นายท่าน: ปู้ฟาง
เพศ: ชาย
อายุ: 20 ปี
ระดับพลังปราณเที่ยงแท้: ระดับสาม (ท่านสามารถรวมพลังปราณเที่ยงแท้ไว้ภายนอกร่างได้แล้ว ในฐานะพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการ ท่านจะต้องใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการประกอบอาหาร ตั้งใจฝึกฝนเข้าละ พ่อหนุ่ม)
พรสวรรค์การทำอาหาร: ยังไม่เปิดใช้งาน
ทักษะ: ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกระดับหนึ่ง (52/100)
อุปกรณ์: ชิ้นส่วนของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ (3/4)
คะแนนรวมการเป็นพ่อครัวเทพ: พ่อครัวฝึกหัด (ในที่สุดท่านก็สามารถใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการทำอาหารได้ จงฝึกทักษะการใช้มีดต่อไป แล้วเส้นทางการเป็นพ่อครัวเทพจะเปิดออกให้ท่านก้าวเดินสักวันหนึ่ง ตั้งใจฝึกฝนเข้าละ พ่อหนุ่ม)
ผลประกอบการสะสมตอนนี้อยู่ที่สองพันแปดร้อยแปดสิบผลึก สัดส่วนการแปลงผลึกเป็นพลังปราณเที่ยงแท้: 720/1000
ระดับของระบบ: สามดาว (สัดส่วนการแปลงหน่วยอยู่ที่ร้อยละยี่สิบห้า ลูกค้าสามารถนำวัตถุดิบที่ต่ำกว่าระดับสี่มาเองได้)
ปู้ฟางงัวเงียลุกออกจากเตียงในเช้าวันต่อมา พลางดูหน้าต่างระบบไปด้วยขณะล้างหน้าล้างตา
หลังจากที่เห็นสัดส่วนการแปลงผลึกเป็นพลังปราณ เขาก็รู้แล้วว่าตนเองกำลังจะบรรลุขั้นปราณอีกครั้งเร็วๆ นี้ ตอนนี้เขามีปราณอยู่ที่ระดับสามขั้นคลั่งยุทธการ หากเขาสะสมพลังได้ครบพันผลึก ก็จะได้พลังปราณระดับสี่ขั้นจิตยุทธการมาครอบครอง จากนั้นความสามารถในการควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ของเขาก็จะเยี่ยมยอดขึ้นอีก
“ไอ้ชุดอุปกรณ์นี่มันคืออะไรกันนะ… ข้าละสงสัยเสียจริง แต่ตอนนี้ก็เก็บได้สามในสี่แล้ว พอบรรลุปราณอีกขั้น ข้าคงได้อุปกรณ์ครบชุดแล้วละมั้ง” ปู้ฟางพึมพำขณะเดินลงมายังชั้นล่าง
เขาเดินเข้าครัวไปเพื่อเริ่มฝึกหั่นหัวไชเท้าประจำวัน
พอฝึกเสร็จ ปู้ฟางก็เดินไปที่ทางเข้าร้านแล้วนำไม้กระดานปิดประตูออก อากาศภายนอกเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม ลมหนาวที่เข้ามาปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกเสียวสันหลังเล็กน้อย
ปู้ฟางหันไปมองเจ้าดำที่ยังคงนอนหลับอยู่ จากนั้นก็เดินกลับเข้าครัวไปฝึกทำอาหารต่อ ไม่นานนักกลิ่นหอมฟุ้งของซี่โครงเปรี้ยวหวานก็โชยออกมา
“ได้เวลาอาหารแล้ว เจ้าดำ” ปู้ฟางวางจานซี่โครงเปรี้ยวหวานลงตรงหน้าเจ้าดำ เจ้าสุนัขกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
เจ้าอ้วนจินและสหายมาแต่เช้าเหมือนเดิมแล้วจากไปหลังกินอาหารเช้าเสร็จ การมากินข้าวที่ร้านของปู้ฟางกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว แม้อาหารของชายหนุ่มจะราคาแสนแพง แต่เจ้าอ้วนจินเป็นถึงเศรษฐีใหม่… แน่นอนว่าเขามีเงินจ่าย
เซียวเยวี่ยไม่ได้กลับมาอีกหลังจากที่ถูกซัดปลิวออกจากร้านด้วยการจามของเจ้าดำ ราวกับว่าชายหนุ่มได้อันตรธานหายไปจากนครหลวงเรียบร้อยแล้ว ทว่าปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่รู้สึกเสียดายลูกค้าเท่านั้น
ลมที่หนาวจนสันหลังแข็งของฤดูใบไม้ร่วงพัดโชยในตรอก จีเฉิงเสวี่ยในชุดขาวค่อยๆ มุ่งหน้ามาที่ร้าน ผิวขาวใบหน้าอ่อนโยน รวมถึงดวงตาหรี่เล็กทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“เถ้าแก่ปู้ อรุณสวัสดิ์” จีเฉิงเสวี่ยทักทายปู้ฟางอย่างอ่อนโยน ส่วนอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างเฉยเมยเพื่อตอบรับว่าได้ยินแล้ว
“ท่านพี่องค์ชาย เหตุใดวันนี้จึงมาเช้าจังเจ้าคะ” โอวหยางเสี่ยวอี้ถามจีเฉิงเสวี่ยผู้สูงศักดิ์ที่เพิ่งเดินเข้าร้านมานั่งด้วยสีหน้างุนงง
จีเฉิงเสวี่ยลูบศีรษะเสี่ยวอี้แล้วพูดกลั้วหัวเราะ “ข้ามากินอาหารของเถ้าแก่ปู้อย่างไรเล่า”
“วันนี้จะกินอะไร” ปู้ฟางถาม
“ข้าขออย่างละจานก็แล้วกัน หลังจากนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กินอาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้อีกหรือไม่” จีเฉิงเสวี่ยพูดพร้อมถอนหายใจ
“หืม เกิดอะไรขึ้นกัน” ปู้ฟางถามอย่างงุนงง โอวหยางเสี่ยวอี้เองก็มองจีเฉิงเสวี่ยด้วยความสงสัยเช่นกัน
จีเฉิงเสวี่ยหลุบตาลงต่ำเล็กน้อยพร้อมเอื้อนเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องในครอบครัวน่ะ ข้าต้องออกจากนครหลวงพรุ่งนี้แล้ว ส่วนจะได้กลับมาเมื่อใดนั้น ตัวข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”
“เข้าใจแล้ว ขอเวลาสักครู่” ปู้ฟางพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์แล้วเดินกลับเข้าครัวไป เขากลับมาพร้อมสุราหัวใจหยกเยือกแข็งหนึ่งเหยือก จากนั้นก็โยนเหยือกนั้นไปให้จีเฉิงเสวี่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD