ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 36

สรุปบท ตอนที่ 36 เขาดื่มน้ำอัญมณีทิพย์ ข้าดื...: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

อ่านสรุป ตอนที่ 36 เขาดื่มน้ำอัญมณีทิพย์ ข้าดื... จาก ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 36 เขาดื่มน้ำอัญมณีทิพย์ ข้าดื... คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 36 เขาดื่มน้ำอัญมณีทิพย์ ข้าดื่มหัวใจหยกเยือกแข็ง
ตอนที่ 36 เขาดื่มน้ำอัญมณีทิพย์ ข้าดื…

เสียงห้าวแหบเหมือนกระดาษทรายแฝงไปด้วยไอเย็นดังกังวานไปทั่วร้าน

เจือไปด้วยความกระหายและความปรารถนา

“มีสุราขายแน่นอนอยู่แล้ว” ปู้ฟางพยักหน้าพร้อมเอื้อนเอ่ย เขาอยากละเลียดดื่มด่ำสุราคนเดียว แต่ในเมื่อมีลูกค้ามา ก็จำใจต้องวางจอกลงก่อน

ชายผู้นั้นเดินเข้าร้านมาด้วยความดีใจ นั่งลงที่โต๊ะ แล้วพูดด้วยเสียงแหบห้าว “เถ้าแก่ ข้าขอสุราหนึ่งเหยือกก็แล้วกัน”

ปู้ฟางตอบรับอย่างไร้อารมณ์ด้วยการพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองรายการอาหารบนผนัง มีสามรายการใหม่เพิ่มเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

“สุราหัวใจหยกเยือกแข็ง เหยือกละสิบห้าผลึก”

“สิบห้าเองรึ ไม่แพงเลยแฮะ” ปู้ฟางคิดพลางชะงักแต่ก็เข้าใจเหตุผลได้โดยง่าย แม้สุราหัวใจหยกเยือกแข็งจะเป็นสุราชั้นเลิศ แต่วัตถุดิบที่ใช้หมักก็ไม่ได้แพงเท่าที่ใช้ในอาหารจานอื่น

จุดขายเดียวของมันคือวิธีการบ่มแสนยาวนานน่าเบื่อหรือก็คือกระบวนการหมักเก้ากรรมวิธี วัตถุดิบนั้นจัดว่าธรรมดาดาษดื่นทั่วไป ข้าวที่ใช้เป็นข้าวพลังปราณคุณภาพเยี่ยม แต่ก็ยังจัดว่าด้อยกว่าข้าวไข่มุกที่ใช้ทำข้าวผัดไข่

“ระบบ ราคานี้ไม่ถูกไปรึ” ปู้ฟางถามระบบเงียบๆ

“ราคาที่ระบบตั้งให้นั้นสมเหตุสมผลแล้ว ระบบคิดคำนวณจากวัตถุดิบที่ใช้ กระบวนการ และระยะเวลาในการทำ สุราหัวใจหยกเยือกแข็งจัดว่าเป็นสุราธรรมดาทั่วไป ราคาจึงไม่สูงมากเมื่อเทียบกับสุราผลไม้หรือสุราพลังปราณที่หมักด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ สำหรับสุราธรรมดาทั่วไป สิบห้าผลึกก็จัดว่าแพงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว” ระบบอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ปู้ฟางพยักหน้าเข้าใจ

“สุราหัวใจหยกเยือกแข็งราคาเหยือกละสิบห้าผลึก” ปู้ฟางพูดกับชายในหมวกไม้ไผ่หน้าตาย

“สิบห้าผลึกรึ” ชายผู้นั้นประหลาดใจเล็กน้อย ราคา 15 ผลึกสำหรับสุราหนึ่งเหยือกจัดว่าค่อนข้างไร้สาระเลยทีเดียว แต่เมื่อหันไปมองรายการอาหารทั้งหมด ชายผู้นั้นก็ทำได้เพียงเงียบเสียงลง

หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็ตัดสินใจได้ “ข้าขอเหยือกหนึ่งก็แล้วกัน ก่อนหน้านี้ข้าเดินผ่านตรอกแล้วถึงกับต้องเข้ามาดูเพราะกลิ่นสุราลอยมาเตะจมูก หวังว่าจะคุ้มราคาล่ะ”

ของดีไม่จำเป็นต้องโพนทะนา มุมปากของปู้ฟางยกขึ้นเล็กน้อย

“รับรองว่าไม่ผิดหวัง” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ จากนั้นก็เดินกลับเข้าครัวไปหยิบสุราหัวใจหยกเยือกแข็งจากตู้เก็บมาหนึ่งเหยือก

เหยือกดินเผาไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก มันเล็กกว่าโถที่ใช้ใส่เหล้าปกติเสียด้วยซ้ำ ปู้ฟางวางเหยือกลงตรงหน้าชายในหมวกไม้ไผ่แล้วพูดเสียงเรียบ “นี่สุราที่สั่ง”

ชายผู้นั้นพยักหน้าแล้วค่อยๆ เปิดผ้าคลุมสีดำที่ติดอยู่กับหมวกไม้ไผ่ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่

ปู้ฟางประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นใบหน้าเบื้องหลังผ้าคลุมนั้น เพราะมันดูคลับคล้ายคลับคลาผิดปกติ

ทันทีที่อีกฝ่ายถอดหมวกไม้ไผ่ออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าสง่าหล่อเหลา ดวงตาเจิดจ้าเหมือนดาวระยิบระยับ และริมฝีปากกระจับเป็นรอยยิ้มโดยธรรมชาติ

“นึกออกแล้ว! หมอนี่หน้าเหมือนไอ้หน้าสาวเซียวเสี่ยวหลงเลยแฮะ!”

“เถ้าแก่ เหตุใดจึงมองหน้าข้าเยี่ยงนั้น” ชายในชุดดำหัวเราะในลำคอพลางถามเสียงแหบ

“เจ้าแค่หน้าคุ้นๆ เฉยๆ ไม่มีอะไร ดื่มให้อร่อยล่ะ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านตอบหน้าตาย จากนั้นก็นั่งลงจิบสุราของตนเองเช่นกัน

อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ใส่ใจเจ้าของร้าน ลำคอของเขาขยับเล็กน้อยขณะเปิดผ้าปิดเหยือกออก

กลิ่นสุราเข้มข้นพวยพุ่งออกจากเหยือกทันทีเหมือนภูเขาไฟระเบิด โถมใส่โพรงจมูกตรงดิ่งเข้าสู่หัวใจ ชายหนุ่มดื่มด่ำกับกลิ่นหอมอย่างเต็มที่

เขาเทสุราใส่จอกกระเบื้องสีฟ้าขาวที่ปู้ฟางวางไว้ให้พร้อมกัน สุราในจอกใสบริสุทธิ์เหมือนน้ำในบ่อน้ำพุบนเทือกเขาสูง ปราศจากมลทินแม้แต่น้อย

“สุราชั้นเยี่ยม!” ชายในชุดดำอุทานออกมาเบาๆ อย่างไม่รู้ตัวด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกจอกสุราขึ้นจดริมฝีปาก

ทันทีที่สุราไหลลงคอ รูขุมขนทุกอณูในร่างก็เปิดออก ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาวาววาบ จิตใจเอ่อล้นด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ

เขาต้องมนต์สะกดของกลิ่นหอมและความรู้สึกเหมือนน้ำแข็งและเปลวเพลิงเข้าเสียแล้ว

“สุรานี่เยี่ยมมาก! เทียบได้กับสุราน้ำอัญมณีทิพย์ของวังหลวงเลยทีเดียว!” ชายผู้นั้นเอ่ยชื่นชมอีกครั้ง

ฤทธิ์ของมันแรงเหลือ แต่กลับนุ่มนวลและหอมหวน! ทั้งยังกระตุ้นพลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายให้ไหลเวียนอีกด้วย! ราคาของมันควรสูงกว่าสิบห้าผลึกอย่างแน่นอน!

“ฮ่าๆ! ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอสุราชั้นยอดขนาดนี้ได้ ช่างเป็นโชคของข้าเสียจริง! ตอนนี้คนเหล่านั้นดื่มสุราน้ำอัญมณีทิพย์กันที่วังหลวง ส่วนข้าก็กำลังดื่มสุราหัวใจหยกเยือกแข็งอยู่ที่นี่ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย” ชายในชุดดำหัวเราะร่วน รินสุราอีกหนึ่งจอก แล้วกระดกหมดในรวดเดียว ความเผ็ดร้อนในลำคอทำให้ใบหน้าขาวผ่องแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย

ชายในชุดดำตบโต๊ะดังป้าบ ผลึกนับสิบกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ “เถ้าแก่ ข้ามีเงินจ่ายแน่ เอามาอีกเหยือก”

“นี่เป็นกฎของร้าน สั่งได้แค่คนละเหยือกเท่านั้น” ปู้ฟางยังคงไม่ยี่หระ

ชายผู้นั้นขมวดคิ้ว มือพลันตบลงบนโต๊ะอีกครั้ง กระบี่ห่อเศษผ้าค่อยๆ โผล่ออกจากฝัก

เสียงของกระบี่โลหะสะท้อนไปทั่วร้านเหมือนมังกรคำราม

ชายในชุดดำถือกระบี่เอาไว้ในมือ ชี้ปลายคมกริบมาที่ปู้ฟาง ห่างจากจมูกของเขาเพียงคืบเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มเจ้าของร้านรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกจากปลายกระบี่มรณะ

ร่างทั้งร่างของเขาพลันขนลุกซู่ไปหมด แต่สีหน้ายังคงตายด้าน

“เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าข้าเป็นใคร เหตุใดจึงกล้าไม่เอาสุรามาให้ข้าอีก” ชายผู้นั้นยิ้มพร้อมกระเซ้า

“เหตุใดข้าต้องสนใจด้วยว่าเจ้าเป็นใคร จะก่อความไม่สงบเช่นนั้นรึ” ปู้ฟางตอบเสียงเรียบ แม้ปลายกระบี่จะอยู่ห่างไปเพียงคืบเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด

ชายผู้นั้นพิจารณาปู้ฟางอยู่สักพัก จากนั้นก็เก็บกระบี่กลับเข้าฝัก แล้วห่อฝักกระบี่ด้วยเศษผ้าอีกครั้ง พลังปราณจากกระบี่ที่ส่งบรรยากาศแก่กล้าครอบงำไปทั่วร้านอยู่เมื่อครู่หายไปทันที

“เถ้าแก่นี่ช่างเป็นคนประหลาดเสียจริง นี่สามสิบผลึก ข้าขอจองสุราหัวใจหยกเยือกแข็งหนึ่งเหยือกสำหรับพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ชายในชุดดำพูดกลั้วเสียงหัวเราะ จากนั้นก็ใส่หมวกไม้ไผ่กลับตามเดิม สะพายกระบี่ไว้ข้างหลัง แล้วเดินไปที่ประตูทางเข้าร้าน

เมื่ออยู่ที่ปากประตู เขาก็ถามอีกครั้ง “เถ้าแก่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าข้าคือใคร”

“ข้าไม่รู้และไม่จำเป็นต้องรู้ ใครก็ตามที่เข้ามาในร้านข้าถือเป็นลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น ข้ายินดีต้อนรับทุกคน ตราบใดที่ไม่ก่อเรื่อง” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฮ่าๆ! ดี! ข้ามีนามว่าเซียวเยวี่ยจากสำนักกระบี่มหาสูญ ยินดียิ่งนักที่ได้เรียกเจ้าว่าสหาย!” ชายในชุดดำหัวเราะ ก่อนก้าวออกจากร้าน อันตรธานหายไปพร้อมสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วง

“เซียวเยวี่ยรึ แซ่เซียว…” ปู้ฟางครุ่นคิด แต่ก็พลันเม้มปากและพึมพำกับตนเอง “สำคัญตัวผิดเป็นบ้า ใครยินดีเรียกเจ้าว่าสหายกัน”

ทันทีที่พูดจบ เสียงของระบบก็ดึงก้องขึ้นในศีรษะชายหนุ่ม…

………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD