เซียวเหมิงและจีเฉิงเสวี่ยมองไปทางผู้ที่เพิ่งมาถึงด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของทั้งสองดูไม่อยากเชื่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท! เหตุใดพระองค์จึงเสด็จมาที่นี่พะย่ะค่ะ” เซียวเหมิงรีบลุกพรวดขึ้นยืนทันที แล้วเดินเข้าไปต้อนรับจักรพรรดิ สีหน้ายังคงตกใจไม่หาย ความจริงที่ว่าแม้แต่จักรพรรดิยังเดินทางมาที่ร้านเล็กๆ ในตรอกนี้ด้วยตนเองเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
“บุตรและพสกนิกรคนนี้ขอคารวะฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” จีเฉิงเสวี่ยเองก็ยืนขึ้นคารวะชายชราด้วยเช่นกัน
แม้ผมของชายชราผู้นี้จะกลายเป็นสีขาวโพลน แต่สติยังคงแหลมคมนัก เขาสวมชุดคลุมงาม ผมรวบตึงเรียบร้อยด้วยปิ่นหยกเขียว จักรพรรดิเอามือไพล่หลัง แผ่บรรยากาศสง่างามของผู้ทรงอำนาจออกมาอย่างเต็มเปี่ยม
“แม่ทัพเซียว เฉิงเสวี่ย พวกเจ้าทั้งสองก็มากินที่ร้านนี้ด้วยรึ แปลว่าอาหารร้านนี้อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว” จีฉางเฟิ่งยิ้มน้อยๆ แล้วก้าวเข้ามาในร้าน เขาไอมาตลอดทางขณะเดินเข้ามา ร่างโยกไหวตามแรงที่ก้าวเดิน ใครเห็นก็รับรู้ได้ว่าชายชราตรงหน้าได้แหย่ขาเข้าไปในโลงแล้วข้างหนึ่ง
เซียวเหมิงรีบเดินเข้าไปพยุงจักรพรรดิ ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะก้าวพลาด
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุใดพระองค์จึงมาที่นี่คนเดียว ไม่ปลอดภัยเลยพะย่ะค่ะ แม้ผู้ฝึกตนจากสำนักต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในนครหลวงจะหนีไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังรับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีใครซุ่มซ่อนอยู่” เซียวเหมิงพูดอย่างกระวนกระวาย
จักรพรรดิโบกมือพร้อมเอ่ยเรียบๆ “ไม่เป็นไรหรอก สมัยหนุ่มๆ ใครๆ ก็ยกย่องให้ข้าเป็นชายผู้ทำให้ทั้งโลกตกตะลึงทั้งนั้น ถึงจะแก่แล้วแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับข้าอยู่ดี วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่ออาหารเท่านั้น เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ”
จักรพรรดินั่งลงที่โต๊ะแล้วหันไปมองบรรยากาศรอบตัว พื้นที่ภายในร้านนั้นไม่ใหญ่ มีโต๊ะวางเรียงรายกันเป็นระเบียบ การตกแต่งก็ดูอบอุ่นใช้ได้ จัดได้ว่าเป็นร้านที่มีเสน่ห์เลยทีเดียว
ชายชราผู้สูงศักดิ์ทำจมูกฟุดฟิดในอากาศ ดวงตาหันไปมองโต๊ะที่เซียวเหมิงและจีเฉิงเสวี่ยกินอาหารด้วยกันอยู่ก่อนหน้านี้ สายตาของเขาทอแสงขึ้นทันที “กลิ่นหอมของสุราช่างเข้มข้นเสียจริงเชียว หรือว่านี่จะเป็นสุราที่ร่ำลือกันว่ายอดเยี่ยมกว่าสุราน้ำอัญมณีทิพย์กัน”
“ใช่แล้วพะย่ะค่ะ สุรานี้มีขายที่ร้านนี้เท่านั้น มีนามว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็ง ราคาเหยือกละสิบห้าผลึก” เซียวเหมิงพูดพร้อมพยักหน้ารับ
“สิบห้าผลึกรึ… ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะนั่น แต่ก็ทำให้ข้ายิ่งอยากลิ้มลองมากขึ้นไปอีก เถ้าแก่อยู่หนใดกันเล่า ข้าอยากพบเถ้าแก่เพื่อสั่งอาหารเสียหน่อย” จักรพรรดิถาม
โอวหยางเสี่ยวอี้มองไปที่จักรพรรดิด้วยใบหน้าเอียงอาย ดวงตาของนางเบิกกว้าง เมื่อได้ยินสิ่งที่จักรพรรดิพูด นางก็หันไปทางห้องครัวแล้วตะโกนบอก “นายท่านตัวเหม็น ท่านปู่จักรพรรดิอยากเจอนายท่าน”
“หืม ใครนะ” เสียงเรียบเฉยของปู้ฟางดังออกมาจากครัวพร้อมด้วยเสียงผัดดังฉ่า
“ท่านปู่จักรพรรดิ” เสี่ยวอี้พูดอีกครั้งอย่างกระตือรือร้น
“อ้อ บอกให้รอแป๊บหนึ่ง” เสียงเรียบเฉยของปู้ฟางลอยออกมาเหมือนเดิม ทำเอาโอวหยางเสี่ยวอี้ถึงกับไปต่อไม่ถูก
เด็กหญิงรู้สึกหงุดหงิดเป็นอันมาก ทุกครั้งที่นางคุยกับปู้ฟาง นางก็รู้สึกอยากกระอักเลือดตายให้รู้แล้วรู้รอดไปทุกครา
คนที่เรียกเขาออกมาพบคือจักรพรรดิ ผู้ครองบัลลังก์สูงสุดหนึ่งเดียวในจักรวรรดิวายุแผ่ว มาบอกให้อีกฝ่ายรอเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
จีฉางเฟิ่งและคนอื่นๆ ได้ยินบทสนทนานั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง สีหน้าของแต่ละคนดูยอดเยี่ยมน่าดูชมเหลือล้ำ
เซียวเหมิงและจีเฉิงเสวี่ยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรดี ต่างพากันคิดว่า “เถ้าแก่ปู้นี่… ยังนิสัยประหลาดไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องตามเคย ขนาดฝ่าบาทยังไม่ไว้หน้า”
แต่ตัวจีฉางเฟิ่งเองกลับคิดว่าตลกและน่าสนใจดี หากพ่อครัวปกติได้ยินว่าคนที่ต้องการพบตนเป็นใคร คงรีบพุ่งมาประจบประแจงเอาใจแน่นอน ไม่เคยมีใครเมินเขาเหมือนที่ปู้ฟางทำเลยแม้แต่คนเดียว
“เถ้าแก่นี่… เป็นคนน่าสนใจดี” จีฉางเฟิ่งยิ้มอ่อนพร้อมลูบเคราตนเอง
เซียวเหมิงและจีเฉิงเสวี่ยเองก็ยิ้มกระอักกระอ่วนเช่นกัน
ไม่กี่อึดใจต่อมา ปู้ฟางก็เดินออกจากครัว ในมือถือจานซี่โครงเปรี้ยวหวาน กลิ่นหอมของเนื้อลอยล่องเข้าปกคลุมทั่วร้าน สีส้มของซี่โครงเปรี้ยวหวานดูน่ากินทรมานจิตใจเป็นอันมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD