“หา อะไรนะ! เถ้าแก่ปู้… ท่านอยากกินอาหารร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เช่นนั้นรึ” เมื่อเซียวเสี่ยวหลงได้ยินคำพูดของปู้ฟาง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที สีหน้าดูปุเลี่ยนๆ เล็กน้อย
เซียวเยียนอวี่และโอวหยางเสี่ยวอี้เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทั้งสองคิดว่าความสามารถในการทำอาหารของปู้ฟางนั้นยอดเยี่ยมมากเสียจนทำลายอาชีพพ่อครัวของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ได้เลยทีเดียว เหตุใดจึงยังจะไปกินที่ร้านนั้นอีก
“การที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ก้าวขึ้นมาเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในนครหลวงได้ย่อมต้องมีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นถึงข้าจะมีฝีมือยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว การที่แม่น้ำหลายร้อยสายไหลลงทะเลได้โดยไม่มีวันเต็ม นั่นก็เพราะ… ทะเลนั้นกว้างใหญ่เสียจนเติมอย่างไรก็ไม่มีวันสิ้นสุด” ปู้ฟางพูดเรียบๆ จากนั้นก็หันหลังมุ่งหน้าไปยังร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ทันที
“การที่แม่น้ำหลายร้อยสายไหลลงทะเลได้โดยไม่มีวันเต็ม นั่นก็เพราะ… ทะเลนั้นกว้างใหญ่เสียจนเติมอย่างไรก็ไม่มีวันสิ้นสุด” มุมปากของเซียวเสี่ยวหลงกระตุก ชายหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าวันนี้ปู้ฟางนั้นมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“เสี่ยวอี้ เจ้าไม่คิดว่าเถ้าแก่ปู้แปลกๆ รึวันนี้ ข้ารู้สึกเหมือนเขามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการไปร้านปักษาเพลิงนิรันดร์อย่างไรไม่รู้!” เซียวเสี่ยวหลงเขยิบเข้าไปใกล้โอวหยางเสี่ยวอี้แล้วกระซิบกระซาบใส่นาง
เสี่ยวอี้มองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาประหลาด “ไม่ชอบมาพากลรึ ไม่นี่ ไม่เห็นมีอะไรไม่ชอบมาพากลเลย การจะพัฒนาตนเองได้ก็ต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นกว่าเดิมอยู่แล้ว คำพูดนี้สมเหตุสมผลที่สุด ท่านปู่เองก็บอกเสี่ยวอี้อยู่บ่อยๆ เช่นกัน”
เซียวเสี่ยวหลงปากกระตุกขณะคิด “ก็ได้ ดูเหมือนว่าพูดกับเจ้าไปจะไม่มีประโยชน์สินะ”
ทั้งสามเดินตามปู้ฟางไปยังร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ทันที
เซียวเสี่ยวหลงและอีกสองคนคุ้นเคยกับร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ก่อนที่ร้านของปู้ฟางจะผุดขึ้นมาในนครหลวง ร้านนั้นเป็นร้านประจำที่พวกเขาไปกินบ่อยที่สุด ด้วยความที่เป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในนครหลวง รสชาติย่อมดีเป็นที่โจษจันเป็นธรรมดา
แต่แน่นอนว่าถึงจะอร่อยเพียงใดก็เทียบชั้นกับอาหารของปู้ฟางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“เถ้าแก่ปู้ ท่านจะไปกินข้าวที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ แล้วท่านรู้กฎของร้านหรือไม่” เซียวเสี่ยวหลงก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวมาเดินข้างๆ ปู้ฟาง
“กฎรึ กฎอะไร” ปู้ฟางงุนงงเล็กน้อยขณะหันไปมองหน้าเซียวเสี่ยวหลง
มุมปากของเซียวเสี่ยวหลงกระตุก เขารู้อยู่แล้วว่าความคิดที่จะไปกินข้าวที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ของปู้ฟางนั้นเป็นการตัดสินใจปุบปับ แต่ถึงจะงงว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่ เขาก็ต้องบอกกฎของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ให้อีกฝ่ายฟังอยู่ดี
“ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในนครหลวง มีทั้งหมดสามชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นตกแต่งต่างกันไป และลูกค้าเองก็แตกต่างกันด้วย ชั้นแรกเป็นชั้นที่รับรองลูกค้าธรรมดาทั่วไป ราคาอาหารไม่ได้สูงนัก ครอบครัวที่พอมีกินสามารถมากินอาหารที่ร้านได้สองถึงสามครั้งต่อเดือน
“ชั้นสองเอาไว้สำหรับรับรองแขกที่มีหน้ามีตาในสังคม จึงตกแต่งสวยงามขึ้นเล็กน้อย บริกรเองก็เปลี่ยนจากบริกรชายเป็นบริกรหญิงรูปงามในชุดผ้าปัก หากนับแค่คุณภาพการบริการก็เป็นที่หนึ่งในนครหลวงและในอาณาจักรแล้ว นอกจากนี้อาหารที่ชั้นสองยังแพงกว่าที่ชั้นแรกมากโข รสชาติเองก็ดีกว่ามากด้วยเช่นกัน
“ชั้นสามเป็นชั้นที่พิเศษสุด การบริการนั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายในหรือบริกร เรียกได้ว่าดีที่สุดในอาณาจักรอย่างแน่นอน มีเพียงคนที่สูงศักดิ์ที่สุดเท่านั้นที่จะขึ้นไปยังชั้นสามได้”
เซียวเสี่ยวหลงอธิบายให้ปู้ฟางฟังว่าแต่ละชั้นของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์มีคุณลักษณะพิเศษอย่างไร
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายนั้น ปู้ฟางก็หรี่ตาแล้วพยักหน้า เจ้าของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์จัดว่าหลักแหลม เนื่องจากเขาจัดระดับการบริการและรสชาติอาหารไว้ต่างกันตามชั้น จึงทำให้ลูกค้าแต่ละชั้นรู้สึกถึงความโอ่อ่าและมีหน้ามีตาที่ต่างกัน จนต้องจ่ายหนักมากขึ้นไปอีกเพื่อพิสูจน์ความหน้าใหญ่นั้น ลูกค้าที่เคยกินข้าวที่ชั้นแรกจะขึ้นไปชั้นสองเพื่อรักษาหน้าตาทางสังคมของตนเอง และลูกค้าที่เคยกินข้าวชั้นที่สูงไปกว่านั้นจะไม่กล้ากลับมากินที่ชั้นหนึ่งอีกแล้ว เนื่องจากไม่อยากดูเสียหน้านั่นเอง กลไกเช่นนี้จะทำให้ชั้นสองและสามทำกำไรได้มากขึ้น จนร้านทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
“อาหารจากชั้นสามน่าจะอร่อยที่สุดใช่หรือไม่ แล้วเจ้าขึ้นไปกินที่ชั้นสามได้หรือเปล่า” ปู้ฟางถามขึ้นมาหลังจากคิดอยู่สักพัก
“ด้วยความที่มันเป็นชั้นพิเศษ จึงมีเพียงคนที่สูงศักดิ์ที่สุดในจักรวรรดิวายุแผ่วเท่านั้นที่ขึ้นไปได้ บุตรธิดาของขุนนางอย่างพวกข้าไม่ได้รับสิทธิ์นั้นหรอก มีอยู่ครั้งหนึ่งซุนฉีเซี่ยงเคยพยายามจะบุกเข้าไป แต่โดนพนักงานเฝ้าประตูที่มีปราณระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการจับโยนออกมา” เซียวเสี่ยวหลงบอก
ปู้ฟางขมวดคิ้วทันทีที่ได้รับรู้สถานการณ์ “แม้แต่พวกเจ้ายังไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปอีกรึ”
“มีแต่ท่านจักรพรรดิ เสนาบดีฝ่ายซ้าย ท่านพ่อข้า แม่ทัพโอวหยาง และคนอื่นๆ ที่มีศักดิ์ในระดับนี้เท่านั้นที่จะขึ้นไปได้” เซียวเสี่ยวหลงให้ข้อมูลเกี่ยวกับร้านเพิ่ม
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงทางเข้าร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามพอดี
“ตายแล้ว นั่นมันนายน้อยเซียวมิใช่รึ ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะเจ้าคะ มากินอาหารหรือเจ้าคะ รีบเข้ามาเร็วๆ”
ทันทีที่ทั้งสี่เดินมาถึงทางเข้าร้าน สตรีวัยกลางคนหน้าตาดีหุ่นอวบอัดก็เดินส่ายสะโพกเข้ามาหา เสียงมีความสุขของนางดังลอยตามมาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD