำดับญาติสนิทมิตรสหายกันมาหรืออย่างไร’

ปากของจูเยวี่ยอ้าออกน้อยๆ เขาตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด หรือถังอิ่นจะจำเชายหนุ่มผู้นี้สลับกับคนอื่น อย่างไรเสียขั้นปราณของพ่อครัวหน้าใหม่ตรงหน้าก็ดูไม่ได้สูงส่งแต่อย่างใด

“บังเอิญจริงๆ เสียด้วย เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นี่มันค่ายทหารนะ” ปู้ฟางมองหน้าถังอิ่นพลางถามเสียงเรียบ

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มุมปากของถังอิ่นก็ม้วนขึ้นเล็กน้อย “คำถามนี้ข้าต้องถามท่านต่างหาก เหตุใดพ่อครัวอย่างท่านจึงไม่ใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ในร้านของตนเองเพื่อทำอาหารที่ท่านถนัด ท่านมาทำอะไรในกองทัพกันแน่

“ข้ามาร่วมกองทัพเพราะได้รับคำสั่งที่ไม่อาจขัดได้ แต่เถ้าแก่ปู้ในกองทัพเนี่ยนะ แถมยังเป็นกองทัพของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับด้วย มันอยู่ห่างจากนครหลวงตั้งไม่รู้กี่พันลี้”

“ข้ามาเพื่อเรียนรู้การเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ และหาประสบการณ์ในการทำอาหารเพิ่ม เพื่อจะได้ใส่ความรู้สึกลงไปในอาหารที่ทำได้มากขึ้น” ปู้ฟางตอบลอยๆ

เหตุผลที่เขาบอกอีกฝ่ายไปนั้นไร้ซึ่งสาระใดๆ ความจริงที่เขามาที่นี่ก็เพราะจะทำภารกิจของระบบให้สำเร็จและรับรางวัลต่างหาก

แต่ถังอิ่นไม่รู้ความจริงข้อนี้ เมื่อชายหนุ่มได้ฟังคำตอบของปู้ฟาง ความเคารพที่มีต่ออีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปใหญ่ ความรู้สึกนี้ก่อกำเนิดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทักษะการทำอาหารของปู้ฟางจะมาถึงขั้นนี้ได้ นั่นเพราะชายตรงหน้าดูจะท้าทายตัวเองและหมั่นฝึกซ้อมไม่หยุดมือ ทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มพูนทักษะการทำอาหารของตนนั่นเอง

การเป็นพ่อครัวในกองทัพที่ต้องเคลื่อนทัพตลอดเป็นงานที่ยากลำบากมาก เพื่อฝึกฝนทักษะการทำอาการ เถ้าแก้ปู้ไม่ได้ใส่ใจกับความยากลำบากที่ต้องเผชิญในกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับแม้แต่น้อย บุคคลที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเช่นนี้ คนรุ่นเขาควรจะยึดถือเอาเป็นแบบอย่างอย่างแท้จริง

ไม่ว่าจะประกอบสัมมาอาชีพใด หากต้องการประสบความสำเร็จ ความมานะบากบั่นเป็นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้

จูเยวี่ยกับเว่ยต้าฝูตักน้ำแกงขึ้นมาชิมบ้าง หลังจากน้ำแกงลงคอไป พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ จูเยวี่ยนั้นอึ้งไป ส่วนเว่ยต้าฝูเลือกที่จะปิดปากเงียบ

เว่ยต้าฝูรู้ตัวแล้วว่าตนเองพลาดไปมหันต์ ทักษะการทำอาหารของปู้ฟางนั้นล้ำหน้ากว่าที่เขาจินตนาการไว้ไปไกล ชายผู้นี้ถือเป็นบุคคลที่คนอย่างเว่ยต้าฝูได้แต่มองตามหลังเท่านั้น น้ำแกงสี่ขุมทรัพย์ที่อยู่ตรงหน้าเป็นอาหารที่เค้นให้ตายอย่างไรเว่ยต้าฝูก็ไม่อาจปรุงขึ้นได้อย่างแน่นอน

แม้น้ำแกงสี่ขุมทรัพย์จะทำขึ้นจากวัตถุดิบธรรมดา หัวหน้าพ่อครัวก็รู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้นอย่างมากหลังจากได้ดื่มน้ำแกงนี้ เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาได้กินอาหารที่ทำจากวัตถุดิบพลังปราณ

เว่ยต้าฝูรู้สึกขมขื่นใจไม่น้อย

“เยี่ยมไปเลย! เว่ยต้าฝูเอ๋ยเว่ยต้าฝู ทั้งที่ทักษะการทำอาหารของพ่อหนุ่มคนนี้ยอดเยี่ยมดีงาม แต่เจ้ากลับคิดจะฝังกลบพรสวรรค์ของเขาเสียได้ ดูเหมือนว่าสายตาของเจ้าจะย่ำแย่เต็มที ในเมื่อเจ้าชอบฝังกลบคนอื่นนัก จากนี้ไปข้าจะให้เจ้าสลับตำแหน่งกับเจ้าหนุ่มนี่เสีย ต่อไปนี้เขาจะเป็นหัวหน้าพ่อครัวของโรงครัวประจำกองทหาร”

สีหน้าของจูเยวี่ยเคร่งเครียดจริงจังขณะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

ร่างของเว่ยต้าฝูสั่นเทิ้มใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขมขื่น

ถังอิ่นหรี่ตาพลางตักน้ำแกงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจเข้าปากเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าอาการบาดเจ็บภายในค่อยๆ ดีขึ้นทีละน้อย ชายหนุ่มจดจ่ออยู่กับชามน้ำแกงตรงหน้า ไม่ได้หันไปมองจูเยวี่ยที่กำลังลงโทษเว่ยต้าฝูแต่อย่างใด

“ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้สนใจจะเป็นหัวหน้าคน ขอแค่เจ้าเตรียมวัตถุดิบพลังปราณมาให้ข้าก็พอ” ปู้ฟางพูดขัดจูเยวี่ยเพราะไม่ได้ต้องการเป็นหัวหน้าพ่อครัวของโรงครัวประจำกองทหารแต่อย่างใด สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือทำอาหารจานใหม่ไปเรื่อยๆ จะได้ผ่านการพิจารณาของระบบได้เร็วๆ

แต่ไม่ว่าปู้ฟางจะพูดอย่างไร จูเยวี่ยก็ยังยืนกรานคำสั่งของตัวเอง ตอนนี้เว่ยต้าฝูจึงต้องไปประจำอยู่ที่ครัวของวัตถุดิบธรรมดาแทน

พ่อครัวหลายคนของโรงครัวประจำกองทหารเดินเข้ามายกกระทะทั้งสี่ใบออกไปยังกระโจมของเหล่าทหาร แล้วแจกจ่ายน้ำแกงสี่ขุมทรัพย์ให้ทุกคนกินอย่างรวดเร็ว

……

โม่หลินดึงสายบังเหียนของอสูรเวทที่นั่งอยู่ ด้านหลังเขาเป็นกองทัพทหารจำนวนมาก สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังทิศที่ค่ายของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับตั้งอยู่ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นช้าๆ

ร่างที่กำลังถือยันต์ลอยอยู่กลางอากาศ วงแหวนปราณที่เกิดจากยันต์หมุนวนอยู่รอบมือของคนผู้นั้น

“กองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับอยู่ที่นั่น มุ่งหน้าไปถอนรากถอนโคนพวกมันเร็วเข้า ตอนนี้ผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการที่เข้ามาช่วยเหลือคนพวกนั้นกำลังบาดเจ็บอยู่ นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการทำลายล้างพวกมันแล้ว จากนั้นค่อยเดินทางไปยังเมืองโม่หลัวต่อ แล้วพอครองเมืองโม่หลัวได้ ค่อยเริ่มจู่โจมเมืองประจิมเร้นลับ”

แขนเสื้อสีดำของชายชราที่ลอยอยู่กลางอากาศโบกสะบัดตามแรงลม เขาเอ่ยคำสั่งน้ำเสียงเคร่งขรึมให้โม่หลินนำทัพไปโจมตีกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ

ดวงตาของโม่หลินเจิดจ้าขึ้นมาทันที ชายหนุ่มโบกหอกยาวในมือ ก่อนจะตะโกนก้องสั่งการให้ทัพทหารที่อยู่ด้านหลังบุกจู่โจมค่ายของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD