“สุราน้ำอัญมณีทิพย์เป็นแค่น้ำล้างมือรึ!” ทันทีที่ประโยคนั้นออกจากปากปู้ฟาง บรรยากาศภายในร้านก็พลันหยุดนิ่ง
สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางและเซียวเสี่ยวหลงจ้องปู้ฟางไม่วางตา ทั้งสามเป็นผู้รักการดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ และสุราน้ำอัญมณีทิพย์ก็เป็นสุรารสเลิศที่สุดที่พวกเขาเคยลิ้มลองมา ทว่าปู้ฟางกลับบอกว่า… เป็นน้ำล้างมือ
“ฮ่าๆ! นายท่านตัวเหม็น ท่านพูดได้หล่อเป็นบ้า!” โอวหยางเสี่ยวอี้พูดพร้อมปรบมือชอบใจ นางชื่นชอบความมั่นใจในตัวเองขั้นสุดของปู้ฟางเป็นอันมาก
“จึ๊ หมอนี่มันก็แค่พวกบ้านนอกไม่เคยเข้ากรุง เคยดื่มสุราน้ำอัญมณีทิพย์หรือเปล่าเถอะ ก็แค่พูดมั่วซั่วไม่ได้ความ” เจ้ารู่เก๋อเย้ยอย่างเดียดฉันท์ก่อนเม้มปากแน่น เจ้าของร้านอาหารเล็กๆ อย่างปู้ฟางจะไปเข้าใจความซับซ้อนของสุราอันดับหนึ่งในจักรวรรดิวายุแผ่วได้อย่างไรกัน นั่นมันสุราที่จักรพรรดิเลือกด้วยมือของตนเองจากสุราหลายหมื่นชนิดเชียวนะ
ปู้ฟางขมวดคิ้วมองหน้าเจ้ารู้เก๋อ เขาคุ้นเคยกับพฤติกรรมของหมอนี่เป็นอย่างดี เพราะชายหนุ่มในชุดขาวตรงหน้าเคยพยายามติดสินบนเขาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
“หากเทียบกับสุราข้า… สุราอื่นๆ ก็เป็นแค่ขยะ”
ปู้ฟางพูดด้วยความมั่นใจสูงเสียดฟ้า เขาเชื่อมั่นในสุราหัวใจหยกเยือกแข็งอย่างเต็มเปี่ยม
“เถ้าแก่ปู้ ท่านมีสุราขายแล้วรึ” เซียวเสี่ยวหลงตาเป็นประกาย ใบหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
ปู้ฟางชี้มือไปที่รายการอาหารเบื้องหลังตนโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อทันทีแล้วหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง…
“ซื้ดดด~”
เสียงนั้นเป็นเสียงสูดลมเข้าปากของเจ้ารู่เก๋อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เหยียบเข้ามาในร้าน และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรายการอาหารของร้านกับตาตนเอง แม้เขาจะได้ยินเรื่องราคาแพงแสนแพงของร้านนี้มามาก แต่ก็ยังต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อได้มาเห็นกับตา
โอวหยางเสี่ยวอี้กลอกตาใส่ทันที ไอ้หมอนี่มันบ้านนอกเข้ากรุงแท้ๆ… ต้องตกใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“สุราหัวใจหยกเยือกแข็ง เหยือกละสิบห้าผลึก” เซียวเสี่ยวหลงอ่านเสียงเบา
“อาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้นี่แพงเหมือนเดิมเลยจริงๆ “ เซียวเยียนอวี่อุทานด้วยเสียงไพเราะ ราคาเหยือกละสิบห้าผลึกนั้นแพงกว่าสุราน้ำอัญมณีทิพย์ที่ราคาเพียงห้าร้อยเหรียญทองอยู่มากโข
แค่เทียบราคาของสุราทั้งสองชนิด สุราน้ำอัญมณีทิพย์ก็ดูเป็นเพียง… น้ำล้างมือจริงๆ เสียด้วย
“เหยือกละสิบห้าผลึกรึ เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร แน่ใจรึว่าสุราของเจ้ามันสมราคาน่ะ” เจ้ารู่เก๋อไม่อยากเชื่อสายตาตนเองแม้แต่น้อย สุราน้ำอัญมณีทิพย์ราคาเหยือกละห้าร้อยเหรียญก็จัดว่าแพงหูฉี่จนไม่อยากจะจ่ายแล้ว แต่สิบห้าผลึกนี่… ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ !
“เถ้าแก่ปู้! ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้ว เอามาเลยเหยือกหนึ่ง! ต้องขอบคุณการมองการณ์ไกลของข้าที่ทำนายเอาไว้ไม่ผิดว่าสุราของเถ้าแก่ปู้ต้องราคาไม่ธรรมดาแน่ ข้าจึงเอาผลึกมาเยอะสุดๆ” เซียวเสี่ยวหลงพูดกับปู้ฟางด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เถ้าแก่ปู้ เราสามคนขอเหยือกหนึ่งเช่นกัน! หากปลาดองเหล้าอร่อยถึงเพียงนั้น สุราเหยือกนี้ก็ต้องเลิศล้ำสุดยอดเช่นเดียวกัน!” โอวหยางเจินพูดอย่างไม่คิดอะไรมาก
เจ้ารู่เก๋อเลิกคิ้วมองเซียวเสี่ยวหลงและสามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางด้วยความประหลาดใจ เจ้าพวกนี้ยอมจ่ายเงินซื้อสุราราคาแพงนี้จริงๆ เสียด้วย… หรือว่าสุรานี้จะยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ
ชายหนุ่มตัดสินใจได้ทันที เขากัดฟันพูด “ข้าขอเหยือกหนึ่งด้วยแล้วกัน!”
“หึ! มาดูกันว่าสุราจากร้านรูหนูนี่จะสมราคาสิบห้าผลึกหรือไม่!” เจ้ารู่เก๋อคิด
“โทษที วันหนึ่งเรามีสุราหัวใจหยกเยือกแข็งขายเพียงสามเหยือกเท่านั้น หากอยากดื่มก็มาใหม่พรุ่งนี้แล้วกัน” ปู้ฟางเหลือบตามองเจ้ารู่เก๋ออย่างไร้ความรู้สึกพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
เจ้ารู่เก๋อชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธก่อนคิด “ไอ้หมอนี่ปฏิเสธข้าอีกแล้ว! มันแค้นอะไรข้ารึ”
“เจ้าไม่ได้พูดเองรึว่ามีขายวันละสามเหยือก เซียวเสี่ยวหลงกับพวกโอวหยางสั่งกันคนละเหยือก ก็รวมเป็นสองเหยือก ไม่ได้แปลว่าเหลือเหยือกหนึ่งที่จะขายให้ข้าได้รึ นี่เจ้าดูแคลนข้าหรืออย่างไร”
เจ้ารู่เก๋อเดือดดาล
เมื่อต้องรองรับอารมณ์เดือดดาลถึงขีดสุดของเจ้ารู่เก๋อ ปู้ฟางก็เป็นอันต้องผงะไปเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขายังตายด้านเหมือนเดิมขณะตอบ “เหยือกสุดท้ายมีคนจองไว้แล้ว”
“จองแล้วรึ ข้ออ้างชัดๆ… ต้องเป็นข้ออ้างอย่างแน่นอน!” เจ้ารู่เก๋อคิด เขามองใบหน้าตายด้านของปู้ฟาง รู้สึกอยากโยนรองเท้าไปประทับตราบนนั้นเหลือเกิน ใบหน้ายียวนกวนประสาทเช่นนั้นต้องโดนเสียบ้าง!
“เช่นนั้นก็บอกข้ามา ใครกันที่จองสุราเหยือกที่สามไว้ ข้าจะไปเอาเงินฟาดหัวมันจนกว่ามันจะยอมยกให้ข้า!” เจ้ารู่เก๋อพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง
“จะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่สน ตราบใดที่เจ้าไม่ก่อเรื่องในร้านข้า” ปู้ฟางพูดเสียงเรียบ จากนั้นก็เดินกลับเข้าครัวไป แต่เมื่อเดินไปถึงปากประตูครัว เขาก็หันกลับมาถามด้วยความสงสัย “เจ้าไม่สั่งอาหารอย่างอื่นรึ แค่มาดื่มอย่างเดียวหรืออย่างไร”
“ข้าเอาขนมจีบทองคำ” เซียวเยียนอวี่เอ่ยเสียงเบา
เซียวเสี่ยงหลงยิ้มกริ่มก่อนสั่งข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุง สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางสั่งปลาดองเหล้าหนึ่งจานตามปกติ เนื่องจากเป็นอาหารจานเดียวที่พวกเขารับรสได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD