ร่างเพียวบางของเหล่าสาวงามในบาร์เบียดเสียดกันอยู่ในห้องแต่งตัว กระจกบานใหญ่ที่ติดเรียงรายบนผนังห้องสะท้อนความสวยของใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มสีสันเฉิดฉาย เครื่องสำอางปรุงแต่งวางเต็มแน่นขนัดบนโต๊ะ บางคนกำลังทาบชุดสวยกับเรือนร่างตัวเอง
“ชุดนี้สวยจริงๆ เลยนะพี่แหวน ดูสิสีถูกใจจัง”
“แหมๆ ก็ดูสิว่าใครเป็นคนออกแบบเลือกซื้อ” แหวนตอบรุ่นน้องเสียงสูง
“อืม พิตต้า แล้วเจ้าตัวอยู่ที่ไหนเนี่ยวันนี้ยังไม่เห็นเลย”
“นั่นสิ สงสัยเบื่องานที่นี่แล้วล่ะมั้ง” ทั้งสาวนักเต้น สาวดริ๊งค์ต่างหันมองหาน้องสาวคนสวย แต่ก็ไร้วี่แววทุกคนมองหน้ากันและกันก่อนจะเบ้ปากผิดหวัง
“วิ้ว วิ้ว” ด้านหน้าบาร์เกิดเสียงโฮ่ร้องเป่าปากเฮฮาลั่น ราวกับมีกองเชียร์ฟุตบอลอพยพเข้ามาในบาร์
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ...ไปดูซิ” แหวนรีบวางแปรงปัดแก้มแล้วลุกไปสมทบกับรุ่นน้องคนอื่นๆ ยิ่งเดินออกมาเสียงอึกกระทึกคึกโคมก็ยิ่งดัง โดยเฉพาะเสียงของบรรดาลูกค้าหนุ่มๆ ทุกสายตามองไปยังสิ่งที่เป็นต้นเหตุของการเกิดเสียง
“ใครกันน่ะ...โฮดูสิเต้นเก่งชะมัด” ร่างบางเอวเล็กคอดกิ่วกำลังโยกย้ายบิดสะโพกตามจังหวะเสียงเพลง ทั้งแขนและขาสบัดปัดเหวี่ยงเหนี่ยวรั้งเสาเหล็กที่เลื่อนสูงขึ้นด้วยการควบคุมของเครื่องจักร บั้นเอวกลมกลึงสั่นระรั่วยามที่เธอส่ายสะโพก เรียวขายาวเกี่ยวเสาแอ่นเอนกายอ่อนราวกับนักกายกรรม เนื้อนวลขาวละเอียดกระทบแสงไฟเป็นแสงระยิบทำให้ผิวเนียนสวยเด่นขึ้น เนินอกโผ่ล้นพ้นชุดเกาะอกสีแดงลูกไม้ ต้องตาต้องใจลูกค้าด้านหน้าเวทีจนต้องอ้าปากค้างจ้องมองไม่กระพริบตา ยิ่งเวลาเธอยกขาขาวสูงชายหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แทบตาถล่นออกมา
“พิตต้า” หญิงสาวที่อยู่บนเวทีหันมาส่งยิ้มให้บรรดาเพื่อนร่วมงานที่ตกตะลึงอยู่ด้านข้าง ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางคมเข้มเจิดจรัสสวยงาม ดวงหน้าเรียวรับกับวิกผมหน้าม้าสีทองประบ่า หญิงสาวส่ายเอวโยกโยนตัวเรียกเสียงฮือฮ่าอยู่นานสองนานกว่าที่นักเต้นทั้งหลายจะตั้งสติได้แล้วออกไปร่วมสนุกบนเวที
“สุดยอดเลยแม่คนนี้จะทำอะไรไม่เคยปรึกษาพี่น้อง ดูสิส่ายเอวจนมันจะหักอยู่แล้ว”
“เริ่ดมากน้องสาวเจ๊ สวยโคตรๆ”
“นังกาน เวอร์ไปฉันก็เต้นได้แบบนี้”
“รู้แล้วน่าพี่แหวน แต่ไอ้บางอย่างมันไม่เต่งตึงเหมือนพิตต้าแล้วนะ จะโยกจะส่ายมันก็ต้องระวังจะไปฝาดปากแขกเข้าหรอก” ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์เป็นเส้นหนาเบิกกว้างจ้องมองเอาเรื่องรุ่นน้องปากดี
“นังกาน เดี๊ยะแม่ตบหน้าหงาย ถึงฉันจะเหี่ยวจะยานฉันก็ยังโสดเว๊ย”
“เจ๊แหวนจ๋า คานมันมารออยู่ตรงหน้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ระวังจะไม่มีใครสอยลงมานะเจ๊”
“อี๋นะ นังกาน” ขายาวย่ำพื้นอย่างคนถูกขัดใจเสียงกรีดร้องแผดแหลมจนคนล้อมรอบแตกกระเจิง
“นี่พวกหล่อนจะมากรี๊ดอะไรกันตรงนี้ ดูสิปล่อยให้น้องทำงานหน้าเครียด เดี๋ยวจะตัดเบี้ยให้หมดเลย”
“โธ่มาอีกคนแล้ว เจ๊โด่งอย่าใจร้ายนักสิ ช่วงนี้หน้าบูดบึ้งไม่สวยเลยเจ๊”
“มันเรื่องของฉัน...ไปดูหน้าร้านได้แล้ว” แหวนมุ้ยหน้าเมื่อโดนตำหนิ เธอหันจะเดินออกแต่สายตาก็สะดุดอยู่กับภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนัวเนียคลอเคลียแลกลิ้นกันพัลวัน
“จะ เจ๊”
“อะไรของแก”
“ดูนั่นสิเจ๊...แหวนว่ามันคุ้นๆ นะ” ดนุพรถอนหายใจไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองตามที่นิ้วอวบชี้ ภาพเป็นไปตามที่ลูกน้องบรรยายหนุ่มสาวพันตูนัวเนียกันอยู่ที่โซฟามุมหนึ่งของร้าน ไม่กี่วินาทีที่เห็นขาเรียวก็ถึงกลับเซถอยหลัง หล่อนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทรงตัวให้ยืนมองภาพบาดตานั้นได้ ชายหนุ่มที่เพิ่งถอนจูบกับเด็กในบาร์ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาก็คือเจ้าของบาร์กรีนเนอร์รีนี่เอง
“คะ คุณธีร์”
“ถึงกับจะเป็นลมเลยเหรอเจ๊” แหวนรีบพยุงร่างสูงเพียวเพราะกลัวว่าจะเสียหลักล้มไป ใบหน้าหล่อนซีดเซียดไร้เลือดหล่อเลี้ยง มือไม้สั่นกระตุก แววตากลมโตที่เคลือบคอนแทคเลนส์เป็นประกายแวววาวชุ่มไปดูน้ำตาที่หล่อนพยายามฝืนไม่ให้ไหลริน
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่ได้เป็นอะไรเลย” น้ำเสียงสั่นเครือที่ถูกฝืนให้เรียบนิ่งจนแหบแห้งบอกปัดลูกน้อง แต่เจ้าหล่อนก็ยังเป็นห่วงไม่ยอมออกห่างตัวคนมีบุญคุณ
“เจ๊โด่งไปนั่งก่อนดีไหม เดี๋ยวพิตต้าลงมาเห็นเข้าจะไม่สบายใจนะเจ๊”
“ไม่ต้องห่วง แล้วนังเด็กนั่นเป็นใคร ไม่รู้หรือไงว่าคุณธีร์น่ะว่าที่สามียายพิตต้า”
“เด็กใหม่ค่ะเจ๊ เพิ่งมาสองวันเอง แหวนเห็นมันหน้าตาดีพูดจาใช้ได้เลยให้ลองทำงานดู”
“อืม แล้วแกบอกเจ้านายแล้วเหรอถึงให้มาทำงาน” ดนุพรเปลี่ยนประเด็นมาตำหนิลูกน้องแทน ทั้งที่หัวใจยังสั่นไหวราวกับมันจะหมดแรง
“บอกคุณธัญญ์แล้วค่ะ...เค้าโอเค แหวนก็เลย”
“ไล่มันออกไป อย่าให้มาเป็นเสี้ยนหนามหัวใจหลานสาวฉัน” ดนุพรออกคำสั่งเสียงเด็ดขาดจนลูกน้องกลัวลนลานทำอะไรไม่ถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม