“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าสั่งอาหารกลับไปให้ใคร” เหลียนฟู่ไม่ได้คาดคิดว่าปู้ฟางจะปฏิเสธอีกครั้ง และเริ่มบันดาลโทสะขึ้นมา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าฝ่าบาททรงอยากลิ้มลองอาหารของเจ้า นี่ถือเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตเจ้าแล้วนะ!”
ปู้ฟางขมวดคิ้วขณะมองขันทีเหลียนฟู่ที่กำลังโกรธเกรี้ยวด้วยสายตาไม่พอใจ เขาบอกไปอย่างชัดเจนแล้วก่อนหน้านี้ว่าร้านนี้ไม่อนุญาตให้ซื้ออาหารกลับบ้าน เหตุใดขันทีนี่จึงไม่เข้าใจอีก
“บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่สำหรับการสั่งอาหารกลับบ้าน เอาตัวเลขมา” เหลียนฟู่พ่นลมเย้ยพร้อมทำท่าจีบมืออันเป็นเอกลักษณ์ เขาเองก็รู้สึกขุ่นเคืองความไม่ยืดหยุ่นของปู้ฟางเช่นกัน
“เจ้าฟังข้าพูดไม่เข้าใจรึ” ปู้ฟางมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉย จากนั้นก็ไม่สนใจขันทีที่กำลังโกรธเกรี้ยวอีก ชายหนุ่มเดินกลับเข้าครัวไปแล้วออกมาอีกครั้งพร้อมอาหารจานสุดท้าย
ขนมปังหอยนางรมสีทองอร่ามในใบไผ่ที่ห่อหุ้มปกปิดกลิ่นของมันเอาไว้อย่างมิดชิด
“อาหารจานสุดท้ายที่เจ้าสั่ง ขนมปังหอยนางรม อันนี้เอากลับบ้านได้ เจ้านำขนมปังนี่กลับไปให้จักรพรรดิกินก็แล้วกัน” ปู้ฟางส่งขนมปังหอยนางรมให้เหลียนฟู่พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
เหลียนฟู่มีสีหน้าเหมือนต้องมนต์สะกดขณะรับขนมปังหอยนางรมมาอย่างไม่รู้สึกตัว เขาก้มลงมองขนมปังในใบไผ่ในมือ แม้กลิ่นจะหอม… แต่เทียบกับน้ำแกงเต้าหู้หัวปลาแสนอร่อยเมื่อครู่แล้ว ขนมปังนี่ดูโกโรโกโสไปถนัดตา
ตัวเขาเองได้กินอาหารอร่อยล้ำมากมาย แต่กลับนำเพียงขนมปังหอยนางรมโกโรโกโสนี่กลับไปได้เท่านั้น… เช่นนี้ฝ่าบาทจะไม่เอ็ดเขาเอาหรือนี่
“เจ้าพ่อครัวน้อย… เจ้ายกเว้นให้ข้าหน่อยมิได้เลยหรือ ต่อให้ข้าจ่ายเงินให้เจ้าร้อยผลึกก็ไม่ได้หรือ” เหลียนฟู่กัดปากจ้องปู้ฟางด้วยสายตาเกลียดชัง
ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มเจ้าของร้านสั่นสะท้าน สายตาของเหลียนฟู่ทำให้ขนทั้งร่างของเขาลุกชัน ชายหนุ่มก้มหน้าลงแล้วหันหลังกลับเข้าครัวไป เมินหัวหน้าขันทีเหลียนฟู่ไปโดยไม่หันกลับมามอง
เหลียนฟู่มองปู้ฟางเดินจากไปแล้วก็ได้แต่ถอนใจออกมาขณะก้มลงมองขนมปังหอยนางรมในมือ สุดท้ายก็ทำได้เพียงจำใจออกจากร้านมาด้วยความเคืองแค้นเท่านั้น
พอส่งเหลียนฟู่ออกจากร้านเรียบร้อย โอวหยางเสี่ยวอี้ก็วิ่งไปหาปู้ฟางอย่างตื่นเต้น
“นายท่านตัวเหม็น ข้าขอกินขนมปังหอยนางรมชิ้นนึงสิ!” เด็กหญิงตะโกนเสียงใส
“หืม เจ้าจะกินตอนนี้เลยรึ” ปู้ฟางชะงักแล้วถามอย่างงุนงง ก่อนหน้านี้โอวหยางเสี่ยวอี้ไม่ได้บอกหรือว่านางจะนำขนมปังกลับบ้าน เพื่อไปแบ่งให้บิดามารดาลองกิน
โอวหยางเสี่ยวอี้กลืนน้ำลายแล้วพูดพร้อมยิ้มกริ่ม “ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะลองกินก่อนก็แล้วกัน”
ปู้ฟางรู้ว่านางแค่ตะกละขึ้นมาเท่านั้น แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไร บอกเพียงให้นางรอสักครู่
ไม่นานนักชายหนุ่มก็กลับออกจากครัวมาพร้อมขนมปังหอยนางรมพร้อมกินสองชิ้น
เขาส่งให้โอวหยางเสี่ยวอี้หนึ่งชิ้นและเก็บไว้เองหนึ่งชิ้น ทั้งสองลากเก้าอี้มานั่งตรงทางเข้าร้านอย่างสบายอารมณ์ และเริ่มกินขนมปังหอยนางรมกันสองคน
เด็กหญิงฉีกใบไผ่ออก แล้วรีบกัดขนมปังทันทีอย่างอดรนทนไม่ไหว เสียงกัดดังกรอบดังขึ้น ทันทีที่นางกัดขนมปังสุดกรอบเข้าไป น้ำหัวไชเท้าชุ่มฉ่ำก็หลั่งไหลเข้ามาในปาก
กลิ่นหอมเข้มโชยออกจากขนมปังหอยนางรม ห่อหุ้มตัวนางไว้จากบรรยากาศภายนอก เด็กหญิงมีสีหน้าสุขใจล้นปรี่ขณะก้มหน้าก้มตากินขนมปังหอยนางรมต่อ
ทั้งสองนอนขดกินขนมปังอยู่บนเก้าอี้ กลิ่นขนมปังกรุ่นโชยฟุ้งไปทั่วตรอก
…
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ นี่คืออาหารที่ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่านนำกลับมาจากร้านใจไม้ไส้ระกำ มันคือขนมปังหอยนางรมพะย่ะค่ะ” เหลียนฟู่เดินถือจานเงินแท้สลักลายละเอียดละออเข้ามา
ขนมปังหอยนางรมทรงครึ่งวงกลมสีทองสองชิ้นวางอยู่บนจานเงินแท้ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมไออุ่นลอยล่องอยู่ด้านบน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD