จ๊อก
ร้านทั้งร้านเงียบงัน มีเพียงเสียงรินสุราเท่านั้นที่ดังให้ได้ยิน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงใครสักคนกระดกสุราหมดในจอกเดียว และเสียงกลืนของเหลว
เซียวเยวี่ยพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลังดื่มสุราหัวใจหยกเยือกแข็งหมดเหยือกคนเดียว เขารู้ดีว่าสุรานี้คุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด และอร่อยเลิศล้ำเสียยิ่งกว่าสุราน้ำอัญมณีทิพย์อย่างเทียบไม่ติด
“เถ้าแก่ปู้ ข้าต้องขอลาไปก่อน ข้าจองสุราหัวใจหยกเยือกแข็งอีกหนึ่งเหยือกไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ด้วยก็แล้วกัน” เซียวเยวี่ยพูดกับปู้ฟาง แล้ววางเงินสิบห้าผลึกไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน สวมหมวกไม้ไผ่กลับคืน พร้อมสะพายกระบี่พันด้วยเศษผ้าไว้บนหลัง
“ได้” ปู้ฟางพยักหน้า
“เซียวเยวี่ย! เจ้าจะไปทั้งอย่างนี้รึ” เซียวเยียนอวี่เอ่ย เสียงของนางไม่ได้ไพเราะเหมือนนกน้อยอีกต่อไป แต่กลับมีโทสะและแรงอาฆาตสังหารแฝงอยู่
เซียวเยวี่ยที่เดินไปถึงทางเข้าร้านหยุดชั่วครู่แล้วหันหลังกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำติดหมวก จึงมองไม่เห็นสีหน้าที่แท้จริง
“แล้วจะทำไมเล่า คิดว่าเจ้าเองจะทำให้ข้าอยู่ต่อได้รึ” เสียงแหบห้าวของเซียวเยวี่ยเจือแววเย้ยหยัน น้ำเสียงดูแคลนนั้นทำให้รูม่านตาของเซียวเยียนอวี่หดลงเล็กน้อย ใบหน้าสวยแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน
เซียวเสี่ยวหลงอารมณ์ร้ายเสียยิ่งกว่าพี่หญิงของตน ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป รวบรวมพลังปราณนอกกายแล้วกระโจนเข้าใส่เซียวเยวี่ยทันที
“โธ่เว้ย! ไอ้สารเลว!” ชายหนุ่มคำราม ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ ขณะเหวี่ยงหมัดของตนออกไปข้างหน้าเต็มกำลัง
ปัง!
เซียวเยวี่ยยกมือขึ้นอย่างใจเย็น จับหมัดของเซียวเสี่ยวหลงเอาไว้ในมือตน แม้เซียวเสี่ยวหลงจะทุ่มสุดแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มในชุดดำตรงหน้ากระเทือนแม้แต่น้อย
“ระดับสามขั้นคลั่งยุทธการรึ ดูเหมือนว่าความสามารถของเจ้าจะด้อยกว่าพี่หญิงของเจ้าอยู่พอตัวนะ” เซียวเยวี่ยยิ้มบาง พลังปะทะรุนแรงระเบิดออกจากฝ่ามือชายหนุ่ม กระแสพลังปราณกระจายไปทั่วทิศ ส่งร่างของเซียวเสี่ยวหลงให้กระเด็นออกไป
เซียวเยียนอวี่รับร่างของน้องชายเอาไว้ได้ทันกลางอากาศ สีหน้าเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง
เจ้ารู่เก๋อจ้องหน้าเซียวเยียนอวี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ส่วนสามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางนั้นได้แต่มองอยู่ไกลๆ พร้อมส่ายหน้าและถอนหายใจ… พวกเขาเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องภายในของตระกูลเซียวไม่ได้แน่
หลังจากวางร่างของน้องชายลงเรียบร้อย ดวงตาของเซียวเยียนอวี่ก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าดำสนิทเหมือนสีผมดำขลับของนาง หญิงสาวกระโจนไปในอากาศโดยส่งพลังปราณกระแทกลงไปที่พื้น
ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเมื่อสามปีก่อน นางก็เพียรตั้งใจฝึกปราณวันแล้ววันเล่าเพื่อโอกาสนี้ โอกาสที่นางจะได้สังหารไอ้สารเลวที่ทำให้มารดาของนางหมดสติและยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
จุดสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นบนหน้าผากเนียนไร้ที่ติของหญิงสาว ก่อนค่อยๆ ปล่อยเส้นสายสีเขียวโยงใยไปทั่วใบหน้า
“กระบวนเวทหมอกพงไพรรึ เจ้าถึงกับเรียนวิชาลับที่ดูดพลังชีวิตตนเองเช่นนี้เลยหรือนี้… คงเกลียดข้ามากจริงๆ สินะ”
ไม่มีผู้ใดเห็นสีหน้าของเซียวเยวี่ยภายใต้หมวกไม้ไผ่ เสียงแหบพร่าของเขาก้องสะท้อนไปทั่วร้าน
รูม่านตาของเจ้ารู่เก๋อหดแคบ “กระบวนเวทหมอกพงไพร นั่นมันกระบวนเวทน่ากลัวที่เปลี่ยนพลังชีวิตของผู้ใช้ให้กลายเป็นพลังทำลายล้างมหาศาลนี่! ผู้ใช้ทักษะนี้สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่มีขั้นปราณสูงกว่าได้! เซียวเยียนอวี่ถึงกับไปเรียนกระบวนเวทนี้เลยรึ นางบ้าดีเดือดเป็นบ้า!”
“เซียวเยวี่ย ถึงเวลาตายแล้ว!” เซียวเยียนอวี่ในตอนนี้ดูทั้งเย็นชาและบ้าระห่ำ คำพูดแต่ละคำของนางเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง
ทว่าตอนที่นางกำลังจะเผด็จศึกนั่นเอง มือเรียวยาวก็วางหมับลงบนบ่าของนาง ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกจากเบื้องหลัง
“ขอโทษทีนะ แต่ห้ามก่อความวุ่นวายในร้านของเรา หากจะสู้กัน กรุณาออกไปสู้ข้างนอก ขอบใจ”
ทุกคนสะดุ้งเฮือก หันขวับกลับไปมองปู้ฟางที่ยังเอามือจับบ่าของเซียวเยียนอวี่อยู่ สีหน้าแต่ละคนดูแปลกประหลาดเหลือใจ ไอ้หมอนี่… มันไม่กลัวตายรึ
บรรยากาศภายในร้านเข้มข้นถึงขีดสุด รังสีสังหารไหลบ่าเข้าท่วมทั้งร้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการต่อสู้ดุเดือดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แล้วไอ้ผู้ฝึกตนระดับสามขั้นคลั่งยุทธการไปยื่นทนโท่อะไรตรงนั้น
รูม่านตาสีเขียวเข้มของเสียวเยียนอวี่ขยับเล็กน้อย สายตาเย็นชาของนางจ้องไปที่ใบหน้าตายด้านของปู้ฟาง
“เจ้าจะขวางทางข้ารึ” เสียงของนางเย็นเยียบเหมือนภูเขาน้ำแข็งและสายลมแห่งฤดูหนาวที่กรีดแทง ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องตัวสั่นเทา แม้แต่ปู้ฟางเองยังขมวดคิ้วเมื่อได้ยินน้ำเสียงของหญิงสาว เขาจ้องไปที่จุดสีเขียวเข้มบนหน้าผากของเซียวเยียนอวี่ รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลที่เดือดพล่านอยู่ภายใน
ตึง!
พลังรุนแรงปัดมือของปู้ฟางทิ้ง เซียวเยียนอวี่ไม่สนใจชายหนุ่มและก้าวออกไปข้างหน้า นิ้วเท้าของนางแตะลงบนพื้นเล็กน้อย ร่างพุ่งเข้าใส่เซียวเยวี่ยอย่างรวดเร็ว
ปู้ฟางก้าวถอยไปด้านหลังแล้วเรียกเสียงเบา “เจ้าขาว”
เจ้าขาวตัวอ้วนปรากฏขึ้นข้างกายชายหนุ่มทันที ปู้ฟางแตะไปที่ท้องของหุ่นยนต์ก่อนออกคำสั่ง “หยุดสองคนนี้”
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบวาบ ก่อนหายตัวไปจากที่ที่มันเคยอยู่ ไปยืนข้างๆ เซียวเยียนอวี่ในชั่วพริบตา
“ออกไปให้พ้น!” ใบหน้าของหญิงสาวโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ขณะสาดพลังปราณเที่ยงแท้จากมือใส่เจ้าขาวที่ขวางทางนางอยู่ นางตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้จะต้องฆ่าเซียวเยวี่ยให้จงได้ และจะไม่ปล่อยให้ใครมาขวางทางนางแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD