“นายน้อยปู้ โดยปกติแล้วตามกฎของร้านเรา ท่านไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นมากินที่ชั้นสามของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ เนื่องจากจวบจนปัจจุบัน มีเพียงขุนนางชั้นสูง ท่านจักรพรรดิ และเหล่าองค์ชายเท่านั้นที่ขึ้นมาได้ ข้าอนุญาตให้นายน้อยขึ้นมาเพราะท่านมีความสามารถในการประเมินอาหารที่เหนือกว่าผู้ใดเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วต่อให้ท่านทำตัวหน้าไม่อายเพียงใด ข้าก็จะไม่มีวันให้ท่านขึ้นมาที่ชั้นนี้อย่างแน่นอน”
เฉียนเป่าพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง เขารักษากฎเกณฑ์ของชั้นพิเศษนี้อย่างถึงที่สุด จึงเป็นเหตุให้มีท่าทางขึงขังเช่นนี้
หากบริเวณชั้นหนึ่งสำหรับคนทั่วไปและชั้นสองสำหรับแขกผู้มีเกียรติเป็นสิ่งที่ทำให้ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์โด่งดังขึ้นมาได้ บริเวณที่พิเศษที่สุด ณ ชั้นสามคือสิ่งที่ทำให้ร้านมีชื่อเสียงระบือไกล
เฉียนเป่ามอบสิทธิพิเศษนี้ให้ปู้ฟาง เนื่องจากชายหนุ่มสามารถระบุข้อผิดพลาดในการทำปลาคาร์ปหินผัดแห้งที่พ่อครัวเฉินคิดไม่ถึงได้อย่างง่ายดาย
ความสามารถในการประเมินคุณภาพอาหารที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ของปู้ฟาง จนทำให้เขาได้รับสิทธิ์ในการขึ้นมาที่ชั้นสาม อาจเรียกได้ว่าเป็นการปรามาสครั้งใหญ่ของร้านเลยก็ว่าได้ เฉียนเป่าจะปล่อยให้เรื่องน่าอับอายนี้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด ถึงอย่างไรเขาก็ต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีของร้านกลับมาให้ได้ และทางเดียวที่จะทำได้คือการอนุญาตให้ชายหนุ่มขึ้นมาลิ้มลองอาหารที่ชั้นสามนั่นเอง
ปู้ฟางปรายตามองเฉียนเป่าแล้วพูดหน้าตาย “หากมีคนขอให้ข้าประเมินคุณภาพอาหารที่ทำ ข้าคงไม่สนใจใยดีเป็นแน่ หากไม่ใช่เพราะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ข้าคงไม่ดั้นด้นมากินอาหารขยะของร้านเจ้าหรอก”
น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบมากถึงมากที่สุด แม้คำพูดจะฟังดูเหมือนเย้ยหยัน แต่กลับฟังดูไม่ได้เย้ยหยันแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาเพียงพูดความจริงเท่านั้น
เฉียนเป่าตัวแข็งทื่อไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่จากนั้นก็หรี่ตาลงแล้วระเบิดหัวเราะออกมา “ถ้าเช่นนั้นนายน้อยปู้จะให้เกียรติชิมอาหารสามจานนี้หรือไม่ขอรับ”
“นี่คืออาหารที่ดีที่สุดสามจานจากร้านปักษาเพลิงนิรันดร์”
เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ กะพริบตาปริบ มองอาหารสามจานตรงหน้าที่ดูสวยงามน่ากิน
อาหารทั้งสามจานจากชั้นที่พิเศษที่สุดของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์นี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาดูกันได้ง่ายๆ แม้อาหารเหล่านี้จะไม่ได้อร่อยเลิศรสเหมือนอาหารที่ร้านปู้ฟาง แต่การได้มากินข้าวที่ชั้นสามของร้านนี้ไม่ใช่เพื่ออาหารอร่อย แต่เป็นการดื่มด่ำกับสิทธิพิเศษและยศถาบรรดาศักดิ์ต่างหาก
ปู้ฟางเริ่มชิมอาหารจานแรกก่อน ซึ่งก็คือหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีน อาหารจานนี้ทำมาจากเนื้ออสูรเวท แม้จะเป็นเพียงเนื้อหมูป่านักรบอสูรเวทระดับหนึ่งก็ตามที แต่ทักษะการทำอาหารของผู้ที่ทำจานนี้นั้นดีใช้ได้ จึงทำให้เนื้อยังฉ่ำน้ำอยู่ อาหารจานนี้เทียบได้กับปลาคาร์ปหินผัดแห้งเลยทีเดียว
ทว่า…
“แม้นี่จะเป็นเนื้อจากอสูรเวท การคัดเลือกว่าจะใช้เนื้อชนิดไหนนั้นต้องคิดให้มากหน่อย สำหรับจานนี้ การเลือกใช้เนื้อหมูป่านักรบนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิด เนื้อของหมูป่าชนิดนี้เหมาะกับการนำไปเคี่ยวเป็นเวลานานมากกว่า หากอยากนำมาตุ๋นควรเลือกใช้เนื้อของหมูป่าเพลิงจึงจะเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้การควบคุมความร้อนระหว่างการตุ๋นยังทำได้ไม่ดีพอ น้ำแกงที่ได้นั้น… หวานเกินไป”
หลังจากที่กินเข้าไปคำเดียว ชายหนุ่มก็วางตะเกียบลงแล้วเริ่มสาธยายข้อผิดพลาดอย่างไร้ความปราณี ในตอนนั้นเองที่จุดผิดพลาดของอาหารชั้นเลิศอันดับหนึ่งในอาณาจักร ถูกเปิดเผยด้วยน้ำมือของปู้ฟาง
เฉียนเป่าอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เขารีบสั่งให้บริกรหญิงจดข้อผิดพลาดที่ปู้ฟางบอกทันที
ชายเจ้าของร้านไม่ได้ประหลาดใจมากนักที่ปู้ฟางจับข้อผิดพลาดของหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีนได้หลายจุด เนื่องจากอาหารจานนี้จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับปลาคาร์ปหินผัดแห้ง
“นายน้อยปู้ ลองชิมจานนี้ด้วยสิ ซี่โครงขี้เมาเปรี้ยวหวาน” เขาพูดชวนต่อ
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับตรงข้ามกับความคาดหมายโดยสิ้นเชิง ปู้ฟางให้คะแนนอาหารจานนี้ต่ำมาก ทั้งยังหาข้อผิดพลาดได้มากกว่าหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีนเสียอีก
เฉียนเป่าตกใจเป็นอันมาก เขาคิด “เพราะเหตุใดกัน ซี่โครงขี้เมาเปรี้ยวหวานนั้นอร่อยกว่าหมูพลังปราณตุ๋นซอสแดงตำรับจีนเล็กน้อยแท้ๆ…”
เซียวเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ พยายามกลั้นยิ้ม การเอาซี่โครงเปรี้ยวหวานมาแสดงต่อหน้าเถ้าแก่ปู้นั้น ไม่ต่างอะไรกับการล่อเป้าให้โดนสับจนเละ ทุกคนรู้ดีว่าซี่โครงเปรี้ยวหวานของปู้ฟางนั้นอร่อยที่สุด ไม่มีใครเทียบเทียมได้
ปู้ฟางไม่สนใจเฉียนเป่า แต่กลับหันไปมองเป็ดอบบุปผาที่ทำท่าเหมือนอยากบินหนีออกจากโต๊ะแทน
“จัดจานเช่นนี้ก็… น่าสนใจใช้ได้” มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ขณะใช้ตะเกียบจิ้มเข้าไปที่ลำตัวเป็ด แรงผลักเล็กน้อยส่งผ่านตะเกียบกลับมาที่มือเขา
“แปะ แปะ!” เมื่อเฉียนเป่าเห็นว่าปู้ฟางกำลังจะชิมเป็ดอบบุปผาซึ่งเป็นอาหารจานเอกหนึ่งเดียวของร้าน เขาก็ปรบมือด้วยความกระตือรือร้นทันที
ในตอนนั้นเองบริกรหญิงหุ่นอวบอัดในชุดกระโปรงยาวผ่าให้เห็นแทบทั้งขาก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ปู้ฟางด้วยท่วงท่าสง่างาม กลิ่นหอมจากกายของนางตลบอบอวลไปทั่ว
ปู้ฟางขมวดคิ้วก่อนพูดเสียงเรียบ “อย่าเข้ามาใกล้ข้ามาก กลิ่นเครื่องหอมจากตัวเจ้าจะทำให้ประสาทรับกลิ่นกับรสของข้าเพี้ยน”
“หา” บริกรสาวชะงักค้าง ใบหน้าสวยสดเต็มไปด้วยความสงสัย นางถือมีดค้างทื่ออยู่กลางอากาศ ดูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เฉียนเป่าชะงักไปชั่วครู่ก่อนขมวดคิ้ว เขาจ้างหญิงสาวรูปงามเหล่านี้มาเพื่อปรนนิบัติขุนนางและชนชั้นสูงที่มากินอาหารที่ร้าน ทั้งยังใช้เงินจำนวนมากในการซื้อเครื่องสำอางเพื่อเปลี่ยนบริกรหญิงทั้งหลายให้สวยมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวิธีนี้จะมีผลต่อความอยากอาหารของลูกค้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD