“นายน้อยปู้… รสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
เวลาผ่านไปสักพัก ปู้ฟางก็ยังไม่พูดอะไร เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ ทนความเงียบไม่ไหวอีกต่อไป ส่วนเฉียนเป่าเองก็เปิดปากถามขึ้นมาอดรนทนไม่ได้ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปู้ฟางเขม็ง
พ่อครัวเฉินยืนกอดอก ใบหน้าสงบนิ่งใจเย็น ปลาคาร์ปหินผัดแห้งจานนี้เป็นอาหารสูตรเด็ดของเขา เขาทำอาหารจานนี้มาหลายสิบปีและคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีจนกลั่นออกมาได้เป็นรสชาติที่ดีที่สุด ในใจของเขา อาหารจานนี้จัดว่าสมบูรณ์แบบแล้ว
ปู้ฟางผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ขณะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ เสร็จแล้วจึงหันมามองคนอื่นๆ
ชายหนุ่มเปิดปากบอกผลการประเมินด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ถ้าเทียบกับอาหารจานที่กินไปก่อนหน้านี้ ปลาคาร์ปหินผัดแห้งจานนี้จัดว่าดีกว่าหนึ่งระดับ”
คำพูดของปู้ฟางทำให้ทุกคนผ่อนคลายขึ้น เซียวเสี่ยวหลงและอีกสองคนที่เหลือยิ้มออกมา
“หากเถ้าแก่ปู้ชมจานนี้ แปลว่าต้องอร่อยอย่างแน่นอน เช่นนั้นข้าควรลองกินดู”
เซียวเสี่ยวหลงคิดและคีบปลาขึ้นใส่ปากหนึ่งชิ้นทันที ความอร่อยระเบิดอยู่ภายในปาก รสเผ็ดซ่านเล็กน้อยที่สัมผัสได้ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มขณะเอ่ย “จานนี้ใช้ได้ อร่อยกว่าจานก่อนๆ เยอะ”
เมื่อเฉียนเป่าได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเขาก็เล็กหยีทันที เขาเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ในเมื่อทุกคนชมอาหารจานนี้ ก็แปลว่าเขาชนะแล้วมิใช่หรือ
ได้เงินห้าหมื่นเหรียญทองมาง่ายๆ เช่นนี้ แน่นอนว่าเฉียนเป่าต้องมีความสุขเป็นอันมาก
“นายน้อยปู้ ถ้าเช่นนั้นแปลว่าครั้งนี้… ข้าชนะใช่หรือไม่” เฉียนเป่าพูดกลั้วหัวเราะ
ทว่าปฏิกิริยาตอบรับของปู้ฟางทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มหันไปมองเฉียนเป่าพร้อมรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้า
“ข้าแค่ชมรสชาติของจานนี้เท่านั้น หากเทียบกับจานก่อนหน้า จานนี้ถือว่าไม่เลว แต่แม้มันจะไม่เลว ก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่”
“หืม” ทุกคนชะงักกับคำพูดของเขา
ดวงตาของทุกคนจ้องไปที่ปู้ฟาง ต่างไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับมาอีกครั้ง
“การทำอาหารจานนี้มีสามขั้นตอนด้วยกันใช่หรือไม่ ขั้นตอนแรกคือการเอาปลาคาร์ปหินที่เตรียมแล้วใส่กระทะที่ตั้งน้ำมันจนร้อน แล้วทอดจนกว่าหนังปลาจะย่น ขั้นที่สองคือผัดส่วนผสมอื่นๆ และขั้นที่สามคือเอาปลาที่ทอดแล้วและส่วนผสมที่ผัดเสร็จเรียบร้อยใส่กลับเข้ากระทะแล้วผัดแห้งพร้อมกัน”
ปู้ฟางพูดช้าๆ รูม่านตาของพ่อครัวเฉินหดแคบเล็กน้อย เนื่องจากการวิเคราะห์ของปู้ฟางตรงกับสิ่งที่เขาทำทุกอย่าง!
“ฮึ! แล้วอย่างไรกัน นั่นมันก็แค่ขั้นตอนปกติ ระหว่างทางมีรายละเอียดเล็กๆ อีกมากมายที่สำคัญต่อรสชาติอาหารจานนี้” พ่อครัวเฉินเย้ยอย่างมั่นใจในตนเอง
ปู้ฟางพยักหน้าแล้วชี้นิ้วไปที่ปลาคาร์ปหินผัดแห้งตรงหน้า “ใช่แล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะชี้จุดบกพร่องแบบลงรายละเอียดก็แล้วกัน อันดับแรกตอนที่เจ้าเตรียมปลานั้น เจ้าบั้งปลาทั้งสองข้าง โดยบั้งข้างละสองรอยใช่หรือไม่ นี่คือขั้นแรกที่เจ้าทำพลาดไป เจ้าควรบั้งปลาตามความยาวและความกว้างของปลาต่างหาก ปลาตัวนี้ยาวพอสมควร ดังนั้นควรบั้งสามครั้งด้วยกัน สั้นสอง ยาวหนึ่ง นี่จะทำให้ปลาดูดซึมรสชาติระหว่างการทอดกรอบและการผัดแห้งได้ดีกว่า”
พ่อครัวเฉินขมวดคิ้ว ปกติแล้วเขาจะบั้งสองครั้งตลอดไม่ว่าปลาจะมีขนาดยาวหรือกว้างเท่าใด เขาเคยชินกับวิธีการนี้เสียแล้ว และไม่เคยฉุกคิดเลยว่าหากบั้งสามครั้งจะดีกว่า
“ส่วนเรื่องความลึกของการบั้งนั้นข้าคงไม่ต้องพูด ต่อไปคือกระบวนการทอดกรอบ ปัญหาที่เกิดจากการบั้งน้อยเกินไปเมื่อครู่ ทำให้ต้องทอดปลานานเกินพอดีจนเนื้อปลาคาร์ปเสียความอ่อนนุ่มไป… การผัดส่วนผสมอื่นนั้นทำได้ไม่เลวเพราะไม่ต้องใช้ทักษะอะไร สุดท้ายคือการผัดแห้ง เจ้าผัดแห้งน้อยไปสองถึงสามลมหายใจ ทำให้น้ำแกงข้นไม่พอ และทำให้ปลายังดูดซับรสชาติได้ไม่ดีพอ”
ปู้ฟางพูดเรียบๆ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้พ่อครัวเฉินชะงักไปเรียบร้อย ตอนแรกนั้นเขาคิดจะเถียงกลับ แต่เมื่อลองทบทวนดูดีๆ ก็พบว่าหากทำตามวิธีของปู้ฟาง ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะดีกว่า
เอื๊อก
พ่อครัวเฉินกลืนน้ำลาย ใบหน้าอ้วนพราวไปด้วยเหงื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาคิดในใจ “ไอ้หมอนี่มันเป็นปีศาจหรืออย่างไร เหตุใดแค่กินไปคำเดียวจึงจับจุดผิดได้มากขนาดนี้”
เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นกัน “เถ้าแก่ปู้… ไร้เทียมทานจริงๆ ! แค่กินเข้าไปคำเดียวก็ทำให้พ่อครัวร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ถึงกับพูดไม่ออกแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD